Chinese Connection...ยุทธศาสตร์เชื่อมการท่องเที่ยว หาดใหญ่-มาเลเซีย-สิงคโปร์

โดย ปิยะโชติ อินทรนิวาส
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา( มกราคม 2554)



กลับสู่หน้าหลัก

“นครหาดใหญ่” เปิดมิติใหม่ให้กับตลาดท่องเที่ยวหัวเมืองหลักในภาคใต้ โดยอาศัยวัฒนธรรมจีนและสายสัมพันธ์ใกล้ชิดของมาเลเซีย จัดโรดโชว์ต่อสายสยายปีกสู่เกาะสิงคโปร์ วาดหวังดึงนักท่องเที่ยวสายเลือดมังกรแดนลอดช่องให้เข้าสู่หาดใหญ่ได้เพิ่มมากขึ้น

ระหว่างรถบัสนำคณะทัวร์ไทยข้ามสะพานจากแผ่นดินใหญ่ ในรัฐยะโฮร์ของมาเลเซียสู่เกาะสิงคโปร์ เจ้าของบริษัทนำเที่ยวจาก เมืองหาดใหญ่ได้ใช้ความพยายามชักชวนลูกทัวร์กรุ๊ปพิเศษของเขาเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อให้เข้าไปใช้บริการกาสิโนเปิดใหม่บนเกาะ เซนโตซาแห่งเมืองลอดช่อง

พร้อมกับย้ำถึงการการันตีด้วยว่า ในฐานะที่บริษัทนำเที่ยว ของเขาได้มีโอกาสบริการแขกพิเศษจากหาดใหญ่ในครั้งนี้ หากใครยอมควักเงินลงทุนเพียง 2,300 บาทเศษ แล้วทำตามคำแนะนำ ทุกคนจะได้กำไรกลับเป็นเงินกว่า 1,150 บาท พร้อมอาหารฟรี 1 มื้อใหญ่ ซึ่งไม่นับรวมความตื่นตาตื่นใจที่ได้สัมผัสกับบ่อนการพนันขนาดใหญ่ติดอันดับต้นๆ ของโลก

“ใช้เพียงแค่พาสปอร์ตที่เราถือกันอยู่แล้วก็เข้าได้เลย กาสิโน เขาเพิ่งเปิดใหม่ จึงมีโปรโมชั่นพิเศษมอบให้แก่นักท่องเที่ยวต่างประเทศ”

เจ้าของบริษัทนำเที่ยวจากหาดใหญ่บอกด้วยว่า แต่ถ้าใครไม่ประสงค์จะเข้ากาสิโนก็ไม่เป็นไร ด้านนอกมีสวนสนุกของยูนิเวอร์แซล สตูดิโอ (Universal Studio) ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชีย ใหญ่กว่าต้นกำเนิดที่นคร ลอสแองเจลิสในสหรัฐอเมริกาด้วยซ้ำ โดยบริษัทจะคืนเงินค่าอาหารกลางวันให้ไปหาทานกันเองคนละ 230 บาท แต่ก็จะเสียโอกาสทำรายได้ดังที่ว่าไว้และอดเก็บซับประสบการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจด้วย

ต้องยอมรับว่า การเปิดตัวของ 2 เมกะโปรเจ็กต์กาสิโนรีสอร์ตในช่วงต้นปี 2553 ได้แก่ โครงการ รีสอร์ท เวิลด์ เซนโตซา มูลค่ากว่า 3,400 ล้านเหรียญ สหรัฐหรือกว่า 1 แสนล้านบาท ดำเนินการโดยบริษัท เก็นติ้ง มาเลเซีย จำกัด (Genting Malasia Berhad.) ของกลุ่มทุนจากมาเลเซียกับโครงการมารินา เบย์ แซนด์ส รีสอร์ท มูลค่ากว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 1.5 แสนล้านบาท ดำเนินการโดยบริษัทลาสเวกัส แซนด์ส จำกัด (Las Vegas Sands Corp.) ซึ่งเป็นกลุ่มทุนจากลาสเวกัสของสหรัฐอเมริกา คือจุดขายใหม่ที่ถูก นำไปเสริมศักยภาพทางการท่องเที่ยวให้กับสิงคโปร์

