ศึกชิงเก้าอี้ ฉัตรชัย บุญยอนันต์ จะเล่นแบบไทยๆ หรือระบบสากล


นิตยสารผู้จัดการ( มีนาคม 2530)



กลับสู่หน้าหลัก

เอ็นจอยปากกันหนาหูว่าเก้าอี้ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการตลาดของการบินไทยที่ ร.ต.ท. ฉัตรชัย บุณยอนันต์ รักษาการอยู่ควบคู่กับตำแหน่งรองผู้อำนวยการใหญ่ ควรที่จะถึงเวลาผลัดเปลี่ยนเสียทีหรือยัง ซ้ำร้ายยังมีข่าวลืออีกว่า เรื่องราวต่าง ๆ ในการบินไทยกลายเป็นเรื่องของขบวนการมาเฟียไปเสียแล้ว ลือเสียจน ปปป. เองก็ทนไม่ได้ที่จะต้องให้ความสนใจ

"ไม่ใช่เขาไม่มีการคัดเลือก คัดกันมาสองรอบแล้ว โดยเลือกทั้งจากคนภายนอกและภายใน แต่ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ ต้องไม่ลืมว่าเก้าอี้ฝ่ายการตลาดนั้นไม่แตกต่างอะไรไปกับไม้เท้าชี้เป็นชี้ตายให้การบินไทย ซึ่งพยายามที่จะพุ่งตัวเองให้เป็นสายการบินระดับโลก" แหล่งข่าวระดับสูงเผยกับ "ผู้จัดการ" ถึงเรื่องดังกล่าวและตอกย้ำอีกว่า "ยังไงก็ต้องมีการเปลี่ยนแน่ ๆ"

เป็นที่ยอมรับกันว่าความสำเร็จของการบินไทยที่ได้รับเลือกให้เป็นสายการบินดีเด่นของนานาชาติ ด้านหนึ่งเกิดขึ้นจากฝีมือการทำงานที่เต็มไปด้วยความช่ำชอง ลึกซึ้งถึงการตลาดอันแยบยลของสายการบินของ ร.ต.ท. ฉัตรชัย บุณยอนันต์ ที่รั้งเก้าอี้ตัวนี้มาหลายปี

"ฉัตรชัยเป็นคนมีฝีมือเขาเป็นคนไทยคนเดียวที่อาจกล่าวได้ว่ารู้เรื่องการบินอย่างทุกขุมขน" คนที่คลุกคลีในวงการพูดถึงฉัตรชัยให้ "ผู้จัดการ" ฟัง

และถ้าดูถึงเส้นทางชีวิตของเขาก่อนมาปักหลักกับเจ้าจำปีก็คงเป็นคำกล่าวอ้างที่ไม่เกินความจริงแต่อย่างใด ฉัตรชัยเป็นนักเรียนอังกฤษ หลังจบการศึกษาก็มาสมัครเข้าทำงานกับบริติช แอร์เวย์ โดยรับตำแหน่ง ผู้จัดการฝ่ายขายประจำเมืองไทย และระหว่างปฏิบัติงานอยู่นั้นทางสำนักงานในไทยได้ส่งเขากลับไปฝึกอบรมอย่างหนักหน่วงอีกครั้ง

โดยมุ่งหวังว่าเขานี่แหละจะเป็นคนไทยคนแรกที่เป็นผู้จัดการใหญ่!

ซึ่งพูดถึงการเรียนรู้ด้านการบินแล้วต้องซูฮกกันว่า มีแต่บริติช แอร์เวย์ กับยูไนเต็ด แอร์ไลน์ เท่านั้นที่ฝึกให้คนของเขาที่จะขึ้นเป็นผู้นำจำต้องรู้ในทุกๆ เรื่อง ๆ และต้องรู้ดีเป็นพิเศษ

ในจำนวนคนที่เข้าอบรมฉัตรชัยเป็นหนึ่งที่ไม่มากนักที่สามารถผ่านด่านอันยากเย็นแสนเข็ญนั้นมาได้

"แต่ชีวิตของเขาผกผันหน่อยตรงที่ว่า จู่ ๆ Head Office ก็ไม่ย่อมเปลี่ยนนโยบายที่จะให้คนไทยขึ้นเป็นผู้จัดการใหญ่ ฉัตรชัยเลยอกหัก" ผู้ใกล้ชิดเขากล่าวกับ "ผู้จัดการ"

