“ตัน”ปั้นอิชิตันถล่มบ้านเก่า ไร้สัญญาใจ”เจริญ”-เกทับไซส์โออิชิ


ASTV ผู้จัดการรายวัน(27 พฤษภาคม 2554)



กลับสู่หน้าหลัก

“ตัน” ลั่นไม่มีสัญญาใจ “เสี่ยเจริญ” เดินหน้าลุยธุรกิจชาเขียวพร้อมดื่ม อัด 150 ล้านบาท ปั้น”อิชิตัน” แจ้งเกิด หวัง 3 ปี ขึ้นท็อปทรี อัดโปรโมชั่นตามรอยโออิชิ เตรียมจ่อแตกไลน์เครื่องดื่มใหม่ดาหน้าทำตลาดเพียบ เมินทำแอลกอฮอล์ สิ้นปีรายได้รวม 1,700 ล้านบาท

นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ไม่ตัน จำกัด ผู้ทำตลาดชาเขียวพร้อมดื่มอิชิตัน กล่าวว่า นโยบายการดำเนินธุรกิของบริษัทฯจะทำจเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์เพียงอย่างเดียว และไม่สนใจจะทำธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เปิดตัวฟังก์ชันนัลดริงก์ภายใต้แบรนด์”ดับเบิ้ล ดริ้งค์”ไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และล่าสุดบริษัทได้ทุ่มงบ 150 ล้านบาท รุกตลาดชาเขียวพร้อมดื่มภายใต้แบรนด์ ”อิชิตัน” โดยมีจุดขายเป็นชาเขียว ออร์แกนิค กรีนที 100% เพื่อให้สอดรับกับกระแสสุขภาพที่มาแรงทั่วโลก และเทรนด์ออร์แกนิคที่กำลังได้รับความนิยม

“ที่ผ่านมาผมไม่ได้มีสัญญาใจใดๆ ทั้งสิ้นระหว่างไทยเบฟฯ ว่าจะไม่ทำธุรกิจชาเขียวพร้อมดื่ม มีเพียงแต่หลังจากการขายหุ้นให้ ต้องทำงานในบริษัทโออิชิ กรุ๊ป 3 ปี แต่ที่ผ่านมาผมทำถึง 5 ปี กระทั่งยอดขายจาก 4,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 1 หมื่นล้านบาท และหุ้นเพิ่มจาก 32 บาท กระทั่งปัจจุบันเป็น 100 บาท ต้องยอมรับว่า การทำธุรกิจทุกวันนี้ คือ การแข่งขัน”

อย่างไรก็ตามจากการเข้ามาทำตลาดของอิชิตัน คาดว่าจะผลักดันให้ตลาดชาเขียวพร้อมดื่มมูลค่า 8,000 ล้านบาท ในปีนี้เติบโต 30% หรือมีมูลค่า 1 หมื่นล้านบาท จากปกติเติบโตเฉลี่ย 20% เนื่องจากทุกแบรนด์จะทุ่มงบการตลาดมากขึ้น โดยช่วงหน้าร้อนของปีหน้านี้ บริษัทวางแผนจะส่งแคมเปญโปรโมชันในช่วงหน้าร้อน ซึ่งเป็นโมเดลการทำตลาดคล้ายกับโออิชิ ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 60%

ทั้งนี้บริษัทวางเป้าหมายภายใน 3 ปี จะขึ้นมาเป็นท็อปทรีของตลาด ด้วยการครองส่วนแบ่ง 30% จากปัจจุบัน เพียวริคุ เป็นอันดับ 2 และลิปตัน อันดับ 3

สำหรับการทำตลาดโฟกัส 3 แนวทาง คือ 1.เปิดตัวขนาดใหม่ที่มีความคุ้มค่าคุ้มขนาด 420 มล. ราคา 16 บาท เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายอายุ 15-40 ปีขึ้นทั้งกลุ่มผู้หญิงและผู้ชาย เมื่อเทียบกับคู่แข่ง โออิชิ ขนาด 500 มล. ซึ่งมีข้อเสียเปรียบ คือ ปริมาณมากเกินไป และขนาด 350 มล. ปริมาณน้อยเกินไปสำหรับผู้ชาย 2.การออกแบบแพกเกจจิ้งดูดี

และ 3.การมีคุณภาพสินค้าที่ดีเป็นอันดับหนึ่งของผู้บริโภคไทย ซึ่งขณะนี้ได้วางจำหน่ายผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรด โดยให้ดีเคเอสเอชเป็นผู้กระจายสินค้า และคาดว่า 1-2 ปี จะครอบคลุมทุกช่องทาง

“การเข้ามาทำตลาดชาเขียวพร้อมดื่ม อิชิตัน ผมไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะเป็นเบอร์ 1 ในตลาด แต่ต้องการเป็นอันดับ 1 ในด้านของคุณภาพของผลิตชาที่ดีสู่ผู้บริโภค ซึ่งมีด้วยกัน 3 รสชาติ คือ ออริจินัล น้ำผึ้งผสมมะนาว และเก๊กฮวย ส่วนยอดขายดับเบิ้ล ดริ้งค์ ที่ผ่านมา จัดว่าเป็นฟังก์ชันนัลดริงก์ ที่ได้รับการตอบรับที่ดี มียอดขาย 50 ล้านบาท จากตลาดมูลค่า 2,000-3,000 ล้านบาท”

นายตัน กล่าวต่อถึงความคืบหน้าโรงงานโรจนะ ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งได้ทุ่มงบ 2,400 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จสิ้นปีนี้ และเริ่มผลิตเครื่องดื่มในต้นปีหน้า มีกำลังการผลิต 15 ล้านขวดต่อเดือน ซึ่งบริษัทวางให้ชาเขียวพร้อมดื่มอิชิตัน เป็นแบรนด์เรือธงที่สร้างการรับรู้ จากนั้นจะสร้างแบรนด์ใหม่ๆออกมา

สำหรับผลประกอบการปีนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้ 1,700 ล้านบาท แบ่งเป็น รายได้ จากดับเบิ้ลดริ้งค์ 500 ล้านบาท และ 200 ล้านบาทเป็นธุรกิจอาหาร ส่วนชาเขียวพร้อมดื่มอิชิตัน 1,000 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่ง 10% อันดับ 4 ของตลาด และตั้งเป้า 3 ปี รายได้เพิ่มเป็น 3,000 ล้านบาท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.