“เอวอน” ชู “สกินแคร์-แฮร์แคร์” สยายปีกขายตรงตามโกลบอล


ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์(6 เมษายน 2554)



กลับสู่หน้าหลัก

เอวอนวางแผนรุกขายตรงเต็มสูบ เดินเกมตามนโยบายบริษัทแม่ ชู “สกินแคร์-แฮร์แคร์” เป็นสินค้าหัวหอกขยายฐานผู้บริโภค ลุยทำตลาดแบบ 360 องศา ล่าสุดส่ง “ANEW 360 องศา White UV Shield” ลุยเซกเมนต์หน้าขาว ขณะที่กลุ่มคัลเลอร์และเครื่องประดับยังบุกต่อเนื่อง โดยดึง “เจนสุดา ปานโต” เป็นเซเลบ โมเดล ช่วยสะท้อนคาแรกเตอร์แบรนด์เจาะกลุ่มสาวยุคใหม่ พร้อมเสริมแกร่งด้านไอทีสร้างสัมพันธ์นักธุรกิจ และขยายช่องทางสื่อสารกับผู้บริโภค สำหรับการรุกครั้งนี้เอวอนมั่นใจขยับส่วนแบ่งตลาดสกินแคร์และขยายการเติบโตทะลุเป้าหมาย

หลังจากใช้โอกาสครบรอบ 125 ปี “เอวอน โปรดักส์ อิงก์” เปิดตัว “เอวอน วอยซ์” (Avon Voice) โปรเจกต์ไฮไลต์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ล่าสุด “เอวอน” หนึ่งในผู้เล่นขายตรงประเภทหลายชั้น ที่ตอนนี้มีรายได้กว่า 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี และตัวแทนจำหน่ายกว่า 6.2 ล้านคนทั่วโลก ได้ประกาศแผนรุกตลาดเมืองไทยครั้งใหญ่ในรูปแบบ 360 องศา โดยยึดนโยบายตามบริษัทแม่ในอเมริกา ด้วยการชู 2 หมวดสินค้า สกินแคร์ และแฮร์แคร์เป็นเรือธงสยายปีกในปีนี้

นอกจากเพื่อให้สามารถมีสินค้าตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ครอบคลุมยิ่งขึ้นแล้ว ปัจจัยที่ทำให้เอวอนทั่วโลก รวมทั้งเอวอนในเมืองไทยหันมาสนใจบุกตลาดสกินแคร์และแฮร์แคร์มากขึ้น ชนิดที่กำหนดยุทธศาสตร์วางเป็นหัวหอกสำคัญในการบุกตลาดนับจากนี้ เนื่องจากศักยภาพการเติบโตที่มีอย่างต่อเนื่อง โดยผลการสำรวจของเอแบคเกี่ยวกับพฤติกรรมผู้บริโภคผลิตภัณฑ์ขายตรง ระบุว่า สกินแคร์เป็นผลิตภัณฑ์ 1 ใน 3 ประเภทสินค้ายอดนิยมของตลาด ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับการสำรวจในระดับสากลของค่ายยูโรมอนิเตอร์ ที่พบว่า ปัจจุบันตลาดรวมสกินแคร์มีมูลค่ากว่า 40,000 ล้านบาท มีการขยายตัวเฉลี่ยปีละไม่น้อยกว่า 7% โดยคาดว่าในปี 2557 ตลาดดังกล่าวจะมีมูลค่าสูงถึง 55,000 ล้านบาท ซึ่งในสินค้ากลุ่มนี้ ไวท์เทนนิ่ง และแอนไท เอจจิ้ง ยังเป็น 2 เซกเมนต์ที่ได้รับความนิยมและเป็นที่ต้องการของผู้บริโภค ขณะที่สินค้ากลุ่มแฮร์แคร์ที่ตอนนี้มีมูลค่ากว่า 20,900 ล้านบาท ก็มีการคาดการณ์ว่าในปี 2557 จะมีมูลค่าสูงถึง 24,000 ล้านบาท โดยกลุ่มครีมนวดจะเป็นตัวขับเคลื่อนให้เกิดการเติบโต

กลับมาที่แผนการทำตลาดของเอวอน วัลลภา นฤนาทวานิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอวอน คอสเมติคส์ (ประเทศไทย) จำกัด บอกว่า ด้วยศักยภาพการเติบโตของธุรกิจขายตรง กอปรกับการขยายตัวของเอวอนในเมืองไทยที่สามารถเติบโตได้มากกว่าเป้าหมายที่วางไว้ ทำให้ปีนี้บริษัทแม่เอวอนในอเมริกาให้การสนับสนุนการรุกตลาดในเมืองไทย ทั้งในส่วนของการวางกลยุทธ์และเม็ดเงินการลงทุนอย่างเต็มที่

