|
2 รพ.ขนาดกลาง ปรับตัวรับศึกควบรวม
ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์(18 เมษายน 2554)
กลับสู่หน้าหลัก
หลังจากเกิดวิกฤตการควบรวมโรงพยาบาลมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น “พญาไท-เปาโล” ควบรวมเข้ากับ “กรุงเทพ” หรือ “กรุงเทพ” บุกเข้าซื้อหุ้น “บำรุงราษฎร์” จนถึงล่าสุด “บำรุงราษฎร์” เข้าถือหุ้นใน “เกษมราษฎร์”
สิ่งเหล่านี้สร้างปรากฏการณ์อย่างหนึ่งให้เห็นว่าโรงพยาบาลในไทยกำลังจะถูกควบรวมจนเหลือเป็นเครือขนาดใหญ่ 2 เครือ สิ่งที่ตามมาจากการควบรวม คือ ทางเลือกที่น้อยลงของผู้ป่วย เพราะหากโรงพยาบาลเหล่านี้ฮั้วกันผู้ป่วยก็ไม่มีทางเลือกในการรักษาอย่างแน่นอน
แต่เมื่อเหตุการณ์นี้ยังไม่เกิดขึ้น โรงพยาบาลขนาดกลางจะทำอย่างไรเพื่อให้ตัวเองฝ่าด่านการถูกควบรวมไปได้ “ผู้จัดการ 360 องศา รายสัปดาห์” ได้รวบรวมข้อมูลของ 2 โรงพยาบาลขนาดกลาง อย่าง “โรงพยาบาลนครธน” ที่วันนี้ไม่สนเรื่องการควบรวมแต่หันมาพัฒนา “จิตใจ-การทำงาน” ของพนักงานให้ดีขึ้นดีกว่า หรือแม้แต่ “โรงพยาบาลวิภาวดี” ซึ่งชำนาญการควบรวมโรงพยาบาลขนาดเล็กและกลางก็มิได้นิ่งดูดายกับเหตุการณ์ กลับมุ่งพัฒนาตัวเองให้ “One Stop Service” เพื่อสร้างความแตกต่าง
‘ร.พ.นครธน’ ยึดหลัก
พัฒนา ‘คน-จิตใจ-การทำงาน’
นพ.วิโรจน์ ตระการวิจิตร ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรงพยาบาลนครธน กล่าวว่า การควบรวมกันของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ส่งผลต่อโรงพยาบาลระดับกลาง หรือเล็กแน่นอน เนื่องจากเดิมกลุ่มโรงพยาบาลขนาดใหญ่จะจับตลาดบนกับต่างชาติเท่านั้น ดังนั้น เมื่อเขาต้องการปรับตัวเองมาที่ตลาดกลาง การควบรวมกิจการจึงเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุด ทำให้ปัจจุบัน ร.พ.ขนาดใหญ่ควบรวม ร.พ.ขนาดเล็กมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม การจับมือกันของ ร.พ.เพื่อเป้าหมายการซื้อเครื่องไม้เครื่องมือหรือยาที่ถูกลงนั้น ตนมองว่าไม่ได้ช่วยเรื่องนี้มากนัก เพราะการซื้อเครื่องไม้เครื่องมือนั้นบาง ร.พ.ก็ซื้อของตัวเองอยู่แล้ว กว่าเขาจะเปลี่ยนอีกทีก็หลายปี หรือการจะมาซื้อยาร่วมกันก็ประหยัดไม่ได้มาก ถ้าเป็นยาแพงๆ ร.พ.แต่ละแห่งก็เก็บสต๊อกไม่มากอยู่แล้ว