ตั้งแต่เปิดให้บริการกาสิโนในรีสอร์ท เวิลด์ เซนโตซา เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2553 ก็มีการทุ่มโปรโมชั่นพิเศษเพื่อใช้ดึงดูด ลูกค้ามาโดยตลอด ตัวอย่างก็เช่นที่บริษัทนำเที่ยวหาดใหญ่นำมาใช้ ล่อใจลูกทัวร์กรุ๊ปพิเศษของเขาว่าเข้าไปเล่นแล้วจะได้กำไรกลับเกิน กว่าครึ่งของเงินลงทุน เพราะเวลานั้นทางกาสิโนมีแคมเปญให้สิทธิ์ ชาวต่างชาติใช้เงิน 100 เหรียญสิงคโปร์ไปแลกชิปได้มูลค่าถึง 140 เหรียญ แถมด้วยคูปองอาหารอีกมูลค่า 10 เหรียญ รวมเป็นมูลค่า ที่แลกได้ทั้งสิ้น 150 เหรียญ

เพียงแต่ชิปที่แลกมานั้นยังเป็นชิปตายอยู่ ต้องนำไปผ่านการเล่นการพนัน โดยให้คน 2 คนยืนแทงกันคนละข้าง หากข้างหนึ่งเสียให้เจ้ามือ อีกข้างหนึ่งก็จะได้จากเจ้ามือ ซึ่งลูกทัวร์จะเล่นเอง หรือให้คนของบริษัทนำเที่ยวเล่นแทนให้ก็ได้ เพื่อให้ชิปตายได้ผ่าน เครื่องสแกนกลายเป็นชิปเป็นเสียก่อน แล้วชิปเหล่านั้นจึงจะนำไป แลกคืนเป็นเงินสดจากทางกาสิโนได้

คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนช่วงปลายเดือนตุลาคม 2553 ที่อยู่ระดับประมาณ 23 บาทเศษ ต่อ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ ลูกทัวร์ จากหาดใหญ่ครั้งนั้นลงทุนคนละแค่ประมาณ 2,300 บาท ก็จะได้ ส่วนเกินกลับมาราว 920 บาท เมื่อรวมกับเงินคืนค่าอาหารกลางวัน 230 บาท โดยที่สามารถทานอาหารฟรีแบบมื้อใหญ่ในกาสิโนได้นั้น รวมแล้วจะได้คืนทั้งเงินต้นบวกกำไรประมาณ 3,450 บาทนั่นเอง

นั่นคือภาพที่ถูกนำมาใช้เป็นจุดขายสำหรับชักชวนคนไทยให้ไปท่องเที่ยวสิงคโปร์ช่วงปี 2553 โดยเฉพาะจากบริษัททัวร์ที่มีอยู่มากมายในอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา หัวเมืองหลักทางเศรษฐกิจของภาคใต้ ซึ่งในรอบปีที่แล้วก็มีคนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวเมืองลอดช่องเพิ่มขึ้นอย่างผิดหูผิดตาทีเดียว

ขณะที่มีอีกภาพหนึ่งเกิดขึ้นในรอบปี 2553 เช่นกัน หน่วยงานองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อย่าง “เทศบาลนครหาดใหญ่” ได้พยายามปลุกปั้นเมืองหาดใหญ่ให้มีจุดขายใหม่ๆ ทางด้านการ ท่องเที่ยว ด้วยโครงการพัฒนาที่หลากหลายพร้อม กับการสร้างแหล่งท่องเที่ยวและกิจกรรมเสริมขึ้น มามากมาย

ที่สำคัญคือในปี 2553 ที่เพิ่งผ่านมานั้น นับเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นความพยายามอย่างยิ่งของเทศบาลนครหาดใหญ่ ในการต่อสายไปดึงนักท่องเที่ยวจากเกาะสิงคโปร์เพื่อให้เข้ามาเที่ยวหาดใหญ่เพิ่มจำนวนมากขึ้น

