|
“ตัน” ปั้น “ดับเบิ้ลดริ้งค์” กรำศึก มอบดีทแฮล์มจัดจำหน่าย
ASTV ผู้จัดการรายวัน(9 กุมภาพันธ์ 2554)
กลับสู่หน้าหลัก
“เสี่ยตัน” ได้ฤกษ์ลุยฟังก์ชันนัลดริ้งค์ ปั้น “ดับเบิ้ลดริ้งค์” กรำศึก มอบดีทแฮล์มจัดจำหน่าย
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไม่ตัน จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดเครื่องดื่มฟังก์ชันนัลดริ้งค์ซึ่งมีมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท เมื่อปีที่แล้ว ถือว่ามีการเติบโตที่สูงมาก 30-40% และมั่นใจว่าตลาดรวมปีนี้ก็ยังคงจะเติบโตสูงเช่นกันไม่ต่ำกว่า 55% และมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อเนื่องอีกไม่ต่ำกว่าปีละ 40% ใน 3-5 ปีจากนี้
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเป็นตลาดมีการเติบโตดี เช่นเดียวกับตลาดชาเขียวในอดีต ที่ไต่ระดับจากหลัก 400 ล้านบาท เป็นเกือบ 5-6,000 ล้านบาท ย่อมส่งผลต่อการเข้าตลาดของผู้ประกอบการรายใหม่ๆตลอดเวลา เพราะเห็นว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพ และมีโอกาสทำตลาด
แต่ขณะเดียวกันย่อมทำให้การแข่งขันรุนแรงมากขึ้นเพราะผู้ประกอบการจะต้องใช้งบตลาดเต็มที่ ออกโปรโมชัน เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดกันให้มากที่สุด และสุดท้ายแบรนด์ที่ไม่ไหวก็ต้องตายไป จะเห็นได้ว่า บางแบรนด์ออกมาทำตลาดก่อนใคร แต่ก็ล้มหายตายจากไปก่อน เพราะวางตลาดในช่วงที่ตลาดยังไม่มีการตอบรับ ซึ่งปัจจุบันรายใหญ่ในตลาดมีบิวติดริ้งค์ แชร์ 54% ไอเฟิร์ม แชร์ 21% และบีอิ้งแชร์ 15% ที่เหลือรายย่อยๆ
นายตันกล่าวต่อว่า การเข้าสู่ตลาดฟังก์ชันนัลดริ้งค์ของแบรนด์ดับเบิ้ลดริ้งค์ ในครั้งนี้ บริษัทฯมีความมั่นใจที่จะแข่งขันและต้องสร้างความแตกต่างทั้งด้านการตลาด การนำเสนอ และการทำโปรโมชั่น โดยคอนเซ็ปท์คือ น้ำสมุนไพรผสมน้ำผลไม้ซูเปอร์ฟรุต สองคุณค่าธรรมชาติและคุณประโยชน์ ซึ่งปีนี้เตรียมใช้งบตลาดมากกว่า 100 ล้านบาท ใช้ทำตลาดในช่วง 6 เดือนแรกนี้ ซึ่งจะใช้ในส่วนสื่อออนไลน์ด้วย และหนังโฆษณาทีวีจะออกอากาศกลางเดือนนี้
ทั้งนี้โรงงานผลิตลงทุนมากกว่า 2,400 ล้านบาท ในเฟสแรกที่เขตนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ พื้นที่ 75 ไร่ เนื้อที่ 35,000 ตารางเมตร กำลังผลิต 200 ล้านขวดต่อปี และ 100 ล้านกล่องยูเอชทีต่อปี และพร้อมที่จะขยายเฟส 2 และ 3 ได้อีก ซึ่งเฟสแรกจะแล้วเสร็จในไตรมาสแรกปี 2555 ส่วนในช่วงนี้ว่าจ้างบริษัท ยูโรเปี้ยนฟู้ด จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ผลิตก่อน ช่วงแรกมี 2 รสชาติ คือ อัญชันเบอร์รี่เบอร์รี่ และตะไคร้กีวี่กีวี่ ขวดละ 20 บาท เริ่มขายในเซเว่นอีเลฟเว่นก่อนเดือนกุมภาพันธ์นี้ และเดือนหน้าทั่วประเทศโดยมีดีทแฮล์มเป็นผู้จัดจำหน่าย
“ในปีแรกตั้งเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 500 ล้านบาท คาดว่าภายใน 3 ปีจะมีรายได้รวม 2,000 ล้านบาท และยังดำเนินการตามเจตนารมณ์เดิมคือ ปีแรกของการก่อตั้งบริษัทฯ กำไรครึ่งหนึ่งของผมและภรรยาที่ถือหุ้นอยู่ในบริษัทสัดส่วน 50% จะนำเข้กองทุนมูลนิธิตันปันและไม่ต่ำกว่า 90% ในปีที่ 9 เป็นต้นไป เพื่อคืนสู่สังคม และสิ่งแวดล้อม และขณะนี้ ผู้ร่วมทุนทั้ง 9 คนที่ผ่านการคัดเลือกได้เข้ามาร่วมงานกับบริษัทฯเรียบร้อยแล้ว” นายตันกล่าว
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|