|
โฟร์โมสต์ชู Value กระตุ้นความถี่การดื่มนม
ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์(21 มีนาคม 2554)
กลับสู่หน้าหลัก
โฟร์โมสต์บุกหนัก ทุ่ม 200 ล้านบาท ระเบิดแคมเปญ “โฟร์โมสต์ สุขภาพดี 24 ชั่วโมง” เดินสายให้ความรู้ทางโภชนาการทั่วประเทศ มุ่งกระตุ้นคนไทยดื่มนมเพิ่มจาก 12 เป็น 14 ลิตรต่อคนต่อปี เท่าอัตราเฉลี่ยการดื่มของคนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หลังจากปีก่อนส่งนม 3 แบบ สำหรับคน 3 วัย เพื่อให้เกิดการดื่มนมต่อเนื่องในทุกช่วงอายุ ล่าสุดเปิดตัว “ญาญ่า-ณเดชน์” เป็นแอมบาสซาเดอร์ชวนคนไทยดื่มนม พร้อมเสริมแกร่งทีมขายลุยช่องทางเทรดดิชันนัลเทรด มั่นใจสิ้นปีเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก จากรายได้ปีก่อนประมาณ 10,000 ล้านบาท
จากตัวเลขอัตราเฉลี่ยการดื่มนมของคนไทยที่อยู่ที่ 12 ลิตรต่อปี ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดในภูมิภาคที่มีอัตราเฉลี่ยอยู่ที่ 14 ลิตรต่อปี และยิ่งเทียบไม่ได้กับประเทศพัฒนาแล้วในยุโรป หรืออเมริกาที่ผู้บริโภคมีการดื่มนมมากถึง 229 และ 215 ลิตรต่อคนต่อปี ทำให้โฟร์โมสต์ผู้นำตลาดนมพร้อมดื่มยังคงมองเห็นศักยภาพของตลาดที่เติบโตได้อีกมาก ดังนั้น ในฐานะผู้นำที่ครองส่วนแบ่งอยู่ 21% จากตลาดนมพร้อมดื่ม (ยกเว้นนมถั่วเหลืองและนมผง) มูลค่า 36,974 ล้านบาท จึงต้องมุ่งขยายตลาดให้เติบโตขึ้นด้วย และแน่นอนว่าการกระตุ้นผู้บริโภคให้เพิ่มปริมาณการดื่ม เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ตลาดมีการเติบโต
ทว่า การกระตุ้นให้ผู้บริโภคมีพฤติกรรมการดื่มนมในปริมาณที่มากขึ้นนั้น แม้จะไม่ใช่เรื่องยากเพราะต่างรู้กันว่า “นม” เป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อีกทั้งผู้บริโภคในยุคนี้ก็หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพกันมากขึ้น แต่นั่นก็ไม่ง่ายนักในการจะเพิ่มปริมาณการดื่มนม ทั้งนี้ มร.ฮ้านส์ เฮ้าส์ตร้า กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฟรีสแลนด์ ฟู้ดส์ โฟร์โมสต์ (ประเทศไทย) กล่าวเมื่อครั้งเปิดตัว “นม 3 แบบ สำหรับคน 3 วัย” เมื่อปีที่ผ่านมาว่า คนไทยเมื่อเข้าสู่วัยรุ่นผู้บริโภคจะหยุดดื่มนม เพราะรู้สึกว่าเป็นเครื่องดื่มของเด็ก ต่างจากคนในประเทศอื่นที่ยังมีการดื่มนมในทุกช่วงอายุ อีกทั้งยังมีเครื่องดื่มประเภทอื่นเข้ามาเป็นทางเลือกให้กับวัยรุ่นและคนทำงานมากขึ้นด้วย ซึ่งการจัดเซกเมนต์แบ่งนมออกเป็นช่วงอายุนั้น ทางโฟร์โมสต์ก็หวังว่าจะให้ความรู้กับผู้บริโภคคนไทยให้เข้าใจและมีการบริโภคนมต่อเนื่องในทุกช่วงอายุ ขณะที่การขยับตัวเลขการบริโภคนมของคนไทยให้เท่ากับค่าเฉลี่ยของคนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คาดว่าต้องใช้เวลาราว 1-2 ปี
