ล็อกซเลย์แตกไลน์ธุรกิจร้านอาหารเท100ล.ลุย-ดึงลูกหม้อยัมส์บริหาร


ASTV ผู้จัดการรายวัน(9 ธันวาคม 2553)



กลับสู่หน้าหลัก

ล็อกซเล่ย์ลุยคอนซูเมอร์แบรนด์ของตัวเอง ดึง “ศรัณย์ สมุทรโคจร” ร่วมคุมบังเหียน ประเดิมด้วยธุรกิจร้านอาหาร จับมือกับโดทงโบริ ยักษ์ใหญ่ในญี่ปุ่น ทุ่ม 100 ล้านบาทในปีแรก ผุด 2 ร้านอาหาร ในรูปแบบมัลติคอนเซ็ปท์ใน 2 โครงการ เชื่อธุรกิจร้านอาหารมีโอการสูงที่ผู้เล่นหน้าใหม่จะเข้ามาตีตลาดได้

นายศรัณย์ สมุทรโคจร กรรมการบริหาร บริษัท ล็อกซเล่ย์ เทรดดิ้ง จำกัด ในเครือ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลา72 ปี ที่ผ่านมา ล็อกซเล่ย์ได้ดำเนินธุรกิจในหลานรูปแบบ ทั้งด้านอสังหาริมทรัพย์ เทรดดิ้ง บริการ จอยเวนเจอร์ และเทคโนโลยี แต่ที่สำคัญยังไม่มีคอนซูเมอร์แบรนด์เป็นของตัวเอง

ทำให้บริษัทแม่ได้มีแผนที่ต้องการพัฒนาคอนซูแบรนด์เป็นของตัวเองขึ้นมา ทั้งในรูปแบบฟู้ดและนอนฟู้ด โดยตนเข้ามาช่วยพัฒนาและวางยุทธศาสตร์ในเรื่องนี้ ล่าสุดในกลุ่มฟู้ด เล็งเห็นว่าธุรกิจร้านอาหารมีโอกาสในการเข้ามาทำตลาดในฐานะผู้เล่นรายใหม่ได้ค่อนข้างสูง เนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ตอบรับ บวกกับการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพมั่นใจว่าจะสามารถแข่งขันในตลาดได้

ล่าสุดจึงได้ร่วมมือกับทาง บริษัท โดทงโบริ จำกัด ในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นเชนร้านอาหารประเภทเทปปันยากิ และโอโดโน มิยากิ (พิซซ่าสไตล์ญี่ปุ่น) ที่มีชื่อเสียงในประเทศญี่ปุ่น ในการเซ็นสัญญามาสเตอร์แฟรนไชส์ร่วมกันเป็นระยะเวลา 20 ปี ในรูปแบบ 10ปี+10ปีข้างหน้า ในการนำแบรนด์ร้าน โดทงโบริ และ เท็ทสึเมน (ราเม็ง) เข้ามาเปิดให้บริการในประเทศไทยซึ่งได้สิทธิ์ผูกขาดการทำตลาดและขายแฟรนไชส์แต่เพียงผู้เดียว

เบื้องต้นในการลงทุนตลอด 1 ปีหลังจากนี้ บริษัทเตรียมงบลงทุนไว้กว่า 100 ล้านบาท ในการที่จะเปิดร้านทั้ง 2 แบรนด์ ถึง 2 สาขา ที่ โครงการ เดอะไนน์ พระรามเก้า ในช่วงเดือนพ.ค. ปีหน้า และในเดือนก.ย.ต่อมา จะเปิดให้บริการที่โครงการ เทอร์มินอล21 ต่อไป โดยทั้ง 2 ร้านนี้ จะอยู่ภายใต้พื้นที่แฟลชิฟสโตร์ ที่เรียกว่า โครงการ มัลติคอนเซ็ปท์ ที่บริษัทจะพัฒนาพื้นที่ที่มีอยู่ราว500 ตารางเมตร ในแต่ละโครงการ ในการนำร้านอาหารที่พัฒนาขึ้นมาหลายๆร้านมาเปิดให้บริการร่วมกันในโครงการดังกล่าว

นายศรัณย์ กล่าวต่อว่า แผนของการดำเนินธุรกิจร้านอาหารนั้น จะเป็นไปในทิศทาง 3 ด้าน คือ 1.เซ็นสัญญาขอซื้อแฟรนไชส์ 2. จอยเวนเจอร์ ร่วมทุนกัน และ 3.พัฒนาแบรนด์ขึ้นมาเอง โดยใน 1 ปีหลังจากนี้มองว่าจะสามารถพัฒนารูปแบบร้านขึ้นมาได้กว่า 5-6 แบรนด์(รวม 2 แบรนด์ที่กล่าวมาแล้ว) ภายใต้ 3 แนวทางดังกล่าว หรือภายใน 10 ปี จะมีแบรนด์ทั้งหมด 10-20 แบรนด์ จับกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่ม ไม่เฉพาะแค่ร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นเท่านั้น โดยหลังจากนี้มองว่าจะขยายสาขาในทุกแบรนด์รวมกันได้ปีละประมาณ 18-20 สาขา หรือภายในปี 2020 จะมีร้านอาหารที่เป็นแฟรนไชส์ถึง 180สาขาได้

อย่างไรก็ตามในส่วนของนายศรัณย์นั้น ก่อนหน้านี้เคยดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ยัม เรสเทอรองตส์ อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หลังจากนั้นได้พ้นจากตำแหน่งและเข้ามาทำงานให้กับล็อกซเล่ย์ ตั้งแต่เดือนม.ค.ที่ผ่านมา


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.