การลาออกของอาทิตย์บอกอะไรบ้าง


นิตยสารผู้จัดการ( กุมภาพันธ์ 2530)



กลับสู่หน้าหลัก

- 26 มกราคม 2530 อาทิตย์ อุไรรัตน์ ประกาศลาออกด้วยเหตุผลหลักคือ ไม่สามารถทำงานต่อไปได้ภายใต้แรงกดดันทางการเมือง (เหตุผลโดยละเอียดดูในปัจฉิมกถาของ ดร. อาทิตย์) ท่ามกลางความอาลัยรักไม่อยากให้เขาจากไปของคนประปา สหภาพแรงงานเคลื่อนโจมตีนักการเมืองพรรคชาติไทย

- 27 มกราคม 2530 อาทิตย์ยอมถอนใบลาออกตามคำขอร้องของพลเอกเปรม แต่มีเงื่อนไขว่ารัฐบาลควรจะแก้ปัญหารากฐานที่ทำให้เขาต้องลาออกด้วย สหภาพชุมนุมต่อพร้อมทั้งยื่นข้อเรียกร้องให้รัฐบาลเปลี่ยนรัฐมนตรีที่คุมประปาและปรับปรุงบอร์ดใหม่

- 28 มกราคม 2530 อาทิตย์ยืนยันการลาออก หลังจากที่พลเอกประจวบ สุนทรางกูร ไม่มีทีท่าว่าจะช่วยแก้ปัญหารากฐานที่ทำให้เขาทำงานไม่ได้และปฏิเสธข้อเรียกร้องของสหภาพอย่างสิ้นเชิง

- 29 มกราคม 2530 พลเอกเปรมแสดงท่าทีไม่พอใจต่อการยืนยันที่จะลาออกของอาทิตย์พร้อมทั้งอนุมัติใบลา สหภาพเคลื่อนไหวต่อโดยได้รับแรงหนุนจากสมาพันธ์แรงงานแห่งประเทศไทย

- 30 มกราคม 2530 อาทิตย์กล่าวคำอำลาพนักงานประปา พร้อมทั้งขอร้องให้สหภาพสลายตัว ท่ามกลางความโศกเศร้าอาดูรของพนักงานประปา

เหตุเกิดที่การประปานครหลวง (กปน.) นี้มีผู้อธิบายได้หลายแง่

อาทิตย์ต้องลาออกจาก กปน. เพราะโดนการเมืองเล่นงานเนื่องจากไม่ได้เป็นคนของพรรคชาติไทย ซึ่งมีรัฐมนตรีคุมหน่วยงานนี้อยู่ สอดคล้องกับคำพูดที่ว่า "มาด้วยการเมืองก็ต้องไปด้วยการเมือง และพรรคการเมืองไหนคุม ก็ต้องเอาคนของตนเข้าไป เป็นกติกา" ของพลตรีชาติชาย ชุณหวัณ รองนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรคชาติไทย

แต่เอกชัย เอกหาญกมล ประธานสหภาพแรงงานการประปานครหลวง กล่าวว่า "การที่พรรคการเมืองไหนคุมแล้วส่งคนของตนเข้ามานั้น แท้จริงคือการเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์ ถ้ายังเป็นเช่นนี้ รัฐวิสาหกิจมีแต่จะเลวลง"

ในความเข้าใจของคนทั้งหลาย แม้จะเป็นนักการเมือง อาทิตย์ได้รับการยอมรับในานะนักบริหารมืออาชีพที่ประสบความสำเร็จในการบริหารรัฐวิสาหกิจ การเข้าใจเช่นนี้มีความนัยว่า นักบริหารมืออาชีพเป็นเงื่อนไขหลักที่สำคัญยิ่งประการหนึ่งในการแก้ไขปัญหารัฐวิสาหกิจ และต้องไม่แปรเปลี่ยนเมื่อเปลี่ยนพรรคการเมืองหรือรัฐมนตรี

แนวความคิด 2 กระแสนี้ดำรงอยู่จริงในปัจจุบัน

"มาเพราะการเมืองและไปเพราะการเมือง" เกิดขึ้นในรัฐวิสาหกิจหลายแห่ง ที่อำนาจพรรคการเมืองไปถึง (ซึ่งยังมีจำนวนน้อยกว่ารัฐวิสาหกิจภายใต้อิทธิพลของกองทัพ เช่น การบินไทย เดินอากาศไทย การท่าอากาศยานฯ ของกองทัพอากาศ องค์การโทรศัพท์ฯ การสื่อสารฯ ของกองทัพบก รวมไปถึงรัฐวิสาหกิจภายใต้อำนาจของกระทรวงการคลังอีกหลายแห่งที่พรรคการเมืองแทรกเข้าไปไม่ถึง) รัฐวิสาหกิจประเภทนี้คงเหลืออีกไม่กี่แห่ง อาทิ องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อตก.) องค์การคลังสินค้า (อคส.) หรือการประปานครหลวงที่เพิ่งตกเป็นข่าวเกรียวกราวนี้