ตะวันยามใกล้อัสดงนั้นทอแสงเรื่อไรงดงามยิ่งนัก ที่ก๊วนของพวกทำงานสายการบินซึ่งอยู่ที่ซอยพัฒนพงศ์ เย็นวันหนึ่งฉัตรชัยที่กำลังร้าวระบมก็ได้พบกับ นีลด์ รูล โฮมส์ มาร์เก็ตติ้ง ไดเรคเตอร์ของเจ้าจำปีในขณะนั้น (1967) นีลด์กำลังมองหาคนที่จะเข้าไปทำด้านการตลาดเมื่อเจอกับมือฉมังอย่างฉัตรชัยเขาจึงไม่รีรอที่จะชักชวน

ด้วยฝีไม้ลายมือที่มีมากับตัว และลูกเล่นที่นีลด์ช่วยสร้างสรรค์เพิ่มเติม ปรากฏว่าเส้นทางบินของฉัตรชัยในเจ้าจำปี แทบจะไม่เคยตกหลุมอากาศ เขาไต่เต้าจนมารับตำแหน่งควบคู่กันถึง 2 ตำแหน่งในปัจจุบัน

"คุณฉัตรชัยแกไม่หวงเก้าอี้ตัวที่ใคร ๆ ต้องการไว้หรอกผลงานและความดีที่สร้างชื่อให้มาตลอดนั้นตั้งแต่เข้ามาอยู่การบินไทย คิดหรือว่าแกจะยอมให้เสียไปเพราะเรื่องนี้" คนใกล้ชิดกล่าวกับ "ผู้จัดการ"

เป็นอันว่าเปลี่ยนน่ะเปลี่ยนแน่ แต่เมื่อฉัตรชัยจากไปใครเล่าจะเข้ามา

เสียงกล่าวกันก็ว่าจะมีการรักษาเก้าอี้ตัวนี้ไว้ระยะหนึ่งเพื่อสงวนสิทธิ์ให้กับคนของกลุ่มที่กุมอำนาจในการบินไทยปัจจุบันโตขึ้นมาให้ทันเสียก่อน

คนที่ได้รับการคาดหมายมากที่สุดก็คือ นเรศ หอวัฒนกุล ผู้อำนวยการภาคประจำประเทศไทยซึ่งมีอายุงานอาวุโสที่สุด และนเรศผู้นี้ก็เคยมีข่าวว่าครั้งหนึ่งเขาเคยได้รับการเสนอชื่อในระดับบอร์ดให้พิจารณาเพื่อแทนฉัตรชัยมาเมื่อ 2-3 ปีก่อน แต่เรื่องถูกเก็บเอาไว้

ว่ากันว่านเรศเป็นผู้ที่มีความสามารถทั้งในดด้านการตลาดและต่างประเทศพอตัว เคยรับตำแหน่ง ผจก. ฝ่ายขายประจำอังกฤษมาแล้ว แต่ถึงแม้นเรศจะเหมาะสมด้วยเหตุผลหลาย ๆ อย่างแต่เขาเป็นคนที่มีจุดอ่อนที่ว่า ไม่ค่อยจะหวือหวารวดเร็วนัก ทำงานแบบไปเรื่อย ๆ ซึ่งการบินไทยในยุคที่ต้องบินไปเผชิญหน้ากับนกเหล็กสายอื่น ๆ ทางบอร์ดเองเกรงว่าอาจเกิดปัญหาขึ้นได้ในอนาคต

อย่างไรก็ตามนเรศยังเป็นหนึ่งที่ถูกระบุว่าเขานั้นขึ้นมาได้

คนในเจ้าจำปีอีกคนที่ได้รับกะเก็งว่าอาจพุ่งแรงแซงโค้งขึ้นมาก็คือ ประเสริฐ ลิมปิวัฒนา ซึ่งเป็นคนที่ฉัตรชัยไปดึงมาจากบริติช แอร์เวย์ และประเสริฐก็เป็นคนไทยอีกคนหนึ่งที่ผ่านการฝึกอบรมมาเช่นเดียวกับฉัตรชัย เรียกได้ว่าฝีไม้ลายมือนั้นก็เหยียบเมฆคนหนึ่ง

ประเสริฐเข้าสู่เจ้าจำปีครั้งแรกในตำแหน่ง ผจก. ฝ่ายขายของบริษัทนำเที่ยวของการบินไทยจากนั้นก็ไต่เต้าจนปัจจุบันไปเป็น ผจก. ฝ่ายขายประเทศญี่ปุ่น สไตล์การทำงานของประเสริฐราวกับจะถอดพิมพ์ออกมาจากฉัตรชัยเลยทีเดียว ทั้งคู่เป็นคนที่เข้าสังคมเก่ง และมนุษย์สัมพันธ์ค่อนข้างสูง

ประเสริฐเป็นรองนเรศเพียงแค่อายุงานที่น้อยกว่าเท่านั้น!

