|

“กุลสตรี”ปรับใหญ่รับตลาดดุ-เออีซีขยายฐานบราหญิงต่ำ25ปี-รุกอินโดจีน
ASTV ผู้จัดการรายวัน(27 พฤษภาคม 2554)
กลับสู่หน้าหลัก
ไอ.ซี.ซี.ฯปลุก “กุลสตรี” ตื่นจากหลับ งัดแผนรุกตลาดชุดชั้นในครั้งใหญ่รอบ 8 ปี รับมือตลาดในประเทศแข่งเดือดและเออีซี ลั่นปีนี้ต้องโต 30% เจาะตลาดใหม่อายุ 15-25 ปี เพิ่มช่องทางไดเรคเซลส์ เล็งสยายปีต่างประเทศโฟกัสอินโดจีนก่อน
นายบุญธรรม รัตนจรัสโรจน์ ผู้อำนวยการฝ่ายชุดชั้นในกุลสตรี บริษัท ไอ.ซี.ซี.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯต้องสร้างความแข็งแกร่งให้กับชุดชั้นในแบรนด์กุลสตรีซึ่งบริษัทสร้างขึ้นมานานกว่า 37 ปีแล้ว ทั้งในตลาดไทยและขยายตลาดต่างประเทศ ซึ่งเป็นกลยุทธ์เพื่อรองรับกับการแข่งขันที่รุนแรงในไทยและรับมือกับตลาดเออีซีที่จะมีผลสมบูรณ์แบบในปี 2015 ทำให้การแข่งขันจากอินเตอร์แบรนด์เพิ่มขึ้นด้วย โดยตลาดต่างประเทศบริษัทฯวางเป้าหมายเพิ่มสัดส่วนรายได้เป็น 20% จากปัจจุบันมีเพียง 5% เท่านั้น เพราะยังไม่เน้นหนัก ตลาดหลักคือ พม่า เวียดนาม เขมร เป็นต้น โดยจะเริ่มเน้นตลาดเอเชียก่อน
ขณะที่แผนรุกตลาดในประเทศ ปีนี้ทุ่มงบตลาดมากวกว่า 30 ล้านบาท เพื่อปรับโฉมแบรนด์และกลยุทธ์ครั้งใหญ่รอบ 8 ปี โดยเริ่มที่การเพิ่มช่องทางจำหน่ายสู่ไดเร็คเซลส์ผ่านทางฟรายเดย์ซึ่งเริ่มทดลองบ้างแล้ว และการเพิ่มยอดขายจากจุดจำหน่ายเดิมที่มีมากกว่า 400 ร้านค้า
รวมทั้งการขยายกลุ่มเป้าหมายใหม่ไปยังผู้หญิงกลุ่มอายุ 15-24 ปี จากเดิมเน้นกลุ่มอายุ 35 ปีขึ้นไป สัดส่วน 70% และอายุ 25-35 ปี สัดส่วนรายได้ 30% เนื่องจากกลุ่มใหม่นี้เป็นฐานตลาดที่ใหญ่มีศักยภาพ โดยประชากรหญิงไทยอายุ 15 ปีขึ้นไปมีประมาณ 27ล้านคน เป็นอายุ 15-24 ปีประมาณ 5 ล้านคน อายุ25-39 ปีประมาณ 7.9 ล้านคน และอายุ 40 ปีขึ้นไป ประมาณ 14ล้านคน ส่วนพฤติกรรมการซื้อชุดชั้นในมีความถี่ซื้อ 2-3 ชุดต่อครั้งต่อคนต่อ 2 เดือน และกลุ่ม 15 ปีขึ้นไปมีการซื้อเพิ่มขึ้นจาก 1-2 ชุดต่อคนต่อ 2 เดือนเป็น 3 ชุดต่อ คนต่อ 2 เดือนด้วย
นอกจากนั้นมีแผนจะขยายโปรดักส์ไลน์มากขึ้น เดิมมียกทรง กางเกงใน และชุดนอนเล็กน้อย จะเพิ่มสัดส่วนชุดนอนมากขึ้น และออกสินค้าใหม่ต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดตัวชุดชั้นในคอลเลคชั่น ”ใหญ่ เล็ก ชิด ห่าง” ซึ่งตอบโจทย์ได้ครบสำหรับขนาดหน้าอกของสตรีไทย โดยมีการทำตลาดเต็มรูปทั้งบีโลว์เดอะไลน์และอะโบฟเดอะไลน์
ทั้งนี้ ตลาดชุดชั้นในเมืองไทยมีมูลค่ารวมกว่า 12,000 ล้านบาท เติบโต 10% ต่อปี แบ่งเป็น ระดับบน มูลค่า 5,000 ล้านบาท (ราคา 700 บาทขึ้นไป) มีแบรนด์วาโก้เป็นผู้นำตลาดแชร์ 58% รองมาคือ ซาบีน่า 15% ไทรอั๊ม 15% อื่นๆ 12% ส่วนระดับกลางมูลค่า 5,000 ล้านบาท (ราคา 200-700 บาท) โดยกุลสตรีเป็นผู้นำใกล้เคียงกับจินตนามีส่วนแบ่งรายละ 10% ซึ่งกลุ่มนี้มีมากกว่า 30 แบรนด์ท้องถิ่น และระดับล่าง (ราคา 50-200 บาท) มูลค่า 2,000 ล้านบาท
“เราอยู่ในกลุ่มระดับกลางซึ่งส่วนใหญ่ตลาดจะเน้นแข่งขันด้านโปรโมชั่น การลดราคาต่างๆ แต่เราพยายามทำในส่วนที่เป็นมูลค่าเพิ่มของตัวสินค้าและตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคให้ตรงจุด”
สำหรับแผนการรุกตลาดครั้งใหญ่นี้ นายบุญธรรมกล่าวว่า จะส่งผลให้บริษัทฯมีรายได้จากชุดชั้นในกุลสตรีปีนี้เพิ่มขึ้นกว่า 30% ซึ่งสูงกว่าทุกปีที่ผ่านมา จากรายได้รวมของกุลสตรีปีที่แล้ว 500 กว่าล้าบาท และจะเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเป็น 12% จากเดิม 10% จากมูลค่าตลาดกลุ่มนี้ที่มี 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะมาจากการขยายตลาดกลุ่มใหม่เป็นหลัก
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|