สำหรับผู้หญิงแล้ว ผู้หญิงที่เริ่มต้นเลข 4 นั้นน่าจะเป็นช่วงที่ไม่ควรจะต้องดิ้นรนให้เหนื่อยยาก
ในหน้าที่การงานเหมือนเมื่อวัยสาวอีกแล้ว ควรจะได้ใช้เวลาที่เหลือกับครอบครัวให้มากขึ้น
แต่...กัญห์ชรี บูรณสมภพ ชีวิตเธอเป็นข้อยกเว้น เพราะวัย 40 กะรัตของเธอในวันนี้กลับกลายเป็นจุดหักเหชีวิตการทำงานของเธอชนิดหน้ามือเป็นหลังมือทีเดียว...
เพราะชีวิตงานเลขาที่เธอคลุกมาเกือบครึ่งชีวิตจนได้รับการยกย่องให้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมเลขานุการแห่งประเทศไทย
เป็นที่รู้จักกันดีของคนทั่วไป แล้ววันดีคืนดีเธอก็วางปากกาจดชวเลขมานั่งแป้นเป็น
ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ ของโรงแรมฮิลตัน เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา...
จากพื้นฐานของครอบครัวที่มีธุรกิจการค้าเป็นของตัวเอง กัญห์ชรีจึงได้รับการขอร้องจากบิดาให้เรียนต่อทางด้านบริหารหลังจากที่เรียนจบเซ็นต์ฟรังชั้นมัธยม
6 แล้ว ทั้ง ๆ ที่เธอใฝ่ฝันที่จะเรียนแพทย์ตั้งแต่ยังเล็ก ๆ
แต่เป็นเรื่องที่น่าแปลกเมื่อทางไฮสคูลที่เธอเรียนอยู่ทางสหรัฐฯ นั้นได้แนะนำให้เธอเลือกอาชีพเลขาฯ
"ทางไฮสคูลเขาสัมภาษณ์ดิฉันหลายเรื่อง แล้วสรุปว่าทำไมยูไม่เรียนเลขา
ถ้ายูเป็นเลขาชีวิตจะประสบความสำเร็จมาก ๆ เพราะยูเป็นคนร่าเริงมีมนุษยสัมพันธ์ดี
แล้วที่อเมริกานั้น อาชีพเลขาค่อนข้างได้รับการยกย่องและได้เงินดีด้วย..."
กัญห์ชรีเล่าถึงแรงดลใจครั้งแรกของอาชีพเลขาฯ
แล้วชีวิตเธอก็ถูกลิขิตให้หักเหมาเป็นเลขาฯ จนได้ ขณะที่เรียนปริญญาตรีด้านบริหารบุคคลที่มหาวิทยาลัยรูสเวลท์
ชิคาโก เธอก็ได้หาประสบการณ์ด้วยการเป็นเลขาฯ ให้กับโปรเฟสเซอร์ของคณะในช่วงซัมเมอร์
การเริ่มต้นชีวิตเลขาฯ นั้นทำให้กัญห์ชรีประทับใจมาก เพราะ "นาย"
คนแรกของเธอให้ความรู้และประสบการณ์กับเธออย่างมาก หลังจากเรียนจบแล้วกัญห์ชรีจึงได้ทำงานเป็นเลขาฯ
อยู่ที่บริษัทนอร์ทแวร์ เป็นเวลา 1 ปี จึงกลับมาเมืองไทย
กัญห์ชรีหอบปริญญากลับสู่เมืองไทยเมื่ออายุ 21 ปี ก็ได้งานทำเป็นเลขาบริหารของ
"นายใหญ่" ที่หน่วยสวัสดิการทหารอากาศสหรัฐ สำหรับหน้าที่นี้เธอยอมรับว่าตัวเองค่อนข้างจะเด็กเกินไป
เพราะจะต้องรับผิดชอบมาก แต่ด้วยนิสัยที่ชอบเรียนรู้และภาษาอังกฤษที่ดีเยี่ยมทำให้เธอสามารถทำหน้าที่นี้ได้ดีจน
6 ปีให้หลัง เมื่อฐานทัพของสหรัฐฯ ต้องย้ายออกจากเมืองไทยเธอจึงต้องหางานใหม่อีกครั้ง
และงานใหม่ที่กัญห์ชรีมองหาก็ไม่พ้นอาชีพเลขาฯ เธอบอกว่าแม้ตัวเธอจะชอบและตั้งใจยึดอาชีพเลขามาตลอดก็จริง
แต่เธอก็เลือก "นาย" เหมือนกัน
"ชอบนายแบบที่ต้องทำให้เรารู้สึกนับถือ คือต้องเป็นผู้ใหญ่ นายเด็ก
ๆ ไม่ชอบ คือผู้ใหญ่จะทำให้เรารู้สึกศรัทธา ทำให้เราได้เรียนรู้อะไรจากนายได้มากด้วย"
กัญห์ชรีเปิดใจถึง "นาย" ในอุดมคติของเธอ
บริษัทแห่งใหม่ที่กัญห์ชรีเข้าไปทำงานคือบริษัท บีเอเอสเอฟ (ประเทศไทย)
จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทใหญ่ของเยอรมนีที่มีพนักงานกว่าแสนคน อุปสรรคแรกที่เธอประสบกับที่ทำงานใหม่คือ
"นายใหญ่" ของที่นี่ ซึ่งได้ชื่อว่าดุมากจนเปลี่ยนเลขาไปแล้วถึง
