“ซาเล้ง” อุ้มนกแอร์ “ทีจี” สะดุดถือหุ้น 49% โวยกรุงไทยขายแพง


ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์(16 ธันวาคม 2553)



กลับสู่หน้าหลัก

รมว.คมนาคม โดดอุ้มนกแอร์ สั่งการบินไทยต้องเข้าไปฟื้นฟูพัฒนา เพื่อให้เป็นไปตามแผนงานที่ได้เสนอมายังกระทรวง และเป็นเครื่องมือในการสร้างรายได้อีกช่องทางหนึ่ง ด้าน บิ๊ก “ทีจี” ยอมรับ ยังไม่สามารถเพิ่มสัดส่วนหุ้นในสายการบินนกแอร์ให้เป็น 49% ได้ เพราะแบงก์กรุงไทยเสนอขายที่หุ้นละ 44 บาท ถือว่าแพงเกินไป

นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม กล่าวภายหลังมอบนโยบายให้แก่หน่วยงานด้านขนส่งทางอากาศว่า โดยระบุว่า ตนเองได้สั่งการให้ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือ THAI ในฐานะที่เป็นสายการบินแห่งชาติ วางแผนพัฒนาการให้บริการใน 2 ด้าน คือ การให้บริการเชิงพาณิชย์ และการให้บริการเชิงสังคม โดยต้องบริหารจัดการงานทั้ง 2 ด้านให้เกิดความสมดุล โดยเฉพาะการยกเลิกเส้นทางบินในประเทศนั้นต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ

นอกจากนี้ รมว.คมนาคม ยังมอบหมายให้การบินไทยเข้าไปดูแลฟื้นฟูกิจการของสายการบินนกแอร์ ซึ่งเป็นสายการบินที่การบินไทยถือหุ้น 39% โดยต้องพัฒนาสายการบินนกแอร์ ให้เป็นไปตามแผนงานที่ได้เสนอมายังกระทรวงคมนาคม เพื่อเป็นเครื่องมือในการสร้างรายได้อีกช่องทางหนึ่ง

สำหรับในส่วนของกรมการบินพลเรือนนั้น รมว.คมนาคม ได้สั่งการให้หาแนวทางการใช้ประโยชน์จากท่าอากาศยานภูมิภาคทั้ง 28 แห่งให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยอาจเปิดให้เอกชนมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการ หากมีประเด็นด้านข้อกฏหมาย กรมจะต้องเสนอมายังกระทรวงคมนาคม เพื่อหาแนวทางแก้ไขต่อไป รวมทั้งให้เพิ่มควมเข้มงวดในการตรวจสอบมาตรฐานการให้บริการของสายการบินต้นทุนต่ำ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดต่อผู้ใช้บริการ

ด้าน นายโชคชัย ปัญญายงค์ รองกรรมการผู้อำนายการใหญ่สายกลยุทธ์และพัฒนาธุรกิจ การบินไทย กล่าววว่า บริษัทยังไม่สามารถเพิ่มสัดส่วนหุ้นในสายการบินนกแอร์ให้เป็น 49% ได้ เพราะราคาหุ้นสายการบินนกแอร์ที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB เสนอขายในราคาหุ้นละ 44 บาท เป็นราคาที่สูงเกินไป แต่ยืนยันว่าบริษัทยังคงมีนโยบายเพิ่มสัดส่วนหุ้นในสายการบินนกแอร์ และพร้อมพัฒนาการให้บริการของสายการบินนกแอร์อย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบันคณะกรรมการนกแอร์ได้จัดทำแผนธุรกิจ 4 ปี ซึ่งจะขยายฝูงบินโดยการจัดหาเครื่องบินเอทีอาร์เพิ่มอีก 4 ลำ และเครื่องบินโบอิ้ง 737-400 อีก 7 ลำ เพื่อนำมาขยายเส้นทางบินในประเทศเป็นหลัก เช่น เส้นทางกรุงเทพฯ-ลำปาง กรุงเทพฯ-แพร่ กรุงเทพฯ-น่าน และกรุงเทพฯ-ชุมพร และคาดว่า ในปี 2554 นกแอร์จะมีกำไรเพิ่มขึ้นจากปี 2553 ที่มีกำไรกว่า 500 ล้านบาท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.