ความจริงแล้วสิงคโปร์คือ 1 ใน 3 ประเทศหลักที่ถือเป็นกลุ่มเป้าหมายของตลาดท่องเที่ยวเมืองหาดใหญ่ รองลงมาจากกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย แต่ก็อยู่ในระดับไม่ทิ้งห่างกันนักกับ ชาวอินโดนีเซีย เพียงแต่ตลอดหลายปีมานี้ที่เทศบาลนครหาดใหญ่ จัดโรดโชว์เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวขึ้นมา กลับมุ่งเน้นการดึงนักท่องเที่ยวเฉพาะแต่ชาวมาเลเซียเท่านั้น

อาจเป็นเพราะว่า หาดใหญ่คือเมืองศูนย์กลางการท่องเที่ยว ของภาคใต้ตอนล่าง และนับตั้งแต่ปี 2536 ได้กลายเป็นเหมือนเมืองหลวงของฝ่ายไทยที่ถูกนำเข้าร่วมพัฒนาในโครงการสามเหลี่ยม เศรษฐกิจอินโดนีเซีย-มาเลเซีย-ไทย (Indonesia-Malaysia-Thailand Growth Triangle: IMT-GT) ซึ่งไม่มีสิงคโปร์รวมอยู่ด้วย การทำตลาดด้านการท่องเที่ยวจึงมักยื่นมือไปไม่ค่อยถึงแผ่นดินลอดช่อง

ทว่า พลันที่สิงคโปร์สร้างความสั่นไหวทางด้านการท่องเที่ยว ไปทั่วภูมิภาคเอเชียด้วยกาสิโนรีสอร์ต และส่งผลสะเทือนมาถึงหาดใหญ่ด้วยนั้น เทศบาลนครหาดใหญ่จึงอาจถือเอาโอกาสนี้ขอเชื่อมสายสัมพันธ์ด้านการท่องเที่ยวเข้าไปหา แม้จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่ยังเป็นไปแบบไม่เป็นทางการก็ตาม

ปกติเทศบาลนครหาดใหญ่จะนำกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่และสื่อมวลชน เดินทางไปจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย ประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ปฏิทินกิจกรรมการท่องเที่ยว (Road Show & Table Top Sale) ในเมืองสำคัญๆ ของประเทศ มาเลเซียทุกๆ ช่วงปลายปี

ทั้งนี้ก็เพื่อต้องการให้บริษัทนำเที่ยวทั้งในมาเลเซียและสิงคโปร์ได้นำกรุ๊ปทัวร์กลับมาท่องเที่ยวในหาดใหญ่ ส่วนสื่อมวลชน ก็ต้องการให้เกิดการสานสัมพันธ์เป็นเครือข่ายระหว่าง 2 ประเทศ ด้วย

ครั้งล่าสุดจัดขึ้นระหว่างวันที่ 28-31 ตุลาคม 2553 ภายใต้ การนำของ 2 รองนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่คือ พฤกษ์ พัฒโน กับอดุลศักดิ์ มูเก็ม พร้อมด้วยสมาชิกสภาเทศบาล ผู้อำนวยการกองวิชาการ หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์และเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่ง โดยการสนับสนุนอย่างแข็งขันของสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ภาคใต้ เขต 1 (สงขลา หาดใหญ่ สตูล) ที่แม้จะยังมุ่งเน้นตลาดมาเลเซียอย่างเป็นด้านหลัก แต่ก็เห็นถึงความ พยายามสานสายสัมพันธ์เพื่อเชื่อมต่อไปให้ถึงตลาดสิงคโปร์

“ถือเป็นครั้งแรกที่เราจัดโรดโชว์สู่มาเลเซีย แล้วเชื่อมต่อไปยังสิงคโปร์ด้วย” อดุลศักดิ์ มูเก็ม เปิดเผยกับผู้จัดการ 360 ํ

