Tim Cook ผู้ยึดมั่นต่อ Apple และ Steve Jobs

โดย มานิตา เข็มทอง
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา( กุมภาพันธ์ 2554)



กลับสู่หน้าหลัก

“การตัดสินใจร่วมงานกับ Apple เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดในชีวิตของผม” เป็นคำกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีรับปริญญา ณ มหาวิทยาลัย Auburn ของ Timothy D. Cook หรือเรียกสั้นๆ ว่า Tim Cook ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (Chief Operating Officer หรือ COO) แห่งบริษัท Apple ในฐานะศิษย์เก่าผู้ทรงคุณวุฒิ

ทั้งนี้ Cook ได้เล่าถึงการตัดสินใจร่วมงานกับ Apple เมื่อ 13 ปีก่อนอีกว่า “ด้วยเวลาเพียงไม่ถึง 5 นาทีในการสัมภาษณ์งานกับ Steve Jobs ผมยอมเสี่ยง ผมอยากร่วมงานกับ Apple” แม้ว่าการทำงานกับ Apple จะไม่อยู่ในแผนชีวิตที่เขาเขียนไว้สมัยที่ยังเรียนปริญญาโทอยู่ก็ตาม

Cook เชื่อในสัญชาตญาณของเขาว่า การร่วมงานกับ Apple เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิต ที่จะ ได้ทำงานให้กับอัจฉริยะแห่งการสร้างสรรค์ อย่าง Steve Jobs และเป็นหนึ่งในทีมผู้บริหารที่สามารถฟื้นฟูบริษัทที่ดีที่สุดบริษัทหนึ่งของอเมริกา

Tim Cook ที่ถือเป็นผู้บริหารหมายเลขสองของ Apple รองจาก Steve Jobs ประธานเจ้าหน้าที่ ฝ่ายบริหาร (Chief Executive Officer หรือ CEO) ซึ่งเปรียบเสมือนทัพหน้าที่ลาป่วยอีกครั้งเมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมา จากความสามารถและความ ไว้ใจที่ Jobs มีให้ Tim Cook ทำให้เขาเป็นตัวเก็งอันดับหนึ่งที่คาดว่าจะขึ้นมานำ Apple ต่อจาก Jobs หากเขาไม่สามารถกลับมาทำหน้าที่ต่อไปได้ Cook ได้รับมอบหมายให้ดูแล Apple ชั่วคราวจาก Jobs ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 แล้ว ครั้งแรกเมื่อปี 2004 ขณะที่ Jobs ลาป่วยเพื่อเข้ารับการรักษาโรคมะเร็งที่ตับอ่อนเป็นเวลาถึง 2 เดือน และครั้งที่สองเมื่อปี 2009 ขณะที่ Jobs ลาป่วยเพื่อการผ่าตัดเปลี่ยนตับอ่อนเป็นเวลา 6 เดือน หลังจากที่ Cook เพิ่งเข้ารับตำแหน่งใหม่ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการได้เพียง 2 ปี

Cook เป็นคนที่มีบทบาทสำคัญคนหนึ่งในการฟื้นฟูให้ Apple กลับมาผงาดได้อีกครั้ง แต่ด้วย ความที่เป็นคนชอบทำงานเบื้องหลัง ทำให้น้อยคนนักที่จะรู้จักเขา ดังที่ Wall Street Journal ให้ฉายาว่า “Low Profile, High Impact”

Tim Cook วัย 51 ปี เกิดและเติบโตในเมือง Robertsdale มลรัฐแอละบามา เขาสำเร็จการศึกษา ระดับปริญญาตรี สาขาวิศวกรรมอุตสาหการ จากมหาวิทยาลัยออเบิร์น ในแอละบามา และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาการบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัย Duke ในนอร์ทแคโรไลนา เขาเคยร่วมงานกับบริษัท Intelligent Electronics ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการฝ่ายจำหน่ายคอมพิวเตอร์ มีประสบการณ์ทำงานร่วมกับบริษัท IBM ในตำแหน่งผู้อำนวยการแห่งอเมริกาเหนือนานถึง 12 ปี ก่อนเข้าร่วมงานกับบริษัท Compaq ในฐานะรองประธานฝ่ายจัดการวัสดุขององค์กร ซึ่งเขาทำอยู่ได้เพียง 6 เดือน ก็ได้รับทาบทามจาก Jobs ให้มาร่วมงานที่ Apple ในฐานะรองประธานฝ่ายปฏิบัติการทั่วโลก