6 คน แต่สำหรับเลขามืออาชีพประสบการณ์โชกโชนอย่างกัญห์ชรีแล้ว เธอกลับบอกว่าแรกเห็นก็ชอบนายคนใหม่คนนี้แล้วเพราะตรงสเป็กที่เป็นผู้ใหญ่ดี
แม้ว่าจะเป็นคนที่เข้มงวดมากหน่อย แต่ก็เป็นคนมีเหตุผล
ชีวิตการทำงานที่เริ่มกับนายใหม่นี้ กัญห์ชรีต้องปรับตัวนานพอสมควร เพราะมีหลายสิ่งที่นายใหม่ไม่ค่อยไว้ใจเธอ
แต่เธอก็พยายามพูดและสร้างความมั่นใจให้แก่นายใหม่ 2 ปีกับความพยายามจึงประสบความสำเร็จ
ทั้งนายและเลขาก็สามารถเข้ากันได้ดี แต่ก็ครบเทอมที่นายต้องกลับประเทศ เธอจึงต้องเปลี่ยนนายใหม่อีกครั้ง
กับนายคนใหม่นี้เธอร่วมงานด้วยถึง 9 ปี เธอได้เรียนรู้งานหลาย ๆ อย่างจากนายคนนี้
และที่สำคัญคือ นายคนนี้ให้ความไว้วางใจเธอมาก ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการทำงานเลขาทีเดียว
นายใหม่คนนี้ให้การส่งเสริมเธอทุกอย่าง จนเธอได้รับการโปรโมทให้รั้งตำแหน่งผู้จัดการสำนักงานด้วย
จังหวะนี้เองที่เธอได้มีโอกาสสัมผัสกับงานด้านประชาสัมพันธ์บ้าง เพราะเลขาที่ได้รับการไว้วางใจจากนายอย่างเธอ
จะต้องเป็นผู้ดูแลข่าวสารข้อมูล จนกระทั่งถึงการดูแลงานประชุมภาคพื้นเอเซียของบริษัท
จะต้องติดต่อทางโรงแรมจัดประชุม จนถึงดูแลเจ้าหน้าที่ที่มาประชุม
แล้วก็มาถึงวันที่นายคนนี้เกษียณอายุ แทนที่เธอจะรอทำงานกับนายคนใหม่อีกครั้งหนึ่ง
มาคราวนี้เธอเริ่มมาพิจารณาดูตัวเองว่าในชีวิตเธอตั้งเป้าหมายสูงสุดให้กับชีวิตอย่างไรบ้าง?
เมื่อยึดอาชีพเป็นเลขาเธอก็ได้เป็นเลขาของผู้บริหารที่สูงสุดในองค์กรมาแล้ว
ก็น่าจะถึงจุดอิ่มตัวแล้ว การอุทิศตนกับงานสมาคมเลขาฯ จนในที่สุดเธอก็ได้รับเลือกให้เป็นนายกสมาคมเลขาฯ
ถึง 2 สมัย ทั้งหมดนี้น่าจะถึงจุดอิ่มตัวสูงสุดของอาชีพเลขาได้แล้ว
"อาชีพเลขาส่วนหนึ่งก็ใกล้เคียงกับประชาสัมพันธ์ เพราะเลขาที่ดีจะต้องมีมนุษยสัมพันธ์ดี
และต้องสร้างภาพพจน์ให้กับนายผู้บริหาร บริษัท และตัวเองด้วย ต้องติดต่อกับลูกค้ามากมาย
ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นเหมือนประชาสัมพันธ์ ซึ่งก็ถูกกับนิสัยตัวเองอยู่แล้วที่ชอบพบปะผู้คนและชอบเรียนรู้สิ่งใหม่
ๆ อยู่ตลอดเวลา"
ด้วยนิสัยที่มั่นใจในตัวเองสูง เธอจึงตัดสินใจครั้งใหญ่ในชีวิตด้วยการหักเหชีวิตการทำงานจากเลขามาเป็นผู้จัดการประชาสัมพันธ์ให้กับโรงแรมฮิลตันฯ
แม้จะต้องนับหนึ่งใหม่แต่เธอก็เปิดเผยความรู้สึกว่า
"คิดว่าไม่ผิดหวังเพราะ 15 วันแรกที่ทำงานมานี้ คือทุกอย่างเกิดขึ้นทุกวัน
ทั้งแปลกและใหม่ แล้วก็ได้มีโอกาสตัดสินใจมากขึ้นเมื่อเผชิญปัญหา คิดว่าประสบการณ์เลขาที่ทำมา
10 กว่าปี ได้อะไรมาหลายอย่างที่จะมาใช้กับงานโรงแรมได้..."
กับวันนี้ของกัญห์ชรี แม้ว่าจะอยู่ในวัยที่เกินกว่าจะเปลี่ยนงานแล้วก็ตาม
แต่เธอก็ยังสนุกสนานกับงานใหม่ของเธอเสมือนเด็กเพิ่งจะออกจากรั้วมหาวิทยาลัยที่มีไฟในการทำงานแรงอยู่
และสำหรับเธอแล้วคงไม่หยุดอยู่เพียงแค่งานประชาสัมพันธ์เท่านั้น เพราะเมื่อถึง
"จุดอิ่มตัว" อีกครั้ง เธอเตรียมแผนการจะทำงานธุรกิจทัวร์ต่อไป
ด้วยเหตุผลเดิมคือ ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ...