บางปูกว่าจะฟื้นก็หืดขึ้นคอ


นิตยสารผู้จัดการ( กรกฎาคม 2533)



กลับสู่หน้าหลัก

สมัยที่อื้อจือเหลียงยังมีชีวิตอยู่ เขากว้านซื้อที่ดินแถบบางปูเป็นจำนวนมาก โดยตั้งใจที่จะทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยว สวนสนุก และส่วนหนึ่งได้บริจาคให้กับสภากาชาดไทย สร้างเป็นบ้านพักคนชราสวางคนิวาส แต่เมื่อเขาสิ้นชีวิตลงในปี 2517 ที่ดินผืนดังกล่าวกลับตกเป็นของธนาคารศรีนคร แทนที่จะเป็นของทายาทอื้อจือเหลียง!!!

ออกจะเป็นเรื่องล้ำสมัยเป็นอย่างมากที่ในเวลาต่อมาอุเทนตัดสินใจใช้พื้นที่ดังกล่าวจำนวน 10,000 ไร่มาจัดสรรเป็น "นิคมอุตสาหกรรมบางปู" ในนามของ "บริษัทพัฒนาที่ดินเพื่อการอุตสาหกรรมประเทศไทย จำกัด" เพราะสมัยนั้นมีคนคิดลงทุนธุรกิจด้านนี้น้อยมาก และเป็นของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเกือบทั้งหมดมากกว่าที่จะเป็นของเอกชน

แต่การที่ธุรกิจพัฒนาที่ดินประเภทนี้ยังเป็นของใหม่ อุตสาหกรรมในช่วงนั้นยังไม่เติบโต นิคมอุตสาหกรรมบางปูจึงกลายเป็นภาระสำหรับศรีนครไป

"ช่วงแรกยังไม่มีการวางผังนิคมให้ชัดเจน มีโรงงานที่เป็นลูกค้าของธนาคารมาอยู่ได้สัก 5-6 แห่ง แต่อยู่กันคนละทิศคนละทาง ก็เลยลำบากในการจัดสาธารณูปโภค ถนนก็ขรุขระ น้ำ ไฟฟ้าก็ไม่เพียงพอ คนงานที่ไปอยู่ที่นั่นก็โวยวาย" แหล่งข่าวกล่าว

จากยอดขายที่รวบรวมได้คือ ปี 2517 ขายได้ 7 แสนกว่าบาท ปี 2518 ขายได้ 3 ล้านกว่าบาท ปี 2519 ขายได้น้อยมาก ปี 2520 ขายได้ 1 ล้าน 4 แสนบาท ปี 2521 ขายได้ 4 ล้าน 6 แสนบาท จะเห็นได้ว่านิคมอุตสาหกรรมมียอดขายที่ต่ำมากๆ

ใครบางคนบอกว่า นิคมอุตสาหกรรมบางปูกลายเป็นบ่อน้ำที่คนเตชะไพบูลย์ดำลงไปแบบอึดแล้วอึดอีกจนหน้าเขียว!

ประมาณ 2527-2528 นิคมอุตสาหกรรมมีหนี้อยู่ที่ศรีนครประมาณ 800 ล้านบาท พร้อมที่ดินที่ยังขายไม่ออกอีกบานเบอะ

นิพิธ โอสถานนท์ สามีของสุกัญญา เตชะไพบูลย์ ลูกสาวคนที่สองของอุเทน เขาเป็นเขยเตชะไพบูลย์ที่ต้องมารับหน้าที่เป็นกรรมการผู้จัดการที่นิคมอุตสาหกรรมบางปู นิพิธเคยทำธุรกิจเรือเดินทะเล แต่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จนัก คนรอบข้างเขากล่าวถึงนิพิธว่าเป็นคนที่สุภาพมาก ฉลาด แต่ไม่ค่อยกล้าตัดสินใจ ซึ่งก็อาจเป็นเพราะธุรกิจที่ลูกเขยทำให้พ่อตานั้นไม่ค่อยสดใสเอาเสียเลย จึงพูดไม่ค่อยออก แล้วแต่ทางอุเทนและวิเชียรจะตัดสินใจอย่างไร

วีระชัย วรรณึกกุล ที่ปรึกษากรรมการผู้จัดการขณะนั้นเสนอให้ตัดเนื้อร้ายนี้ทิ้งด้วยการขายที่ดินทั้งหมดในราคา 700 ล้าน ยอมขาดทุนประมาณ 100 ล้าน แต่เตชะไพบูลย์ยอมอึดต่อ หรือไม่ก็ไม่รู้ว่าจะตัดสินใจอย่างไรดี

แต่เหมือนโชคช่วย ธุรกิจพัฒนาที่ดินกลับมาคึกคักอีกครั้ง นิคมอุตสาหกรรมกลายเป็นธุรกิจอีกด้านหนึ่งที่คนแข่งกันเปิดมากมายจนล่าสุดมีถึง 17 แห่ง เพื่อต้อนรับโรงงานอุตสาหกรรมจำนวนมากที่กำลังเปิดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

โชคดีกลับมาหาเตชะไพบูลย์อีกครั้ง!

เพียงชั่วสามสี่ปี นิคมอุตสาหกรรมบางปูสามารถขายได้หมดเกลี้ยง เฉพาะปี 2530 ขายได้ถึง 500 ล้านและยังแบ่งที่ดินออกมาทำบางปูคันทรีคลับต่ออีกด้วย

วิเชียรกล่าวว่า จากหนี้ที่มีอยู่ประมาณ 800 กว่าล้าน ปัจจุบันเหลืออยู่ประมาณ 300 กว่าล้าน ซึ่งคาดว่าไม่มีปัญหาเพราะทรัพย์สินนั้นเกินคุ้ม ทั้งยังจะขยายในส่วนพาณิชย์ออกไปอีก 2,000 ไร่อีกด้วย

แบบนี้ไม่เรียกว่าเฮงแล้วจะเรียกว่าอะไร!

บทเรียนที่ได้จากนิคมอุตสาหกรรมบางปูสำหรับคนเตชะไพบูลย์ก็คือ บางทีการตัดสินใจช้าๆ หรือปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามสถานการณ์ มันก็เป็นคุณได้เหมือนกัน



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.