เมืองหลักที่คณะของเทศบาลนครหาดใหญ่พากันไปโรดโชว์ และเปิดตลาดด้านการท่องเที่ยวหนนี้ ได้แก่ อิโปห์ เมืองหลวงของรัฐเปรัคทางตอนเหนือ กรุงกัวลาลัมเปอร์ทางตอนกลาง และยะโฮร์บาห์รู เมืองหลวงของรัฐยะโฮร์ทางตอนใต้ของมาเลเซีย ซึ่งในเมืองหลังนี้สามารถข้ามช่องแคบมะละกาไปเชื่อมต่อได้กับเกาะสิงคโปร์ได้สะดวก อีกทั้งเป็นแหล่งรวมของทั้งนักท่องเที่ยวและสื่อมวลชนจากสิงคโปร์อยู่แล้ว ขณะเดียวกันคณะก็ยังได้มีโอกาส ข้ามไปทัศนศึกษาในลักษณะของ City Tour และแวะทำกิจกรรมที่เกาะเซนโตซาอีกด้วย

“การไปโรดโชว์ที่มาเลเซียและสิงคโปร์เที่ยวล่าสุดนี้ มีกิจกรรมพิเศษสุดที่เทศบาลนครหาดใหญ่นำไปเสนอด้วย ได้แก่ Hatyai Ice Dome โฉมใหม่กับเทศกาลโคมไฟสีสันเมืองใต้” พฤกษ์ พัฒโน กล่าวก่อนที่จะเสริมว่า

สำหรับ Hatyai Ice Dome จัดขึ้นเป็นปีที่ 2 เป็นการจัดแสดงโคมไฟมหัศจรรย์โลกน้ำแข็ง ส่วนที่ว่าโฉมใหม่เพราะเพิ่งสร้าง อาคารจัดแสดงหลังใหม่ขึ้นในปีนี้ มีพื้นที่รวมกว่า 1,000 ตารางเมตร ภายใต้อุณหภูมิที่ติดลบถึง 15 ํC มีการจัดแสดงโคมไฟน้ำแข็งที่แกะสลักโดยช่างฝีมือจากเมืองฮาร์บิน สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งเป็นที่กล่าวขานและได้รับการยอมรับในระดับโลก

เหตุที่เมืองฮาร์บินที่เป็นแหล่งบ่มเพาะช่างแกะสลักน้ำแข็งจนมีชื่อก้องก็เพราะว่าเป็นเมืองเอกของมณฑลเหยหลงเจียงที่ตั้งอยู่ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของจีน มีสมญานามว่าเป็น “ไข่มุกบนคอหงส์” เนื่องจากภูมิศาสตร์อันเป็นสัณฐานที่ตั้งของมณฑลมีลักษณะคล้ายหงส์ ส่วนสมญานามอื่นๆ ก็เช่น “มอสโกแห่งตะวัน ออก” หรือ “ปารีสแห่งตะวันออก” เนื่องจากสถาปัตยกรรมของอาคารบ้านเรือนในเมืองคล้ายกับ 2 เมืองดังกล่าว นอกจากนี้ยังเป็นที่รู้จักในชื่อ “เมืองแห่งน้ำแข็ง” เพราะแต่ละปีมีฤดูหนาวที่หนาวเหน็บและยาวนานมาก

รูปแบบโคมไฟน้ำแข็งที่จัดแสดงส่วนใหญ่จะเป็นสถาปัตยกรรมมีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ ศาลาทรงไทย หอฟ้าเทียนถานในจีน เจดีย์ 5 ชั้นที่ญี่ปุ่น ทัชมาฮาลที่อินเดีย รูปปั้นสิงโตทะเลในสิงคโปร์ ตึกแฝดเปโตรนาสในมาเลเซีย อาคารรัฐสภาอังกฤษ หอเอนเมืองปิซาจากอิตาลี โรงอุปรากรซิดนีย์ของออสเตรเลีย เมืองกรีกโบราณ จัตุรัสแดงแห่งรัสเซีย ประตูชัยฝรั่งเศส มหาวิหารเมืองโคโลญจน์ของเยอรมนี ทำเนียบขาวของสหรัฐอเมริกา สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ สไลเดอร์น้ำแข็งและบาร์น้ำแข็ง เป็นต้น

