|
ลีเวอร์ลุยซีเอสอาร์ เป้าทั่วโลกโต2เท่าปี63ชูแผนการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืน
ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์(9 ธันวาคม 2553)
กลับสู่หน้าหลัก
ยูนิลีเวอร์ ประกาศยุทธศาสตร์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ชูแผนการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืน เร่ง ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ หวังสร้างความยั่งยืนตราสินค้า มัดใจผู้บริโภค และประหยัดต้นทุน พร้อมสร้างการเติบโตธุรกิจผลประกอบการทั่วโลกโต 2 เท่าตัวในปี 2563
นายบาวเค่อ ราวเออร์ส ประธานกรรมการบริหาร กลุ่ม บริษัท ยูนิลีเวอร์ ในประเทศไทย ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค กล่าวว่า หลังจากที่ยูนิลีเวอร์ประกาศแผนการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืนในระดับโลก โดย เป้าหมายที่จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากสินค้าของยูนิลีเวอร์ลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2563 ตลอดจนยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคให้ดีขึ้น ทั้งนี้เพื่อสร้างการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยอีก 20 ปีข้างหน้านี้รายได้ของยูนิลีเวอร์ทั่วโลกเติบโต 2 เท่าตัว
“การสร้างการเติบโตของบริษัทฯ พร้อมกับลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยการหาวิธีการใหม่ๆ ในทุกด้าน จะช่วยให้บริษัทฯ ประสบความสำเร็จ ซึ่งในการจัดการกับความท้าทายเพื่อสร้างความยั่งยืน พบว่ามีโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ มากมาย เช่น ความนิยมที่ผู้บริโภคมีต่อแบรนด์ของเพิ่มขึ้น การร่วมมือกับผู้ค้าปลีกในการสร้างธุรกิจให้แข็งแกร่ง การส่งเสริมการสร้างนวัตกรรม การขยายตลาด และการประหยัดต้นทุน”
สำหรับแผนการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืนเพื่อลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ครึ่งหนึ่ง มีด้วยกัน 3 เป้าหมาย คือ 1.ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ลงครึ่งหนึ่ง 2.ช่วยให้คนกว่า 1,000 ล้านคนทั่วโลกมีคุณภาพชีวิตและสุขภาพที่ดีขึ้น และ3.การจัดหาวัตถุดิบทางการเกษตรจากแหล่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยบริษัทจะเริ่มปรับกระบวนการดำเนินการตลอดวงจรชีวิตของสินค้า ซึ่งมีด้วยกัน 5 กระบวน คือ 1.การจัดหาวัตถุดิบ 2. การผลิต 3. การขนส่ง 4.การใช้ของผู้บริโภค และ5.ขยะ
นายราวเออร์ส กล่าวว่า จากการคำนวณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของผลิตภัณฑ์ยูนิลีเวอร์มากกว่า 1,600 รายการ ของการใช้ต่อผู้บริโภคใน 14 ประเทศ พบว่า 1.การจัดหาวัตถุดิบ มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 26% ซึ่งบริษัทได้วางแผนใช้วัตถุดิบทางการเกษตร 100% ต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมภายในปี 2558 ขณะที่ 2.การผลิต มีการปล่อยก๊าซ ฯ 3% ดังนั้นวางแผนลดก๊าซที่เกิดจากกระบวนการผลิต 90% ในอีก 2563 ได้แก่ ลดปริมาณการใช้พลังงานโรงงาน 4% ต่อปี ช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 59,372 ตันต่อปี และปีในอีก 2-3 ปีข้างหน้า เปลี่ยนตู้เย็นไอศกรีมจาก 3 หมื่นเครื่องเป็น 5 หมื่นเครื่อง
และ 3.การขนส่งมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 2% ซึ่งบริษัทได้พิจารณาทุกขั้นตอนในซัพพลายเชน โดยดำเนินโครงการ Backhaul มุ่งเน้นการใช้ยานพาหนะในการขนส่งให้เกิดประโยชน์สูงสุด ร่วมมือกับลูกค้าและโมเดิร์นเทรดจัดการขนสินค้าได้เต็มความสามารถ วิธีนี้ช่วยลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 15-20% ในปี 2556 และการปรับความหนาของกล่อง 5 ชั้นมาเหลือ 3 ชั้น ในปีหน้านี้สัดส่วน 35-40% เพื่อลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และดำเนินการโครงการการนำกลับมาใช้ใหม่ เริ่มจากไม้ไอศกรีมวอลล์ 300 ล้านชิ้น หรือ 346 ตันต่อปี เปลี่ยนเป็นน้ำมันดิบ
ส่วนด้านที่ 4.การใช้ของผู้บริโภค 68% ได้นำเสนอนวัตกรรมใหม่ อาทิ เปิดตัวผงซักฟอกสูตรเข้มข้น และน้ำปรับผ้านุ่มน้ำเดียว ช่วยประหยัดแพกเกจจิ้ง ลดการใช้น้ำลง ซึ่งในส่วนนี้ต้องดำเนินการป้อนข้อมูลความรู้เกี่ยวกับผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง และ5.ขยะ มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ สัดส่วน 1% บริษัทได้ดำเนินการลดการปล่อยน้ำเสียจากกระบวนการผลิตมาบำบัดที่โรงงานบำบัดน้ำเสียให้กลับมาเป็นน้ำดิบที่มีคุณภาพ เป็นต้น
“การดำเนินการของบริษัทสามารถสร้างความแตกต่าง และส่งเสริมให้ผู้บริโภคได้เปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับการใช้ทรัพยากรธรรมชาติและการใช้สินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งเราเชื่อว่าจะทำให้เกิดผลในเชิงบวกต่อการสร้างความยั่งยืนในอนาคต” นายราวเออร์ส กล่าว
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|