พรรคชาติไทยบอกว่าคนของตนก็พบปัญหานี้มาแล้ว ตั้งแต่สมัยที่บุรินทร์ หิรัญบูรณะ ต้องเด้งออกจาก อตก. ให้ที่แก่พัลลภ ตันหยงมาศ คนของพรรคกิจสังคม เมื่อเปลี่ยนพรรคคุมกระทรวงเกษตรและเมื่อถึงยุคของพรรคประชาธิปัตย์ คณิน บุญสุวรรณ จึงได้ขึ้นมาแทน มันเป็นวัฎจักรมาเช่นนี้ซึ่งพรรคชาติไทยก็ยอมรับกติกามาโดยไม่เคยโวย

การณ์ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น ถ้าไม่มีผู้ว่าฯ กปน. ที่ชื่ออาทิตย์

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงถือเป็นกรณียกเว้น และในที่สุดก็บานปลายกลายเป็นเรื่องการเมืองซ้อนการเมือง ซึ่งถึงที่สุดแล้วประโยชน์อันแม้จริงจะเกิดขึ้นแก่ใครยังเป็นที่สงสัยอยู่

คู่กรณีคือ รมช. สุขุมและพรรคชาติไทย ดูจะตกเป็นฝ่ายรับมาตั้งแต่เริ่มต้น เพราะนอกจากจะไม่ทันเกมการเมืองแล้วยังมีจุดอ่อนที่สำคัญคือ การแต่งตั้งบอร์ดใหม่ที่มีทั้งญาติ รมช. และผู้เกี่ยวข้องในบริษัทที่ทำการค้าขายกับ กปน. อยู่ ซึ่งแม้ว่าในที่สุดแล้วอาทิตย์ต้องไปนั้นดูเหมือนจะเป็นชัยชนะของพรรคชาติไทย แต่ถึงที่สุดพรรคชาติไทยก็ยังต้องเตรียมรับมือกับฝ่ายค้านที่รอจังหวะอยู่ด้วย

กล่าวสำหรับอาทิตย์ การตัดสินใจลาออก ดูจะเป็นการลงจากเวทีอย่างสง่างาม อาจกล่าวได้ว่าเป็นการตีบทแตกในวันที่เขารอคอยอยู่แล้ว และต่อมาการที่นายกฯ ขอร้องให้กลับมาดูก็จะเสริมให้ความสำคัญของเขาเด่นยิ่งขึ้น เนื่องจากถูก "ผู้ใหญ่" ขอร้องแกมบังคับ โดยมารยาทเขาต้องรับปากถอนใบลา แต่ในที่สุดต้องกลับเป็นยืนยันการลาออก ซึ่งถูกสื่อมวลชนตีความว่าเป็นการลาออกครั้งที่สอง นับเป็นความพลาดพลั้งที่ทำให้ถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ภาพพจน์ของวีรบุรุษเริ่มแปรเปลี่ยน ดูเหมือนเขาจะลงจากเวทีได้ไม่งดงามดังความตั้งใจเสียแล้ว นัยว่าเขาถูกกุนซือฝ่ายรัฐบาลตลบหลังเสียก่อน

สำหรับ กปน. ขณะที่เหตุการณ์ยังไม่ยุติ งานต่าง ๆ ของประปาส่วนใหญ่หยุดชะงักลงชั่วคราว ในระยะยาวขององค์กรที่ยังไม่ลงตัวในแง่ของการทำงาน ดังนั้นผู้นำยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่งขณะที่อาทิตย์ยังอยู่เขาริเริ่มงานต่าง ๆ ไว้มาก ซึ่งแน่นอนงานหลายอย่างคงต้องหยุดชะงัก ให้เวลากับผู้บริหารคนใหม่และคนประปาปรับตัวสำหรับการเปลี่ยนแปลงที่จะต้องเกิดขึ้น

สิ่งที่น่าจะมีประโยชน์อยู่บ้าง อาจจะได้แก่อุทาหรณ์สำหรับนักการเมืองและพรรคการเมืองที่คิดว่าจะสามารถแผ่อิทธิพลเข้ามาในรัฐวิสาหกิจได้อย่างง่ายดาย และความหวังที่จะให้นักบริหารมืออาชีพมาช่วยแก้ปัญหาอย่างต่อเนื่องและถึงรากถึงโคน ดูจะเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว ภายใต้เงื่อนไขความสัมพันธ์ของโครงสร้างการเมืองการบริหารเช่นนี้



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.