นอกจากนี้แล้ว ภายในบริเวณยังมีการนำเอาพืชพรรณม้ดอก ไม้ประดับ และสัตว์เมืองหนาวจากทั่วโลกหมุนเวียนกันมาจัดแสดงด้วย เช่น นกเพนกวิน ดอกทิวลิปหลากสีสันรับเทศกาล แห่งความสุขเดือนมกราคม ดอกเหมยต้อนรับบรรยากาศแห่งความรักเดือนกุมภาพันธ์ ดอกซากุระชมพูสะพรั่งท่ามกลางบรรยากาศหนาวเหน็บเดือนเมษายน ดอกลิลลี่เจ้าหญิงเมืองหนาว แห่งเอเชีย เป็นต้น

ในส่วนของเทศกาลโคมไฟสีสันเมืองใต้จัดขึ้น เป็นครั้งที่ 5 ประกอบด้วยโคมไฟเฉลิมพระเกียรติฯ โคมไฟเทพมหามงคล โคมไฟ 4 ภาคของไทย โคมไฟจำลองงานเทศกาลต่างๆ ของไทย โคมไฟ 14 จังหวัดสีสันเมืองใต้ โคมไฟเมืองหาดใหญ่ โคมไฟจินตนาการโลกของเด็ก โคมไฟโลกของสัตว์ โคมไฟ นานาชาติรูปแบบตุ๊กตาเครื่องแต่งกายประจำชาติ 20 ประเทศ และโคมไฟแบรนด์สินค้าต่างๆ รวมถึงประติมากรรมร่วมสมัย

ทั้งนี้ เทศบาลนครหาดใหญ่กำหนดจัด Hatyai Ice Dome กับเทศกาลโคมไฟสีสันเมืองใต้ในลักษณะควบคู่ไป ณ สวนสาธารณะของเทศบาล ระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2553-30 เมษายน 2554 รวมระยะเวลา 6 เดือนพอดิบพอดี

สำหรับสวนสาธารณะเทศบาลนครหาดใหญ่ ตั้งอยู่ตีนเขาคอหงส์ ริมถนนกาญจนวนิช บนเส้นทาง สายหลักเชื่อมระหว่างหาดใหญ่-สงขลา ห่างจากตัวเมืองหาดใหญ่ประมาณ 6 กิโลเมตร ซึ่งบริเวณนั้นนอกจากจะเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจและถูกใช้จัดกิจกรรมที่สำคัญของเมืองหาดใหญ่บ่อยๆ แล้ว ยังประกอบด้วยแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย และในอนาคตอันใกล้ก็จะมีกระเช้าลอยฟ้าขึ้นเขาคอหงส์ในลักษณะเดียวกับบนเกาะเซนโตซาของสิงคโปร์เกิดขึ้น โดยเวลานี้มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่เคารพสักการะของประชาชนประดิษฐานอยู่ทั่วบริเวณ ได้แก่ พระพุทธมงคลมหาราช ท้าวมหาพรหม พระโพธิสัตว์ กวนอิม และพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 5 เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม การเดินทางไปเปิดตลาดท่องเที่ยวแต่ละครั้ง เทศบาลนครหาดใหญ่ยังเน้นเชิญชวน ให้กรุ๊ปทัวร์จากทั้งมาเลเซียและสิงคโปร์ ได้เข้ามาท่องเที่ยวเมืองหาดใหญ่ตามวาระของการจัดกิจกรรม ที่ถือเป็นไฮไลต์ในแต่ละเดือน ซึ่งก็มีการจัดขึ้นเกือบตลอดทั้งปี ประกอบด้วย

เดือนมกราคมมีประเพณีทำบุญตักบาตรเนื่องในวันขึ้นปีใหม่, กุมภาพันธ์จัดงานเทศกาลตรุษจีน, เมษายนจัดงานประเพณีสงกรานต์ในรูปแบบ Hatyai Midnight Songkran, มิถุนายน-สิงหาคมจัดงาน Amazing Thailand Grand Sale พร้อมแฟชั่นโชว์, สิงหาคมจัดงานตักบาตรพระ 10,000 รูปนานาชาติ, ตุลาคม จัดงานเทศกาลกินเจ, พฤศจิกายนจัดประเพณีลอยกระทง, พฤศจิกายน-เมษายนจัด Hatyai Ice Dome และเทศกาลโคมไฟ สีสันเมืองใต้ และธันวาคมจัดงานส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ในรูปแบบ Hatyai Night Paradise เป็นต้น