แต่เชื่อว่าการควบรวมกันจะช่วยในเรื่องของการส่งคนไข้ต่อมากกว่า เช่น ร.พ.ขนาดกลางไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือที่มีคุณภาพเท่ากับ ร.พ.ขนาดใหญ่ ร.พ.ขนาดใหญ่ลงทุนเครื่องมือในราคาที่สูง เขาก็ต้องการการใช้งานที่คุ้มค่าก็หันไปจับมือกับ ร.พ.ขนาดกลาง ถือว่าผลประโยชน์ได้ด้วยกันทั้งคู่ ร.พ.กลางส่งคนไข้ให้ ร.พ.ใหญ่ก็ช่วยคนไข้ได้ ร.พ.ก็ได้ใช้เครื่องมืออย่างคุ้มค่า
สำหรับในอนาคตที่มีการมองกันว่าภาพการควบรวม ร.พ.จะมีให้เห็นอีก และต่อไปอาจจะเหลือแค่ร.พ.เครือใหญ่ๆ ไม่กี่เครือก็เป็นได้ ซึ่งเรื่องนี้ตนก็เห็นว่ามีแนวโน้มจะเป็นอย่างนั้น แต่สำหรับ ร.พ.นครธนแล้ว การไม่ได้อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ก็เป็นข้อดีทำให้การควบรวมทำได้ยาก นอกจากว่าเจ้าของ ร.พ.เบื่อที่จะทำธุรกิจนี้แล้วก็อาจจะขาย ร.พ.ให้กับคนอื่น แต่เชื่อว่าคงไม่มีทางเป็นอย่างนั้น เพราะเขาไม่ได้มอง ร.พ.ว่าเป็นแค่ธุรกิจ แต่เป็นสิ่งที่จะช่วยชีวิตเขาในอนาคตด้วย
อย่างไรก็ดี ปัญหาของการควบรวม ร.พ. ในปัจจุบัน ร.พ.นครธนก็ไม่ได้นิ่งดูดาย ด้วยการหันมาปรับและพัฒนาตัวเองมากขึ้น เพราะถ้าสินค้าดีราคาไม่แพง ใครๆ ก็ต้องการ ดังนั้น การพัฒนาคุณภาพของร.พ.ทั้งเรื่องบริการ การรักษา จึงเป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้ ร.พ.นครธนสามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ นอกจากนี้ จะต้องควบคุมค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับที่ไม่แพงจนเกินไป
โดยหลักในการพัฒนาจะเน้นเรื่อง 1.คน บุคลากรจะต้องมีความเป็นมืออาชีพในสาขาวิชาต่างๆ และการรักษาโรคเฉพาะเจาะจง 2.คนต้องมีจิตใจในเรื่องการบริการ การบริการที่ดีจะต้องออกมาจากจิตวิญญาณที่แท้จริง และ 3.กระบวนการทำงานต้องกระชับและลดเวลาการทำงาน
นอกจากนี้ ยังมีการปรับเรื่องของสถานที่ด้วยการเพิ่มห้อง ICU 28 เตียง และมีการเพิ่มศูนย์การแพทย์ต่างๆ เช่น ศูนย์หู ตา คอ จมูก ศูนย์จักษุแพทย์ ศูนย์เด็กหลอดแก้ว ศูนย์ข้อกระดูก เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคมีความรู้มากขึ้น คนไข้มีปัญหากระดูกก็ต้องการมาหาแพทย์เฉพาะทาง ดังนั้น การทำเป็นศูนย์จะสร้างความชัดเจนมากขึ้น และยังมีการลงทุนเรื่องการซื้อเครื่องไม้เครื่องมือเพิ่มขึ้นด้วย
ร.พ.ยังเชื่ออีกว่าสุขภาพที่แข็งแรงย่อมมาจากสุขภาพใจที่สมบูรณ์ เพราะจิตมีความสัมพันธ์โดยตรงกับสมอง ซึ่งสมองจะเข้าไปสั่งการสุขภาพกายอีกที ด้วยแนวคิดดังกล่าวทำให้ ร.พ.นครธนมีความสอดคล้องกับรูปแบบการเรียนการสอน และความตั้งใจของ 1 to 5 Piano ที่มิได้เป็นเพียงแค่การเล่นดนตรีเพื่อความเพลิดเพลิน หรือเป็นการเรียนอย่างเคร่งเครียด
