ค่ายไทยเบฟฯ รื้อใหญ่ยกแผง!!! โยกแม่ทัพรวดเดียว 8 ตำแหน่ง


ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์(6 เมษายน 2554)



กลับสู่หน้าหลัก

*เดินหน้าทวงแชมป์+ขึ้นแท่นผู้นำตลาดอาเซียน
*ดันแม่ทัพสุรา “วิโรจน์ จันทร์โมลี” ดูแลบัญชี-บริหาร
*เผยตำแหน่งรองเอ็มดี เหล้า-เบียร์ยังว่าง
*หลัง “ชาลี” ส่อเกษียณ เหตุปัญหาสุขภาพ

ถือเป็นการปรับโครงสร้างผู้บริหารครั้งใหญ่ครั้งแรกในรอบ 7 ปี ในยุคเจ้าสัวน้อย “ฐาปน สิริวัฒนภักดี” ขึ้นมากุมบังเหียนในฐานะกรรมการผู้จัดการใหญ่ ของ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ตั้งแต่ปี 2547 และมีการทยอยดึงมืออาชีพมือดีเข้ามาเสริมทัพมากมายอย่างต่อเนื่อง

มืออาชีพจากวงการน้ำเมาและน้ำอัดลมจากค่ายอินเตอร์ทั้งหลาย ล้วนถูกดึงเข้ามาเป็นแม่ทัพสำคัญ ในองค์กรแห่งนี้อย่างคับคั่ง อาทิ อวยชัย ตันทโอภาส อดีตแม่ทัพฝีมือดีจากค่ายสุราต่างประเทศนำเข้า “ริชมอนเด้” ที่เชี่ยวชาญตลาดสุราระดับบน, เกษมสันต์ วีรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ยู.ดับบลิว.ดี. มาร์เก็ตติ้ง จำกัด เจ้าของโลคัลแบรนด์วิสกี้ Black Cat มือฉมังในเรื่องพีอาร์ จากแวดวงน้ำเมาด้วยกัน (ปัจจุบันลาออกไปเล่นการเมือง)

ชาลี จิตจรุงพร อดีตคีย์แมน เป๊ปซี่-โคล่า ไทย เทรดดิ้ง ที่มีประสบการณ์กับตลาดเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์ทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศมา, อนิรุทธิ์ มหธร อดีตผู้อำนวยการด้านการตลาด เดอะ พิซซ่า คอมปะนี ที่มีประสบการณ์กับ “เป๊ปซี่” และล่าสุด แมทธิว กิจโอธาน อดีตประธานกรรมการเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

ล่าสุด เมื่อเร็วๆ นี้ “ฐาปน” ได้ตัดสินใจปรับโครงสร้างผู้บริหารในระดับปฏิบัติการอีกครั้ง ซึ่งการปรับครั้งนี้เป็นการปรับรวดเดียวถึง 8 ตำแหน่งด้วยกัน โดยแหล่งข่าวจากวงการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้เปิดเผยกับ “ผู้จัดการ 360 องศา รายสัปดาห์” ว่า ขณะนี้ทางบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) ได้มีการปรับโครงสร้างผู้บริหารระดับปฏิบัติการครั้งใหญ่ในสายงานเครื่องดื่มทั้งแอลกอฮอล์และนอนแอลกอฮอล์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

เริ่มจาก วิโรจน์ จันทร์โมลี จากตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง ซึ่งดูแลเกี่ยวกับสายงานการตลาดสุราทั้งหมดมาดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการงานสนับสนุนการตลาด และกลุ่มงานบัญชีการเงิน และบริหาร บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ

ชาลี จิตจรุงพร จากตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ปัจจุบันดูแลเกี่ยวกับสายงานการตลาดเบียร์ทั้งหมด มาเป็นที่ปรึกษารองประธานกรรมการบริหาร ทศภาค , มารุต บูรณะเศรษฐกุล จากตำแหน่ง รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด มาเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ

อนิรุทธิ์ มหธร จากตำแหน่ง รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด มาเป็นผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานการตลาดเครื่องดื่ม บมจ.โออิชิ กรุ๊ป, การณ์ จิตรวิมล ตำแหน่งเดิม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจโลจิสติก จำกัด ขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ

ขณะเดียวกัน ยังมีการดึงคนนอกเข้ามาเสริมทัพอีกเช่นกัน อาทิ ชาลอต โทณวณิก อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีเดีย ออฟ มีเดียส์ จำกัด (มหาชน) มานั่งควบสองตำแหน่งคือ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทศภาค จำกัด

ส่วน อนุชิต จุรีเกษ จากตำแหน่ง ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารองค์กร บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ มาเป็นผู้อำนวยการประสานงานโครงการพิเศษ บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ ขณะที่ ธารทิพย์ ศิรินุพงศ์ จากตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ บริษัท ทศภาค จำกัด มาเป็นผู้อำนวยการประสานงานภายนอก บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ

“ในส่วนตำแหน่ง รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ดูแลเกี่ยวกับสายงานการตลาดเบียร์ และรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง ซึ่งดูแลเกี่ยวกับสายงานการตลาดสุรา คุณฐาปน (ฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้จัดการ ไทยเบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง) ยังคงรักษาการแทนอยู่ ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะนำใครเข้ามาแทนที่” แหล่งข่าวรายเดิม กล่าว และเผยต่อว่า

ในส่วนของ “ชาลี” นั้น แม้ว่าตำแหน่งใหม่จะยังมีอยู่ แต่เนื่องจากป่วยหนักจนทำงานไม่ไหว เนื่องจากเป็นมะเร็งลำไส้ เจ้าตัวอาจจะขอเกษียณไปเลยก็เป็นได้

สำหรับตำแหน่งอื่นๆ ในส่วนที่เหลือนั้น จากการสอบถามไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องใน บมจ.ไทยเบฟเวอเรจ ส่วนใหญ่ระบุว่า เป็นนโยบายของ “ฐาปน” ที่ต้องการหมุนเวียนการบริหารให้เกิดการกระจายงานออกไปเป็นวงกว้าง เพื่อความเหมาะสม และสร้างเสริมความรอบรู้ให้กับผู้บริหารให้เกิดทักษะใหม่ๆเพิ่มเติม

ทั้งนี้ โครงสร้างใหม่ทั้งหมดจะเริ่มมีผลบังคับใช้ทันทีตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวรายเดิมระบุต่อไปว่า การปรับโครงสร้างในครั้งนี้ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ซึ่งอาจจะมีการปรับใหม่อีกระลอกหนึ่ง เพื่อให้เกิดความเหมาะสมและความคล่องตัวในการบริหารงานต่อไป

“ตั้งแต่คุณฐาปนเข้ามาบริหาร ตามวิสัยคนหนุ่ม คือ ไฟแรง และต้องการให้องค์กรเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว และต้องการนำสิ่งใหม่ๆ เข้ามาสู่องค์กร ดังนั้นในช่วงแรกๆ ก็จะดึงชาวต่างชาติที่มีประสบการณ์เข้ามาดูงานขายและการตลาดมากมาย จนทำให้คนเก่าๆ รวมไปถึงขุนพลที่มีอยู่เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจมากมาย

ผลที่ออกมาก็คือ ไม่ประสบความสำเร็จเท่าใดนัก แม้ว่าชาวต่างชาติเหล่านี้จะมีทฤษฎีการตลาดและการขาย รวมไปถึงประสบการณ์เกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มามากมาย แต่พอนำมาปฏิบัติจริงก็ใช้ไม่ได้กับตลาดเมืองไทย จนภายหลังต้องดึงมืออาชีพที่เป็นคนไทยเข้ามา อย่างเช่น คุณชาลี เป็นตัวอย่างที่ดี แต่ก็ยังมีจุดบอดคือ เขาเติบโตมาจากธุรกิจน้ำอัดลม ไม่ใช่แอลกอฮอล์

ดังนั้นจึงต้องมาเสียเวลาในการปรับตัว แต่พอเริ่มปรับตัวได้ และทำผลงานเข้าที่เข้าทางก็เริ่มมีปัญหาเรื่องสุขภาพ ขณะที่ผู้บริหารบางคนก็ปรับตัวไม่ได้ จึงต้องโยกย้ายให้เกิดความเหมาะสม รวมไปถึงผู้บริหารคนเก่าแก่ที่อยู่มานาน เพื่อให้แต่ละคนเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ คาดว่าคุณฐาปนคงจะดึงคนรุ่นใหม่เข้ามาเสริมทีมมากขึ้น” แหล่งข่าวรายเดิม ให้ความเห็น

สำหรับค่ายไทยเบฟฯ ปีนี้ ถือว่าเป็นปีแห่งความท้าทายในการนำพาธุรกิจ ทั้งนอนแอลกอฮอล์และแอลกอฮอล์ให้ก้าวทะยานเป็นผู้นำเหนือคู่แข่งไม่เพียงในประเทศเท่านั้น แต่ในระดับภูมิภาคอาเซียนก็ยังเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายที่ยุค “เจ้าสัวน้อย ฐาปน” จำต้องพิสูจน์ฝีไม้ลายมือให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรม

โดยเฉพาะธุรกิจนอนแอลกอฮอล์ ที่มีแนวโน้มเติบโตค่อนข้างสูง อีกทั้งยังถือเป็น “ดาวรุ่งดวงใหม่” สร้างรายได้ให้กับค่ายไทยเบฟฯ อย่างมหาศาล โดยมีการกำหนดเป็นวิชั่นว่า ธุรกิจจะต้องเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว สามารถสร้างยอดขายได้เพิ่มขึ้น ทั้งจากการขยายตลาดใหม่ๆ และกินส่วนแบ่งตลาดมาจากคู่แข่ง โดยมีเป้าหมายก้าวสู่ผู้นำตลาดในทุกไลน์สินค้า ซึ่งเป็นบุคลิกของเจริญ ที่การทำธุรกิจต้องเป็นผู้นำตลาดเช่นเดียวกับธุรกิจน้ำเมา หรือธุรกิจแอลกอฮอล์

กรรมการรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) อวยชัย ตันทโอภาส เคยบอกกับ “ผู้จัดการ 360 องศา รายสัปดาห์” ว่า เจริญกำหนดเป้าหมายว่าจะต้องเป็นผู้นำตลาดในทุกไลน์สินค้า ทั้งแอลกอฮอล์และนอนแอลกอฮอล์ ทั้งในประเทศและในอาเซียน +6

“ยุคทายาทเจริญ (ฐาปน สิริวัฒนภักดี) ได้กำหนดวิสัยทัศน์ และวางยุทธศาสตร์ไทยเบฟฯ ใหม่ขยายธุรกิจให้กว้างขวางออกไป โดยประกาศเป็น “ผู้นำด้านธุรกิจเครื่องดื่มทั้งแอลกอฮอล์และนอนแอลกอฮอล์” หรือ “Beverage Leader” จากเดิมที่มุ่งเน้นสร้างรากฐานและเติบโตจากธุรกิจแอลกอฮอล์ ซึ่งเป็นรากฐานของกิจการดั้งเดิมในยุคเจริญ” อวยชัย กล่าว

ภารกิจวางเป้าหมายเป็น “ผู้นำตลาดในอาเซียน” ซึ่งมีตัวเปรียบเทียบ (Benchmark) คือ กลุ่มซานมิเกลเป็นผู้นำอยู่ โดยขนาดธุรกิจและยอดจำหน่ายมากกว่าไทยเบฟฯ มาก เพราะการทำธุรกิจซานมิเกลมีการ Diversify หรือขยายธุรกิจไปสู่กิจการต่อเนื่อง ขณะที่กำไรยังน้อยกว่าไทยเบฟฯ อย่างไรก็ตาม ถ้าหากไทยเบฟฯ สามารถเพิ่มยอดขายหรือรายได้ให้มากกว่ากลุ่มซานมิเกล ก็สามารถเป็นผู้นำในอาเซียน+6 ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าไทยเบฟฯ จะวางเป้าหมายเติบโตเป็นผู้นำตลาดอาเซียนแซงหน้ากลุ่มซานมิเกลให้ได้ แต่โมเดลทำธุรกิจจะแตกต่างกัน โดยโมเดลไทยเบฟฯ มุ่งเน้นธุรกิจอยู่ในกลุ่มเครื่องดื่ม (Beverage) ซึ่งรวมไปถึงธุรกิจแพกเกจ เช่น เตดตร้าแพ็ก หรือขวดเพ็ต ที่บริษัทไทยเบฟฯ สนใจเข้าไปลงทุนขยายธุรกิจ เพราะมองว่าเป็นธุรกิจเกี่ยวกับเครื่องดื่ม ขณะที่กลุ่มซานมิเกลมุ่งทำธุรกิจขยายไปยังกลุ่มธุรกิจอื่นๆ เช่น พลังงาน ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจหลัก

สำหรับตลาดในประเทศนั้น กลุ่มสิริวัฒนภักดี เป็นผู้นำตลาดแบบผูกขาดมานานหลายสิบปีในธุรกิจน้ำเมาหรือแอลกอฮอล์ และไม่มีท่าทีว่าจะมีคู่แข่งรายใดมาล้มแชมป์ได้ ขณะที่ตลาดต่างประเทศอยู่ในช่วงเพิ่งเริ่มต้นมาเพียงไม่กี่ปี ยังมีส่วนแบ่งตลาดไม่มากนัก

“กลุ่มธุรกิจนอนแอลกอฮอล์ จะถูกให้ความสำคัญค่อนข้างมากนับจากนี้เป็นต้นไป เพราะเห็นโอกาสในการขยายตลาดได้อีก จึงเตรียมความพร้อมไว้ทุกด้านสำหรับการบุกตลาดอย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมเรื่องระบบโลจิสติกส์ หรือการกระจายสินค้า และจะให้ความสำคัญกับคู่ค้า หรือตัวแทนจำหน่าย โดยจะลงทุนพัฒนาระบบคอมพิวเตอร์ให้กับตัวแทนจำหน่าย แต่ตัวแทนจำหน่ายจะเป็นผู้ลงทุนรถขนส่งสินค้าเอง คาดว่าจะเห็นเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจนขึ้นในปี 2554” แหล่งข่าว สรุป


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.