Cook เข้าร่วมงานกับ Jobs ในปี 1998 หลังจากที่ Jobs หวนคืนสู่ Apple ได้เพียงไม่นาน งานแรกของเขาคือ การปฏิรูประบบการผลิตที่ไร้ประสิทธิภาพ ด้วยการจัดระบบการควบคุมสินค้าคงคลังใหม่ทั้งหมด เพื่อลดค่าใช้จ่ายที่มีเกินกำลัง โดยในปี 1997 บริษัทขาดทุนถึงหนึ่งพันล้านเหรียญ Cook ได้ทำการปิดโรงงานและคลังสินค้าหลายแห่ง ที่ดำเนินการแบบขาดทุน โดยเปลี่ยนไปจ้างโรงงานในเอเชียให้ผลิตและเก็บสินค้าเอง สังเกตได้จากผลิตภัณฑ์ของ Apple ถูกส่งตรงมาจากโรงงานที่เมืองจีน Apple ไม่มีการสต๊อกสินค้าไว้เองเป็นจำนวนมากอีกต่อไป

โดยรายงานผลประกอบการ ณ วันที่ 25 กันยายน 1998 บริษัทมีปริมาณสินค้าคงคลังเหลืออยู่เพียงแค่ 6 วัน คิดเป็นมูลค่า 78 ล้านเหรียญ จากที่ในปี 1997 เคยมีมากถึง 31 วัน คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 437 ล้านเหรียญ จากนั้นสินค้าคงคลังของ Apple ลดลงอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งในปี 1999 บริษัท มีสินค้าคงคลังเหลือเพียง 2 วัน คิดเป็นมูลค่าเพียง 20 ล้านเหรียญ ผลลัพธ์ที่ Apple ได้คือ มูลค่าขาดทุนที่ลดลงอย่างมาก และส่วนต่างกำไร ที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล ซึ่งปัจจุบัน Apple มีเงินสดหมุนเวียนสูงถึง 4 หมื่นล้านเหรียญ

นอกจากนี้ Cook ยังเป็นผู้ที่มองการณ์ไกล ร่วมกับการตัดสินใจของ Jobs ด้วยการให้บริษัท Apple ลงทุน ในบริษัทผู้ผลิต Flash Memory ก่อนที่ Apple จะออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มี Flash Memory เป็นส่วนประกอบสำคัญ ทำให้ Apple กลายเป็นลูกค้ารายใหญ่ของโลกก่อนคู่แข่งอื่น

ทั้งนี้ ล่าสุดมีข่าวลือว่า Apple ได้ลงทุนในบริษัทโตชิบาและชาร์ป ผู้ผลิตจอสีรายใหญ่เป็นมูลค่า สูงถึงแห่งละ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ถ้าข่าวลือเป็น จริง การลงทุนครั้งนี้จะทำให้ Apple มีซัปพลายจอสีคมชัดใช้ได้นานอีกหลายปี นับเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดในการสกัดคู่แข่งที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ มาเท่าเทียมกับผลิตภัณฑ์ของ Apple ด้วยบุคลิกภาพ ที่สงบเยือกเย็นสุภาพของ Cook ตรงกันข้ามกับ Jobs ที่เปิดเผยและโผงผาง มิได้เป็นปัญหาแต่อย่างใด ในทางกลับกันทั้งสองสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น และมีประสิทธิภาพสูง Cook เป็นบุรุษที่บ้างานคนหนึ่ง เขาสามารถทำงานได้ในวันที่คนอื่นหยุด เขาชอบที่จะมาทำงาน ก่อนคนอื่น และกลับหลังคนอื่น ยามว่างจากงาน Cook ชอบออกกำลังกายเป็นที่สุด เขาชอบการปีนเขา ปั่นจักรยาน และไปออกกำลังกายที่ยิมเป็นประจำ

แม้ว่า Cook จะถูกมองว่าเป็นบุคคลที่ไม่มีวิสัยทัศน์ในเรื่องของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ แต่นั่นมิใช่ปัญหา เนื่องจาก Apple มี Jonathan Ive รองประธานอาวุโสฝ่ายออกแบบผลิตภัณฑ์เป็นผู้รับผิดชอบในงานสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ อยู่แล้ว ส่วนกรณีของการที่ Cook เป็นผู้ที่มีความสุขกับการทำงานในเบื้องหลัง ไม่ชอบที่จะอยู่หน้าเวทีเหมือน Jobs ดังนั้น หน้าที่ของการแถลงข่าวหรือพบสื่อมวลชน สามารถให้ Phil Schiller ซึ่งเป็นรองประธานฝ่ายการตลาดสามารถรับหน้าที่นั้นแทนได้

ดังนั้น หากถึงวันที่ Apple จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงตัวผู้บริหาร Tim Cook จึงเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุดคนหนึ่งในการรับตำแหน่งต่อจาก Steve Jobs จากอัจฉริยภาพด้านการบริหารองค์กรและ Supply Chain ที่มีประสิทธิภาพประสิทธิผล ทำให้ Tim Cook เป็นผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ Apple คนหนึ่งไม่แพ้ Steve Jobs


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.