ภายหลังกลับจากการโรดโชว์ที่มาเลเซียและสิงคโปร์ พฤกษ์ พัฒโนบอกว่าเฉพาะในส่วนของการแสดงโคมไฟมหัศจรรย์โลกน้ำแข็งและดอกไม้เมืองหนาว Hatyai Ice Dome โฉมใหม่ 2553-2554 ซึ่งมีการเก็บค่าบัตรผ่านประตูนั้น เทศบาลนครหาดใหญ่ตั้งเป้าว่า ตลอด 6 เดือนที่จัดแสดงน่าจะมียอดนักท่องเที่ยวเข้าชม ถึง 8 หมื่นคน คิดเป็นรายได้ไม่ต่ำกว่า 60 ล้านบาท

อันเป็นประมาณการที่เพิ่มขึ้นจากการจัดแสดงในรอบปีที่แล้ว ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 1 พฤศจิกายน 2552-28 กุมภาพันธ์ 2553 รวมระยะเวลาเพียง 4 เดือน ซึ่งมียอดผู้เข้าชมอยู่ที่ประมาณ 2.5 หมื่นคน สร้างรายได้เป็นเงินประมาณ 25 ล้านบาท

ทว่า ยอดจำนวนผู้เข้าชมตามที่เทศบาลนครหาดใหญ่ตั้งเป้า ไว้ในรอบจัดแสดงนี้ อาจจะยังใช้เป็นดัชนีชี้วัดได้ไม่ดีนักต่อการไปโรดโชว์ที่มาเลเซียและสิงคโปร์ว่า ประสบผลสำเร็จหรือไม่??!!

เนื่องเพราะเป็นที่ทราบกันแล้วว่า ภายหลังที่คณะกลับจากโรดโชว์ได้เพียง 1 วัน คือคืนวันที่ 1 พฤศจิกายน 2553 ก็เกิดเหตุ น้ำท่วมใหญ่ทั่วเมืองหาดใหญ่ แถมพิธีเปิดอย่างเป็นทางการและเตรียมไว้อย่างยิ่งใหญ่ที่กำหนดให้มีขึ้นในช่วงบ่ายของวันนั้น ก็ถูก ความโกลาหลอลหม่านของภาวะตื่นอุทกภัยทำให้ต้องล้มเลิกไปโดยปริยาย

อย่างไรก็ตาม แม้ขณะนี้จะยังไม่ถึงครึ่งทางของระยะเวลาจัดแสดงที่กำหนดไว้รวม 6 เดือน แต่จากการได้มีโอกาสเข้าไปสัมผัส Hatyai Ice Dome ทำให้พบว่า โคมไฟรูปปั้นสิงโตทะเล อันเป็นสัญลักษณ์ของประเทศสิงคโปร์ และตึกแฝดเปโตรนาส สัญลักษณ์ของประเทศมาเลเซีย ทั้ง 2 สิ่งต่างได้รับความนิยมชมชอบและเก็บบันทึกภาพจากบรรดานักท่องเที่ยวแบบไม่แพ้กัน

ขณะที่เจ้าหน้าที่ที่เป็นทีมงานจัดแสดง Hatyai Ice Dome ก็ยืนยันว่า เสียงพูดคุยด้วยภาษาจีนหรืออังกฤษระหว่างการชม การถ่ายภาพคู่กับสิงโตทะเลหรือกับตึกแฝดเปโตรนาส มีให้เห็นและได้ยินแทบทุกรอบที่นำชม ยิ่งถ้าเป็นกรุ๊ปทัวร์มาลงด้วยแล้ว เสียงเจี๊ยวจ๊าวด้วยภาษาที่ว่าจะดังลั่นเลยทีเดียว

นับเป็นอีกก้าวสำคัญของการรุกเข้าไปทำตลาดท่องเที่ยวให้กับเมืองหาดใหญ่ โดยอาศัยจีนและมาเลเซียเป็นสะพานเพื่อเชื่อมต่อไปยังเกาะสิงคโปร์


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.