ปี 53 ยอดนักท่องเที่ยวโต ททท.ฟุ้งทะลุเป้า 16.4 ล้าน-เผย 4 ปัจจัยลบ


ASTV ผู้จัดการรายวัน(16 ธันวาคม 2553)



กลับสู่หน้าหลัก

ททท.ฟุ้ง นักท่องเที่ยวต่างชาติ ทะลุเป้าหมาย ปีหน้าขอโกย 16.4 ล้านคน เผย 4 ปัจจัยลบสำคัญพร้อมรับมือ คือ ค่าเงิน พลังงาน ค่าธรรมเนียมการบิน และ ภัยธรรมชาติ โดยตลาดยุโรป ชูกลยุทธ์ดึงไฮเอนด์ รักษามาร์เก็ตแชร์รายได้ 39% ด้านปลัดฯท่องเที่ยว ชงนโยบายหนุนเมดิคัลฮับ รับกลุ่มประชากรสูงวัยเพิ่ม

วานนี้ (15 ธ.ค.) ภายหลังการประชุมคณะทำงานศูนย์ปฏิบัติการวางแผนการท่องเที่ยวและศูนย์ปฏิบัติการในภาวะวิกฤต (ศวก.) ซึ่งมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวมาหารือร่วมกันในการกำหนดยุทธศาสตร์ และวิธีการ กระตุ้นการท่องเที่ยวปี 2554 โดย นายสุรพล เศวตเศรนี ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นชอบร่วมกันในแนวทางการปฏิบัติงานการตลาดเชิงรุก เพื่อคงสัดส่วนการเติบโตของนักท่องเที่ยวทั้งจำนวนและรายได้ของปี 2554 ให้เติบโตต่อเนื่องจากปี 2553

ทั้งนี้ พบว่า ปัจจัยลบสำคัญของปีหน้า มี 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ 1.ปัญหาการอ่อนตัวของค่าเงินยูโร และ เงินดอลลาร์สหรัฐฯ 2.การปรับขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง 3.การประกาศใช้นโยบาย แอร์ พาสเซ็นเจอร์ ดิวตี้ ซึ่งไทยจะถูกจัดอยู่ในโซน ซี ที่ นักท่องเที่ยวจากยุโรปจะเดินทางมาประเทศไทยต้องจ่ายค่าตั๋วเครื่องบินเพิ่มอีกรายละ 30 ยูโร หรือกว่า 1,000 บาท และ4.ปัจจัยที่นอกเหนือการควบคุมในเรื่องของภัยพิบัติธรรมชาติและปัญหาความวุ่นวายทางการเมือง

โดยตัวเลขสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ของกระทรวงการท่องเที่ยวฯ รายงานว่า สถานการณ์นักท่องเที่ยว 11 เดือน แรกปีนี้ 14.03 ล้านคน เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 12.63% ซึ่งเป็นการกลับมาเติบโตอีกครั้ง หลังสิ้นเหตุการณ์วิกฤติทางการเมืองไทย และ ช่วงวันที่ 1-6 ธันวาคม มีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ด่านสนามบินสุวรรณภูมิ 205,292 คน เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6.81% คาดตลอดเดือนจะมี 1.68 ล้านคน เป็นจำนวนที่สูงสุดในประวัติศาสตร์

และเมื่อรวมตลอดปี 2553 จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติรวม 15.7-15.8 ล้านคน เพิ่มจากปีก่อน 11-12% สร้างรายได้ 5.8-6 แสนล้านบาท เติบโต 14-17% จากปีก่อน จึงเป็นไปได้ที่ ททท.เตรียมเสนอ ต่อที่ประชุมบอร์ดททท. ขอปรับประมาณการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ปี 2554 เป็น 16.4 ล้านคน เพิ่มขึ้น 4.75% สร้างรายได้ 6.25 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.75%

“การเติบโตดังกล่าวเป้นตัวเลขที่สูงกว่าการเติบโตของจำวนนักนักท่องเที่ยวโลก ที่ องค์การการท่องเที่ยวโลก ระบุว่า 8 เดือนแรก ปีนี้ มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางทั่วโลกรวม 642 ล้านคน เติบโตจากปีก่อน 7% เป็นการเติบโตจากกลุ่มประเทศเกิดใหม่ 8% และจาก กลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว 5%”

ด้าน นางจุฑาพร เริงรณอาษา รองผู้ว่าการด้านตลาดต่างประเทศ ภูมิภาคยุโรป ททท.กล่าวว่า แผนงานปีหน้า ตลาดยุโรป ต้องป้องกันความเสี่ยง และรักษาตลาดไม่ให้ลดลงจากปีนี้ ด้วยการเร่งบุกตลาดนักท่องเที่ยวไฮเอนด์ พร้อมจัดโรดโชว์ นำผู้ประกอบการไปเสนอสินค้าและบริการโดย สัดส่วนนักท่องเที่ยวจากยุโรป คิดเป็น 28% ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่วนรายได้คิดเป็น 39% ของรายได้จากต่างประเทศ

ด้าน นายสมบัติ คุรุพันธ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา (ป.กก.) ในฐานะประธานเปิดการประชุมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์-Medical Tourism Hub (ระหว่างประเทศ) ซึ่งเป็นความร่วมมือ 3 ประเทศ คือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และ ไทย กล่าวว่า ได้จัดทำแผนส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ เข้าไปอยู่ในแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาการ ท่องเที่ยวแห่งชาติ พ.ศ.2555-2559 โดยจะเสนอต่อที่ประชุม ครม.สัปดาห์หน้า เน้นบริการใน 4 ด้าน คือ 1.การใช้บริการรักษาพยาบาล 2.ด้านส่งเสริมสุขภาพ 3.การแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก และ 4.สมุนไพร ผลิตภัณฑ์สุขภาพ เพื่อขยายการให้บริการทางการแพทย์/สุขภาพ เป้าหมายสร้างมูลค่าเพิ่ม 0.4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (GDP) และจากนโยบายดังกล่าวคาดว่าสัดส่วนรายได้จากการท่องเที่ยวจะมาจากธุรกิจทางการแพทย์ 30% และ 70%จะ เข้าสู่ธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศ ทั้งนี้มองว่าสังคมโลกมีจำนวนประชากรผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งไทยต้องเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ และเริ่มวางยุทธศาสตร์เชิงบูรณาการร่วมกัน ในลักษณะ “รัฐสร้างคน อำนวยความสะดวกต่างๆ เอกชนสร้างตลาด”


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.