สลายฝัน bin Laden


นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา( มิถุนายน 2554)



กลับสู่หน้าหลัก

การใช้ความรุนแรง ซึ่งเป็นเสมือน “แบรนด์” ของ bin Laden ไม่อาจจูงใจโลกอาหรับได้อีกต่อไป

การสังหาร Osama bin Laden กลางดึกของวันที่ 2 พฤษภาคม ในบ้านหลังใหญ่ที่เป็นดั่งป้อมปราการ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงอิสลามาบัดของปากีสถานเพียงแค่เอื้อม ต้องแลกมาด้วยการตามล่าอย่างทรหดนานถึง 15 ปี สงครามใหญ่อีก 2 ครั้งในอิรักและอัฟกานิสถาน และต้องสูญเงินอีกมากกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องสูญเสียชีวิตคนอีกราว 150,000 คน

ประธานาธิบดี Barack Obama อาจดูเหมือนเป็นผู้นำการรบที่ไม่เฉียบขาด แต่เขาก็ไม่เคยหยุดการตามล่าสมาชิก al-Qaeda ทั้งระดับทหารเลวจนถึงระดับบัญชาการ รวมถึงผู้นำที่หายเข้ากลีบเมฆอย่าง bin Laden ประธานาธิบดี Obama เลือกใช้วิธีให้หน่วยรบพิเศษบุกเข้าโจมตี bin Laden โดยตรง ซึ่งเสี่ยงต่อชีวิตทหารมากกว่า แทนที่จะเลือกใช้วิธีโจมตีทางอากาศถล่มบ้านที่ซ่อนตัวของ bin Laden อย่างที่ที่ปรึกษาบางคนแนะนำ และเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง

Obama ยังคงเตือนว่า มุสลิมที่นิยมความรุนแรงยังคงเป็นพลังที่อันตราย และ al-Qaeda ยังคงอยู่ แม้จะไร้ bin Laden ปัญหาที่ยังคงอยู่ในปากีสถาน เยเมนและในอีกหลายประเทศ ยังคงเป็นเชื้ออย่างดีของความรุนแรง อย่างไรก็ตาม การตายของคน ที่โลกต้องการตัวมากที่สุด เกิดขึ้นในขณะที่ฝ่ายมุสลิมหัวรุนแรงกำลังสั่นคลอน จากการเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้นทั่วทั้งตะวัน ออกกลางและแอฟริกาเหนือ งานต่อไปของผู้ที่ต้องการเห็นโลกปลอดภัยมากขึ้น ต่อจากการเด็ดชีพ bin Laden จึงเป็นการพยายามโดดเดี่ยวสงครามจีฮัดที่ใช้ความรุนแรง ซึ่งเป็นความฝันของ bin Laden ให้เหมือนกับที่ตัวเจ้าของความฝันนั้นเอง ต้องถูกโดดเดี่ยวอยู่เบื้องหลังกำแพงสูงที่ล้อมรอบบ้านที่หลบซ่อนตัวของเขา

ชายผู้ใช้ศรัทธาเป็นเครื่องมือ

bin Laden ใช้ความทุกข์ยากเดือดร้อน ของชาวมุสลิม มาสร้าง “แบรนด์” ให้แก่สงครามจีฮัดที่ใช้ความรุนแรง วิสัยทัศน์ของเขา ที่ฝันจะชำระล้างอิสลามให้บริสุทธิ์ และจัดตั้งอาณาจักรหนึ่งเดียวที่รวมชาวมุสลิมทั้งโลก แม้จะเป็นไปไม่ได้ แต่สามารถดึงดูดใจชาวมุสลิม ที่รู้สึกรังเกียจเดียดฉันท์การทุจริตของผู้นำประเทศของตัวเองได้ โดยวิธีที่ bin Laden นำมาใช้ เพื่อจะไป ให้ถึงเป้าหมายของเขานั้น คือการฆ่าและการยกย่องการสละชีพ โดยพุ่งเป้าโดยตรงไปที่ “ศัตรูทางศาสนา” หรือชาติตะวันตก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งอเมริกา น่าเศร้าที่ต้องยอมรับว่า วิธีการนี้ใช้ได้ผลกับชาวมุสลิมมานานพอสมควร โดยเรื่องเล่าที่เด่นที่สุดของ bin Laden ก็คือ เรื่องราวของเศรษฐีที่กลายเป็นยาจกของตัว bin Laden เรื่องราวของชายผู้ยอมละทิ้งอำนาจราชศักดิ์และความร่ำรวยในซาอุดีอาระเบีย มาใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย ใกล้จะเหมือนเป็นผู้วิเศษ ผู้สามารถท้าทายกองทัพที่ทรงพลังที่สุดในประวัติศาสตร์ได้

bin Laden ประสบความสำเร็จเหนือความคาดหมาย เขาทำให้คนจำนวนมากโดยเฉพาะที่ไม่ใช่มุสลิม เหมารวมว่าการใช้ความรุนแรงซึ่งเป็นเพียงยี่ห้อเฉพาะของ bin Laden กลายเป็นภาพรวมของชาวมุสลิมทั้งหมด ชาวตะวันตกมองชาวมุสลิมด้วยความหวาดกลัวว่า เป็นคนกระหายเลือดและป่าเถื่อนไปเสียทุกคน ฝ่ายชาวมุสลิมก็มองชาวคริสต์เป็นพวกจักรวรรดินิยมที่เลวทราม การสร้าง “แบรนด์แห่งความเกลียดชัง” ของ bin Laden ได้ผลอย่างดียิ่ง โดยอาศัยความคิดแบบเหมารวมข้างต้น

