“เถ้าแก่น้อย”รุกขนมขึ้นรูป 8รายใหม่ตอดแชร์สาหร่าย


ASTV ผู้จัดการรายวัน(27 พฤษภาคม 2554)



กลับสู่หน้าหลัก

ตลาดสาหร่ายทอดกรอบแข่งเดือด ปีนี้มีรายใหม่เข้ามาอีก 7-8 แบรนด์ ขณะที่ต้นทุนการผลิตเพิ่มสูงขึ้น “เถ้าแก่น้อย” วางหมากป้องบัลลังภ์ เท 150 ล้านบาทขยายฐานผลิต เพิ่มไลน์สินค้าใหม่อีก 3 ตัว ล่าสุดผุดขนมขึ้นรูป ภายใต้แบรนด์ “หมึกพอล”เข้าสู้ หวังช่วยจัดการลดต้นทุน มั่นใจสิ้นปีเติบโตอีก 15% จาก 1,500 ล้านบาท

นายอิทธิพัทธ์ กุลพงษ์วณิชย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ด แอนด์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดสาหร่ายทอดกรอบมูลค่า 2,000 ล้านบาท ปีนี้มองว่าจะเติบโตได้ไม่ต่ำกว่า 10% ส่วนสำคัญมาจากภาพรวมการเมืองที่มีทิศทางดีขึ้น รวมถึงเศรษฐกิจที่กลับมาฟื้นตัว ทำให้นักลงทุนเกิดความมั่นใจในการลงทุน โดยในส่วนตลาดสาหร่ายเอง คาดว่าจะมีผู้เล่นรายใหม่เข้ามาไม่ต่ำกว่า 7-8 ราย โดยเป็นบริษัทใหญ่ถึง 5 ราย

อย่างไรก็ตาม ปีนี้ต้นทุนราคาสาหร่ายยังมีการขยับตัวสูงขึ้นราว 15% และเมื่อรวมกับต้นทุนด้านอื่นๆแล้ว เฉลี่ยมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 12% ส่งผลให้บริษัทต้องมีการปรับตัววางแผนการดำเนินงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงมีการลงทุนนำเอานวัตกรรมใหม่เข้ามาใช้ และมีการเปิดตัวไลน์สินค้าใหม่ ที่มีต้นทุนต่ำแต่ผลิตได้จำนวนมาก อีกทั้งยังวางราคาจำหน่ายที่เหมาะสมได้ ขณะที่สาหร่ายเถ้าแก่น้อย ยังคงราคาเดิม เชื่อว่าจะส่งผลให้สิ้นปีนี้ บริษัทจะมีรายได้รวมเติบโตขึ้นไม่ต่ำกว่า 15% จาก 1,500 ล้านบาทในปีก่อน แบ่งออกเป็น รายได้ในประเทศ 55% และต่างประเทศ 45%

โดยแผนธุรกิจในปีนี้ จะมีการเปิดตัวไลน์สินค้าใหม่ 2 แบรนด์ คือ แบรนด์ “หมึกพอล” เป็นกลุ่มขนมขึ้นรูปทำจากข้าวโพดโรยสาหร่าย รสจัดจ้าน จับกลุ่มเด็กถึงผู้ใหญ่ เน้นช่องทางขายโมเดิร์นเทรด โดยเฉพาะเซเว่นอีเลฟเว่นเป็นที่แรก เริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่ 29 พ.ค.นี้เป็นต้นไป ราคาจำหน่าย 5,10,20 บาท ใกล้เคียงกับสาหร่ายเถ้าแก่น้อย มั่นใจว่าภายในสิ้นปีนี้จะทำรายได้สูงถึง 100 ล้านบาทได้ หรืออย่างต่ำต้องไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท

ในช่วงเดือนต.ค. จะออกขนมขึ้นรูปอีก 1 แบรนด์ รวมถึงนวัตกรรมใหม่ในกลุ่มสาหร่ายอีก 1 รายการด้วย ขณะที่งบสร้างแบรนด์และงบการตลาดสำหรับสินค้าใหม่นั้น จะใช้ประมาณ 15-20 ล้านบาท รวมทั้ง 3 รายการแล้ว ปีนี้จะใช้งบราว 60 ล้านบาท

นอกจากนี้ปีนี้ยังได้มีการย้ายฐานผลิตจากเดิมที่บางบัวทอง มาตั้งโรงงานแห่งใหม่อยู่ที่ อยุธยา รวมการลงทุนและเครื่องจักรไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาท ขณะนี้เพิ่งเริ่มก่อสร้าง บนที่ดินกว่า 32 ไร่ ซึ่งการขยายฐานโรงงานการผลิตนี้ เพื่อต้องการเพิ่มกำลังการผลิต จากการผลิตสาหร่ายได้วันละ 1.5 ล้านแผ่น เป็น 2 ล้านแผ่นในสิ้นปีนี้ และในปีหน้าเป็น 3 ล้านแผ่น เพื่อรองรับการเติบโตในต่างประเทศ ที่จะให้ความสำคัญมากยิ่งขึ้น


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.