แต่ 1 to 5 Piano เปรียบเสมือนศาสตร์แห่งดนตรีบำบัดแนวใหม่ที่ไร้ความกดดันภายใต้รูปแบบของคำว่าเรียน เป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการปฏิบัติธรรมด้วยเสียงเพลง ช่วยในการฝึกจิต-สมาธิ ลดอาการตึงเครียดจากการเรียน การทำงาน และสถานการณ์ต่างๆ ที่พบเจอในปัจจุบัน รวมทั้งป้องกันอาการอัลไซเมอร์ และบำบัดอาหารออทิสติก โดยเสียงดนตรีสามารถเข้าไปปรับโครงสร้างภายในของยีนส์ได้ พร้อมทั้งเป็นตัวเปิด-ปิดสวิตช์ สุขภาพกายที่ดีและไม่ดีภายใน สำหรับปริมาณลูกค้าที่มาใช้บริการที่ ร.พ.นครธนตกวันละ 1,700-1,800 คน ถือว่าอยู่ในระดับที่มากพอสมควร
‘ร.พ.วิภาวดี’ ชู
‘One Stop Service’
ชัยสิทธิ์ วิริยะเมตตากุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โรงพยาบาลวิภาวดี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้ ร.พ.วิภาวดีจะมีอายุครบ 25 ปี เรามุ่งหวังเป็น ร.พ.ที่สามารถให้บริการอย่างครบวงจร ทั้งในเรื่องการบริการตรวจรักษา สถานที่ และการบริหารจัดการ โดยล่าสุด ร.พ.ได้เพิ่มศักยภาพในด้านการรักษา โดยสรรหาทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาให้บริการครอบคลุมทุกด้าน พร้อมเปิดตัวทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 25 สาขาทันที
โดยในปี 2554 ร.พ.ตั้งเป้ารายได้จากการรักษาไว้ประมาณ 1,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.64% จากปี 2553 ซึ่ง ร.พ.มีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,427.50 ล้านบาท เติบโต 18.27% เมื่อเทียบกับปี 2552 โดยรายได้จากการรักษา 1,297.13 ล้านบาท เติบโต 16.48% และกำไรสุทธิ 169.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.69%
นอกจากนี้ ร.พ.มีแผนการลงทุน 480 ล้านบาท โดยใช้งบในการก่อสร้าง “อาคารใหม่ 25 ปี” กว่า 400 ล้านบาท ซื้อเครื่องมือแพทย์และอุปกรณ์อื่นๆ ประมาณ 80 ล้านบาท ซึ่งจากการลงทุนทำให้ทาง ร.พ.เพิ่มศักยภาพในการรองรับผู้ใช้บริการได้เพิ่มขึ้น โดยมีห้องตรวจ 155 ห้อง และห้องพักผู้ป่วย 288 ห้อง โดยกลุ่มเป้าหมายของ ร.พ.จะเป็นกลุ่มคนชั้นกลางในประเทศ 90% และต่างประเทศ 10%
สำหรับแผนการตลาดจะเน้นการรักษาที่มีคุณภาพ ราคาสมเหตุสมผล นอกจากนี้ มีศูนย์สุขภาพและอาชีวนามัย ซึ่งเป็นศูนย์ดูแลสุขภาพของลูกค้าที่เป็นองค์กรในเรื่องอาชีวนามัยนั้น โดยมีแพทย์ด้านอาชีวเวชศาสตร์โดยตรง ปัจจุบันลูกค้าของ ร.พ.มีบริษัทนิคอน, บริษัททำกระดาษดั๊บเบิ้ลเอฯ