การเสี้ยมว่านี่คือการปะทะระหว่างอารยธรรม ทำให้ bin Laden สามารถดึงชาติตะวันตกให้กระโจนลงสู่สงครามต่อต้านการก่อการร้ายทั่วโลก วินาศกรรม 11 กันยายน 2001 ทำให้สหรัฐฯ และชาติตะวันตกต้องเข้าสู่สงครามที่สูญเสียทั้งเลือดเนื้อและทรัพย์สมบัติ สหรัฐฯ ต้องทุ่มเททรัพยากรมหาศาลไปกับความมั่นคงภายในประเทศ ส่วนในต่างประเทศ สหรัฐฯ ต้องถูกเบี่ยงเบน ความสนใจไปจากปัญหาใหญ่ที่ท้าทายอำนาจของตัวเองมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ซึ่งสหรัฐฯ กำลังเผชิญอยู่ในเอเชีย

ตลอดเวลาแห่งการทำสงครามต่อต้านการก่อการร้าย สหรัฐฯ ต้องยอมลดคุณค่าหลายอย่างที่ตนยึดถือ และเป็นจุดแข็งของตนเองมาตลอด เพราะนี่คือสงคราม อย่างเช่นการทรมานนักโทษก่อการร้าย และการขังลืมผู้ต้องสงสัยก่อการร้ายที่ค่ายกักกัน Guantanamo ยังคงไม่ชัดเจนว่า การที่สหรัฐฯ หาตัว bin Laden จนพบได้นั้น เป็นเพราะข้อมูลที่เค้นมาได้จากการทรมานนักโทษหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ คือ สารที่ bin Laden ส่งออกมานั้น ประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะเขาสามารถทำให้อเมริกาต้องยอมละทิ้งการเคารพในเสรีภาพและสิทธิมนุษยชน ทำให้ bin Laden กลับอ้างได้อีกว่า สหรัฐฯ กระทำการล่วงละเมิดชาวมุสลิม

สารดังกล่าวยังหนักแน่นพอที่จะอยู่รอดต่อไป แม้เจ้าของสารจะลาโลกไปแล้ว สาขาของ al-Qaeda ที่กระจายอยู่ทั่ว Sahel ในแอฟริกา คาบสมุทรอาหรับ และทั่วโลก จะพยายามพิสูจน์ความแข็งแกร่งของสารนี้ด้วยการก่อการร้ายต่อไป ได้แต่หวังว่าบรรดาเครื่องคอมพิวเตอร์ แผ่นดิสก์ และไดรฟ์ต่างๆ ที่หน่วยรบพิเศษของสหรัฐฯ ยึดมาได้จากบ้านของ bin Laden จะช่วยให้สามารถทำลายแผนก่อการร้ายต่างๆ ได้ทันเวลา

ยุทธศาสตร์ที่ล้มเหลว

อย่างไรก็ตาม สารของ bin Laden อาจจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ตาม แต่ยังไม่อาจบดบังความจริงที่ว่า เขากำลังสูญเสียพลังในการดึงดูดใจชาวมุสลิม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวในการใช้ความรุนแรง เพื่อไปให้ถึงเป้าหมายที่ bin Laden ตั้งเอาไว้ในโลกมุสลิม

แม้ว่าจะต้องเผชิญกับการต่อสู้ที่นองเลือดมานานหลายปี แต่ชาติตะวันตกก็ยังคงไม่หยุดเกี่ยวข้องกับชาวมุสลิมอย่างที่ bin Laden อยากจะเห็นสงครามจีฮัดของ bin Laden ล้มเหลวในการขับไล่ทหารที่ไม่ใช่มุสลิมออกไปจากประเทศมุสลิม กองกำลังตะวันตกยังคงอยู่ในอิรักและอัฟกานิสถาน แคชเมียร์ยังมีกองทัพของอินเดีย และเชชเนียก็ยังมีกองทัพของรัสเซีย อิสราเอลยังรุ่งเรืองดี และยังไม่มีชาติอาหรับแม้แต่เพียงชาติเดียวที่ยอมรับอาณาจักรหนึ่งเดียวของมุสลิม ความฝันของ bin Laden