แต่ถ้ามองถึงการขยายตัวที่จะบินผงาดฟ้าของเจ้าจำปีในอนาคต ชื่อของประเสริฐจึงไม่อาจที่จะทำหล่นตกหายไปได้ ...

ทว่าก็มีแรงผลักดันอีกปีกหนึ่งที่พยายามจะดึงคนนอกให้เข้ามารับตำแหน่ง และคนที่ได้รับการทาบทามเอาไว้ก็คือ วีรชัย วรรณนิกุล ซึ่งเคยเป็นมือดีของการบินไทยมาก่อน และเคยเป็นลูกพี่เก่าของ ธรรมนูญ หวั่งหลี คนใหญ่อีกคนหนึ่งของการบินไทยในปัจจุบัน

"วีรชัยนั้นถ้าเขาไม่ขัดแย้งกับสายอำนาจของการบินไทยในยุคนั้น ป่านนี้เขาคงไปไกลลิบแล้วเพราะคน ๆ นี้เป็นคนที่มีฝีมือมาก สมัยนั้นแกเป็นคู่รัก-คู่แค้นของ พล.อ.อ. กมล เตชะตุงคะ อดีต ผบ.ทอ. ที่เป็นประธานการบินไทย" แหล่งข่าวท่านหนึ่งเผยกับ "ผู้จัดการ"

วีรชัยปีกหักมาจากการบินไทย ก็โผเข้าสู่รังของแอร์สยาม ซึ่งเป็นคู่แข่งของการบินไทย ทันทีที่มาอยู่แอร์สยามวีรชัยก็เปิดศึกอัดการบินไทยด้วยการเปิดเที่ยวบินสายฮ่องกงทันทีด้วยการตั้งราคาขายแค่ 2,000 กว่าบาท ยุทธการหักปีกหรือแค้นที่ต้องชำระของวีรชัย ปรากฏว่าทำเอาการบินไทยเสียรังวัดไปไม่น้อย

สไตล์การทำงานของวีรชัยคนที่เคยร่วมงานกับเขาบอกว่า "แกยึดการรบแบบกองโจรเป็นหลัก รอดักจังหวะซุ่มโจมตี และเมื่อตีก็ตีไม่ยั้ง สมัยนั้นสามารถสร้างแอร์สยามจากที่ไม่มีใครรู้จักให้เป็นที่โด่งดังได้"

ผลงานรับประกันคุณภาพอีกเรื่องหนึ่งของวีรชัยก็คือ การได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาของแอร์ลังกา ปลุกตลาดเอเชียของแอร์ลังกาให้ก้าวกระโดดได้อย่างฉับพลัน ทำเสียจนทางแอร์ลังกาหมดปัญญาที่จะจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้ ปัจจุบันวีรชัยทำบริษัทที่ปรึกษาด้านการบินให้กับสายการบินต่าง ๆ หลายสาย

"แต่ผมว่าทางที่เสือจะคืนถิ่นของวีรชัยนั้นค่อนข้างจะลำบาก เพราะยังมีบางคนที่ไม่ชอบหน้าแกอยู่" แหล่งข่าวท่านหนึ่งกล่าว

ก็คงต้องติดตามดูกันต่อไปว่าจุดยุติของศึกนี้จะไปจบลงกับคนชื่อไหน

ที่กระอักกระอ่วนใจเอามาก ๆ เห็นจะเป็นบอร์ดของการบินไทยนั่นแหละ เพราะงานนี้ต้องเลือกเอาว่า เพื่ออนาคตของการบินไทยที่จะทะยานสู่การเป็น "จ้าวเวหา" หากต้องเลือกสรรกันแบบระบบสากล ก็จำเป็นเหลือเกินที่จะต้องหักหน้าใครบางคน



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.