นอกจากนี้ ลูกค้าทั่วไป ร.พ.ก็เน้นให้บริการการรักษาครบทุกสาขา รวมถึงขยายบริการสาขาเฉพาะทางที่เป็นที่ต้องการ อาทิ ด้านกุมารเวช ทันตกรรม โดยเน้นให้บริการลูกค้าในพื้นที่ และจะมีการทำกิจกรรมจัดโปรโมชั่นเพื่อคืนกำไรให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
ด้าน พล.ท.นพ.พร้อมพงษ์ พีระบูล ผู้อำนวยการ ร.พ.วิภาวดี เปิดเผยว่า ปีนี้ถือเป็นปีที่ดีสำหรับ ร.พ. ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ร.พ.มุ่งเน้นการให้บริการอย่างมีคุณภาพ โดยปีนี้กำลังเดินหน้าเตรียมความพร้อมเรื่องระบบคุณภาพ JCI (Joint Commission international) ซึ่งเป็นมาตรฐานจากประเทศสหรัฐอเมริกา และใช้กันทั่วโลก เป็นการรับรองศักยภาพของ ร.พ.ทุกด้าน โดยเฉพาะด้านความปลอดภัยของผู้ป่วย
ทั้งนี้ ร.พ.วิภาวดีมีความโดดเด่นด้านศูนย์ศักยภาพกระดูกและข้อ และด้านการรักษาผู้มีบุตรยาก อีกทั้งมีศูนย์บริการและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมากกว่า 50 สาขาให้การดูแล อาทิ ศูนย์หัวใจ, ศูนย์ศัลยกรรมกระดูกและข้อ, ศูนย์ผู้มีบุตรยาก, ศูนย์สมอง, ศูนย์ระบบทางเดินอาหาร, ศูนย์เลสิก, ศูนย์กุมารเวช, ศูนย์สูติ-นรีเวช, ศูนย์ผิวหนังและเลเซอร์ และหลังจากที่อาคารหลังใหม่ก่อสร้างเสร็จ จะขยายศูนย์กุมารเวช และศูนย์ทันตกรรมได้เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ปีนี้จะเน้นเรื่องการนำเทคโนโลยีมาใช้กับงานบริการ โดยผู้ที่ต้องการพบแพทย์สามารถดูตารางตรวจของแพทย์ผ่านทาง ipad ได้แล้ว และยังสามารถจองเวลาตรวจผ่านทางเว็บไซต์ได้ด้วย สำหรับการแข่งขันของธุรกิจ ร.พ.นั้น ร.พ.เอกชนแตกต่างจาก ร.พ.ของรัฐในเรื่องของบริการ แต่หากมองเรื่องเครื่องมือ ร.พ.เอกชนไม่สามารถสู้ ร.พ.รัฐได้อยู่แล้ว ดังนั้น สิ่งที่ ร.พ.เอกชนจะต้องทำคือสร้างความเป็น One Stop Service ให้ได้ เพื่อสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า
สำหรับทิศทางการควบรวม ร.พ.นั้น เชื่อว่าในอนาคตจะไม่มี ร.พ.ที่อยู่อย่างโดดเดี่ยวแล้ว ต่อไปร.พ.ก็จะเหมือนกับบริษัท คือต้องเป็นเครือข่าย อย่าง ร.พ.วิภาวดี ก็มี ร.พ.ในเครือ ได้แก่ เจ้าพระยา, วิภาราม, รามคำแหง, สินแพทย์, เสรีรักษ์, แพทย์ปัญญา, วิภาราม ปากเกร็ด และกำลังก่อสร้าง ร.พ.อมตะนคร นอกจากนี้ ต่อไปการจัดโปรโมชั่นจะมีมากขึ้น อย่างของ ร.พ.วิภาวดี ถ้าผ่าตัดคลอดจะอยู่ที่ 30,000 บาทซึ่งราคาจริงอยู่ที่ 50,000-60,000 บาท
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|