|

เจริญจ่อฮุบเสริมสุข-ลุยนอนแอลกอฮอล์ จับตาโมเดลคล้าย "โออิชิ" เป๊ปซี่-โคล่า
ASTV ผู้จัดการรายวัน(9 ธันวาคม 2553)
กลับสู่หน้าหลัก
ตลาดเครื่องดื่มคึกคัก หลังตระกูลบุลสุขเทขายหุ้นเสริมสุขทิ้ง ชี้เสี่ยเจริญ จ่อซื้อหุ้นSSC ฮุบเสริมสุข ชูระบบลอจิสติกส์แข็งแกร่งเสริมศักยภาพนอนแอลกอฮอล์ ด้านคนวงในระบุแม้ขายหุ้นทิ้ง“สมชาย บุลสุข” ยังรั้งเก้าอี้ประธานคณะกรรมการบริหาร โครงสร้างการบริหารงานใช้โมเดล"โออิชิ" พร้อมยันตระกูลบุลสุขไม่มีหุ้นในเอสเอส เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จับตาประชุมผู้ถือหุ้นเสริมสุขวันที่ 14 ธค.นี้ ด้าน”เป๊ปซี่-โคล่า”มรสุมรอบด้าน
จากรายงานข่าวจากจำหน่ายหลักทรัพย์ของกิจการ (แบบ 246-2) สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ระบุว่า นายสมชาย บุลสุข ผู้บริหารและผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เสริมสุข จำกัด(มหาชน)หรือSSC ได้ขายหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมด 40,528,717หุ้น หรือคิดเป็น 15.24% และ นายฐิติวุฒิ์ บุลสุข ได้ขายหุ้นจำนวน 14,290,489 หุ้น หรือคิดเป็น 5.37 % ผ่านการทำคำเสนอซื้อ(เทนเดอร์ ออฟเฟอร์) ให้กับ บริษัท เอสเอส เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด ทั้งหมดรวม 20.61%
การขายหุ้นของนายสมชาย และนายฐิติวุฒิ์ บุลสุข แบบเกลี้ยงพอร์ต โดยยกล็อตให้กับ บริษัท เอสเอส เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด ผู้ทำเทนเดอร์ฯ ในราคาหุ้นละ 42 บาท ทำให้ผลการทำเทนเดอร์ฯสำเร็จ ได้หุ้นทั้งหมด 32 %“ ซึ่งมีความเชื่อมั่นว่ากลุ่มของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี จะต้องเป็นกลุ่มที่เข้ามาซื้อหุ้นSSCแบบยกล็อตต่อจาก บริษัท เอสเอส เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด เพราะบริษัทดังกล่าวไม่มีความสามารถ ที่จะบริหารหรือไปต่อรองกับทางกลุ่มเป๊ปซี่-โคลา
ด้านแหล่งข่าววงการเครื่องดื่ม กล่าวว่า การขายหุ้นSSCทิ้งทั้งหมดของตระกูลบุลสุขจำนวน 20.61% ในครั้งนี้ ยังไม่มีผลทำให้ถึงตำแหน่งของ”สมชาย บุลสุข” ซึ่งปัจจุบันยังคงดำรงตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) รวมถึงโครงสร้างขององค์กรของบริษัทเสริมสุขทั้งหมด ซึ่งเป็นโมเดลเดียวกับที่ไทยเบฟฯ เข้าไปเทคโอเวอร์โออิชิ กรุ๊ป โดยที่ผ่านมามี"ตัน ภาสกรนที" ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัด แต่ในอนาคตก็สามารถบอกได้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ อย่างไรก็ตามยืนยันว่า “สมชาย บุลสุข” ไม่ได้มีหุ้นอยู่ในบริษัทเอสเอส เนชั่นแนล โลจิสติกส์ จำกัด แต่อย่างใด และต้องจับตาในวันที่ 14 ธันวาคม นี้ เสริมสุขจะมีการประชุมผู้ถือหุ้น
แหล่งข่าววงการเครื่องดื่ม กล่าววิเคราะห์ว่า กรณีที่ไทยเบฟฯ เข้าซื้อหุ้นของเสริมสุขภายใต้ตระกูลบุลสุข จำนวน 20.61% จะช่วยทำให้บริษัทไทยเบฟฯ มีความแข็งแกร่งด้านระบบการลอจิสติกส์หรือด้านกระจายสินค้า โดยเฉพาะกลุ่มเครื่องดื่มปราศจากแอลกอฮอล์ อาทิ น้ำดื่มช้าง โซดาช้าง ชาเขียวโออิชิ อะมิโน พลัส เครื่องดื่มชูกำลังแรงเยอร์ และรวมไปถึงสินค้าของบริษัทเบอร์ลี่ยุคเกอร์ได้อีก ซึ่งบริษัทเสริมสุขมีความแข็งแกร่งการกระจายสินค้าในช่องทางเทรดิชันนัลเทรด อาทิ ร้านอาหาร ยี่ปั๊ว-ซาปั๊วต่างๆ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว
ไม่เพียงเสริมสุขจะเข้ามาช่วยเสริมความแข็งแกร่งด้านระบบกระจายสินค้าให้กับกลุ่มนอนแอลกอฮอล์ของไทยเบฟฯ จากศักยภาพของเสริมสุข ที่ มีโรงงานทั้งหมด 6 แห่ง มีแวร์เฮ้าส์ 48 สาขา รถขาย 1,500 คัน แต่ยังช่วยเสริมสร้างการผลิต โดยยกตัวอย่างว่า หากกลุ่มไทยเบฟฯ คิดจะผลิตเครื่องดื่มน้ำอัดลมแบรนด์หนึ่งขึ้นมา ก็เป็นเรื่องที่ไม่ยากนัก เนื่องจากถือว่าตลาดน้ำอัดลมมีขนาดใหญ่มูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท ขณะที่บิ๊ก โคล่า เป็นแบรนด์จากประเทศเปรู ยังสามารถเข้ามาช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดต่างจังหวัดได้ถึง 20% เพียงไม่กี่ปี จึงไม่ได้เป็นเรื่องยากสำหรับไทยเบฟลุยเครื่องดื่มอัดลม
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน เป๊ปซี่ เป็นผู้นำตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลม ครองส่วนแบ่งกว่า 50% จากมูลค่า 35,000 ล้านบาท ทิ้งห่างโค้กเพียงเล็กน้อย ส่วนอาเจ บิ๊ก โคล่า มีส่วนแบ่งเกือบ 10% ซึ่งต้องยอมรับว่า เสริมสุขเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญที่ทำให้เป๊ปซี่ (ไทย) สามารถกุมชัยชนะเหนือโค้กได้เพียงไม่กี่ประเทศในโลก อย่างไรก็ตามหากกลุ่มเจริญ เข้าซื้อหุ้นเสริมสุข นั่นหมายถึงความสั่นคลอนของเป๊ปซี่ ที่เจอคู่แข่งรุมเร้ารอบด้าน
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|