กลับมาที่ความเคลื่อนไหวล่าสุด ที่มีการทุ่มงบก้อนโต 200 ล้านบาท สำหรับแคมเปญ “โฟร์โมสต์ สุขภาพดี 24 ชั่วโมง” พร้อมเปิดตัว “ญาญ่า-ณเดชน์” เป็นแบรนด์แอมบาสซาเดอร์ชวนคนไทยดื่มนม ซึ่งถือเป็นเม็ดเงินจำนวนไม่น้อยสำหรับการลอนช์เพียง 1 แคมเปญเมื่อเทียบกับที่ผ่านมา โดยผู้เล่นรายนี้หวังว่าจะมีผู้บริโภคกว่า 1 ล้านคนที่จะเห็นและรู้จักแคมเปญดังกล่าวผ่านสื่อต่างๆ ขณะที่การโรดโชว์ทั่วประเทศจะเข้าถึงผู้บริโภคได้กว่า 2 แสนคน ซึ่งเนื้อหาสาระและเป้าหมายหลักของแคมเปญนี้อยู่ที่การให้ความรู้ทางโภชนาการและประโยชน์ของนมที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่อาจไม่เคยรู้มาก่อน
“ปัจจุบันคนไทยรับรู้ประโยชน์ของนมในมุมที่จำกัด เช่น การเสริมแคลเซียม ช่วยให้ร่างกายเติบโต โดยมีความคิดว่าเมื่อเลยวัยเด็กแล้วไม่จำเป็นต้องดื่มนมอีก ทั้งที่นมยังเป็นเครื่องดื่มที่มีคุณประโยชน์ด้านอื่น เช่น การให้พลังงาน การบำรุงร่างกาย ดังนั้น เราจึงต้องกระตุ้นให้คนไทยรู้คุณค่าและประโยชน์ของนมให้มากขึ้น ซึ่งเรามั่นใจว่าแคมเปญนี้จะช่วยให้ปริมาณการดื่มนมของคนไทยเพิ่มขึ้นด้วย โดยตอนนี้คนไทยดื่มนมน้อยมากเฉลี่ยเพียงอาทิตย์ละ 1 กล่อง ทั้งที่กรมอนามัย กระทรงสาธารณสุขแนะนำว่าผู้บริโภคควรดื่มนมวันละ 3 กล่อง” เป็นคำกล่าวของ ชนินทร์ อรรจนานันท์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ฟรีสแลนด์ ฟู้ดส์ โฟร์โมสต์ (ประเทศไทย)
นอกจากรุกหนักในตัวผลิตภัณฑ์และการให้ความรู้กับผู้บริโภค เพื่อกระตุ้นการดื่มนมในทุกช่วงวัย รวมไปถึงปริมาณการดื่มแล้ว แม่ทัพชนินทร์ คนไทยคนแรกของโฟร์โมสต์ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมา กล่าวเสริมว่า บริษัทได้มีการเสริมทีมขายสำหรับบุกช่องทางเทรดดิชันนัลเทรด ประเภทร้านค้าย่อยด้วย เพื่อให้สามารถเข้าถึงและกระจายสินค้าได้ครอบคลุมยิ่งขึ้น
สำหรับการบุกหนักในครั้งนี้ แม้ผู้บริหารโฟร์โมสต์จะไม่ระบุเป้าหมายรายได้ไว้ชัดเจน โดยเผยได้เพียงอัตราการเติบโตที่หวังจะขยับขึ้นเป็นตัวเลข 2 หลักจากรายได้ปีก่อน 10,000 ล้านบาท ซึ่งต้องมากกว่าตลาดรวม และมากกว่าการเติบโตปีก่อนที่ขยายตัวน้อยกว่า 10% แต่เชื่อว่าโฟร์โมสต์คงจับจ้องไปที่อัตราการดื่มนมของบริโภคเป็นหลัก เพราะนั่นหมายถึงขนาดของตลาดนมพร้อมดื่มที่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นด้วย ทั้งนี้ โฟร์โมสต์เป็นผู้นำครองส่วนแบ่ง 56% ในตลาดนมยูเอชที 8,000 ล้านบาท ตามมาด้วย ไทยเดนมาร์ค กว่า 20% หนองโพ ประมาณ 10% ขณะที่นมพาสเจอไรซ์มูลค่า 4,000 ล้านบาท โฟร์โมสต์รั้งอันดับ 2 รองจากแบรนด์เมจิ
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|