ยิ่งไปกว่านั้น การใช้การฆ่าเป็นวิธีที่จะช่วยชาวมุสลิมนั้น ในที่สุดแล้วกลับกลายเป็นการสร้างความรังเกียจเดียดฉันท์ตัว bin Laden ในหมู่ชาวมุสลิม หลังจากที่ al-Qaeda สังหารหมู่ชาวมุสลิมชีอะห์และสุหนี่นับพันนับหมื่นคนในอิรัก ทำให้แม้แต่กลุ่มจีฮัดที่เป็นมิตรกับ al-Qaeda ยังเริ่มประณามลัทธิ takfir ของ bin Laden ที่ยอมให้มุสลิมหัวรุนแรงสามารถประกาศให้มุสลิมอื่น เป็นคนทรยศต่อศาสนา และสังหารพวกเขาได้ตามอำเภอใจ ผลสำรวจความคิดเห็นชาวมุสลิมโดย Pew Research Centre พบว่า ความเชื่อมั่นในตัว bin Laden ในดินแดนปาเลสไตน์ตกฮวบลง จาก 72% ในปี 2003 เหลือเพียง 34% และในจอร์แดนลดลงจาก 56% เหลือเพียง 13%

การลุกฮือของประชาชนที่กำลังลามไปทั่วทั้งโลกอาหรับขณะนี้ได้เขี่ยสงครามจีฮัดให้ตกไปอยู่ชายขอบ สิ่งที่หนุ่มสาวชาว อียิปต์ที่ออกมาประท้วงโค่นล้มรัฐบาลเรียกร้องคือสิทธิเสรีภาพ ไม่ใช่ อาณาจักรหนึ่งเดียวของอิสลาม แม้กระทั่งกลุ่ม Muslim Brothers ก็ดูเหมือนจะเลือกสังคมที่เป็นทางโลก มากกว่าเทวาธิปไตย

อย่างไรก็ตาม ไม่ได้หมายความว่า การเปลี่ยนแปลงทาง การเมืองในโลกอาหรับขณะนี้ จะราบรื่นหรือเป็นไปอย่างรวดเร็ว มิหนำซ้ำในชาติมุสลิมบางชาติ มุสลิมหัวรุนแรงอาจได้ขึ้นมาครอง อำนาจ แต่อย่างน้อยในขณะนี้ อิสลามกำลังมีโอกาสที่ดีที่สุดในหลายชั่วอายุคนที่จะจับมือกับการเมืองอีกครั้ง เพื่อก่อตั้งสถาบันต่างๆ ที่จะทำให้ศาสนาและการเมืองสามารถอยู่ร่วมกันได้ และนั่นจะหมายถึงการหันหลังให้แก่อุดมการณ์รวมมุสลิมเป็นหนึ่งเดียวของ bin Laden โดยสิ้นเชิง

เพื่อช่วยเร่งให้สิ่งนี้เกิดขึ้นโดยเร็ว หนึ่ง ต้องไม่เลิกปราบปรามการก่อการร้าย และ al-Qaeda จะต้องถูกหยุดยั้ง สอง ต้องยอมรับว่านักรบจีฮัดจะพ่ายแพ้ ก็ด้วยชาวมุสลิมด้วยกันเองเท่านั้น นั่นหมายถึงต้องสร้างเสถียรภาพในชาติมุสลิม โดยเฉพาะ ที่อยู่นอกโลกอาหรับ เพราะหากรัฐบาลของชาติเหล่านี้อ่อนแอ จะทำให้การก่อการร้ายเกิดขึ้นได้ง่าย ทั้งหมดนี้พูดง่ายแต่ทำยาก บางประเทศอย่างโซมาเลียและมาลี อย่างมากที่จะทำได้คงเป็นเพียงการจำกัดวงเท่านั้น อัฟกานิสถานก็คงทำได้เพียงลดจำนวนทหาร NATO ลงในปี 2014 แต่ไม่อาจถอนทหารอย่างรวดเร็วได้ ที่น่าวิตกที่สุดคือปากีสถาน แม้จะดูเหมือนตีสองหน้าเกี่ยวกับเรื่องที่หลบซ่อนตัวของ bin Laden แต่การที่ปากีสถานมีอาวุธนิวเคลียร์ ทำให้ไม่อาจทิ้งประเทศนี้ไปได้ สหรัฐฯ ยังคงต้องดึงปากีสถานไว้ใกล้ตัวดีกว่าจะปล่อยมือจากปากีสถาน

และสุดท้ายคือบรรดาชาติอาหรับ หากทำให้เกิดสันติภาพ ระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ ก็จะช่วยสลายฝันของ bin Laden ได้ แต่ที่สำคัญกว่าคือ ชาติตะวันตกควรสนับสนุนการลุกฮือของชาวอาหรับในขณะนี้ เมื่อครั้งที่ bin Laden ก่อวินาศกรรม 9/11 นั้น ชาติตะวันตกแทบไม่มีวิธีปกป้องตัวเอง นอกจากการโจมตี bin Laden โดยตรง และการพึ่งพาผู้นำเผด็จการในโลกอาหรับ แต่ขณะนี้ bin Laden ได้จากไป พร้อมๆ กับที่โลกอาหรับเกิดการเปลี่ยนแปลงความคิดทางการเมืองครั้งสำคัญ และนี่ก็คือโอกาส ที่ดีเกินกว่าจะสูญไปโดยเปล่าดาย

แปล/เรียบเรียง เสาวนีย์ พิสิฐานุสรณ์
เรื่อง ดิ อีโคโนมิสต์


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.