เริ่มยุทธศาสตร์การรบกันที่ “นวัตกรรม” จุดแข็งอันดับแรกที่เอวอนให้ความสำคัญ ซึ่งในปีนี้จะเห็นว่าผู้เล่นรายนี้เข็นสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาดทั้งปี โดยมุ่งไปที่หมวด “สกินแคร์” 1 ใน 2 กลุ่มสินค้าที่เอวอนวางเป็นทัพหลักในการขยายตลาดนับจากนี้ ทั้งนี้ “ANEW Reversalist” นวัตกรรมในกลุ่มแอนไท เอจจิ้ง เป็นสกินแคร์ตัวแรกที่เอวอนส่งเข้ามาในปีนี้เพื่อรุกขยายเซกเมนต์อย่างจริงจังมากขึ้น

ไม่แค่นั้น ในช่วงหน้าร้อนนี้ก็เตรียมเข็น “ANEW 360 องศา White UV Shield” เทคโนโลยีที่ผนวกตัวซันบล็อก และไวท์เทนนิ่งไว้ในหนึ่งเดียว ซึ่งมีทั้งในส่วนของครีมบำรุงรอบดวงตา ที่มีให้เลือก 2 แบบ คือ ANEW 360 องศา White Brightening Eye Serum และ ANEW Clinical Eyelift Pro ที่ค่ายนี้เตรียมทยอยส่งเข้ามาบุกตลาดไวท์เทนนิ่ง นอกจากนี้ เอวอนยังซุ่มนวัตกรรมในหมวด “Clearskin” ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มรักษาสิว เพื่อเป็นหมัดเด็ดเจาะกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่นักเรียนไปถึงกลุ่มผู้ใหญ่ที่มีปัญหาเรื่องสิว โดยใช้ message “ขอท้าพิสูจน์” เป็นข้อความในการสื่อสาร ซึ่งเป็นการตอบโจทย์เชิงลึกของผู้บริโภคยุคนี้ที่ต้องการเห็นผลลัพธ์อย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม แม้เอวอนจะหันมาบุกสินค้ากลุ่มสกินแคร์มากขึ้นก็ตาม ทว่า กลุ่มคัลเลอร์ก็ยังเป็นหมวดที่ขายตรงรายนี้ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบัน สินค้ากลุ่มคัลเลอร์มีสัดส่วนเป็น 17-18% จากสินค้ากลุ่มบิวตี้ของเอวอน รองจากกลุ่มน้ำหอมที่มีสัดส่วนมากสุด 30% สกินแคร์ประมาณ 20% เพอร์ซันนัลแคร์ 12% สำหรับการทำตลาดในกลุ่มคัลเลอร์ ปีนี้เอวอนได้เปิดตัว เจนสุดา ปานโต เป็นเซเลบโมเดล ช่วยสะท้อนคาแรกเตอร์สาวมั่นแบบเอวอน เพื่อขยายฐานลูกค้าผู้หญิงยุคใหม่ หลังจากปีก่อนที่เคยใช้พรีเซนเตอร์ 4 คน เพื่อเป็นตัวแทนสาวในแต่ละภาค เช่น นก อุษณีย์ เป็นตัวแทนภาคเหนือ, ฝน ธนสุนทร เป็นตัวแทนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ขณะเดียวกัน “แฮร์แคร์” คือสินค้าอีกหนึ่งหมวดที่เอวอนขอปักธงบุกตลาดอย่างเป็นทางการ ด้วยการเปิดตัว Advanced Technique ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมระดับซาลอน เพื่อการดูแลเส้นผมตามความต้องการ 4 แบบ และผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมระดับซาลอน โดยมี Frizz Control Lotus Shield นวัตกรรมทรีตเมนต์บำรุงเส้นผมเป็นสินค้าไฮไลต์ ทั้งนี้ ผู้บริหารเอวอน มั่นใจแฮร์แคร์จะเป็นสินค้าอีกกลุ่มหนึ่งที่ช่วยผลักดันให้เอวอนมีการเติบโตที่ดี

นอกจากนี้ เพื่อเสริมแกร่งและเพิ่มศักยภาพให้กับตัวแทนจำหน่าย เอวอนจึงมีการลงทุนในด้านนี้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการจัดกิจกรรมเทรนนิ่ง การจัดโรดโชว์ รวมทั้งการพัฒนาด้านไอทีเพื่อเป็นช่องทางการแลกเปลี่ยนข้อมูล หรือให้ความรู้กับตัวแทนจำหน่าย ทั้งในเรื่องข้อมูลสินค้า การจัดโปรโมชั่น การชอปปิ้ง รวมทั้งการจัดเทรนนิ่ง โดย วัลลภา บอกว่า เป็นอีกช่องทางสำคัญที่เอวอนให้ความสำคัญ เนื่องจากเป็นช่องทางที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคในยุคนี้ ที่คาดว่าจะช่วยสร้างความสัมพันธ์กับนักธุรกิจและผู้บริโภคให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

และนี่คือ แผนการบุกตลาดของเอวอนนับจากนี้ ที่แม้จะไม่สามารถเปิดเผยตัวเลขยอดขายหรือการเติบโตได้อย่างชัดเจน ทว่า การเปิดเกมรุกเข้มแบบ 360 องศาในครั้งนี้ เชื่อได้ว่าเอวอนย่อมต้องการตัวเลขการเติบโตที่สูงกว่าการขยายตัวของภาพรวมธุรกิจขายตรงอย่างแน่นอน


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.