สง่า สุสมบูรณ์ "นักเลงหุ้นภูธรวัย 70 ปี"


นิตยสารผู้จัดการ( กรกฎาคม 2533)



กลับสู่หน้าหลัก

ห้องค้าหลักทรัพย์ของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เจ้าพระยา เริ่มเปิดบริการเมื่อ 18 กรกฎาคม 2531 นับเป็นห้องค้าหลักทรัพย์แห่งแรกในเขตภาคเหนือตอนล่าง โดยมีสมชาย มะระกานนท์ ผู้จัดการฝ่ายหลักทรัพย์ซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆ ของเริงชัย มะระกานนท์ ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

เส้นทางเดินของสมชาย ก่อนที่จะก้าวเข้ามายังห้องค้าบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เจ้าพระยานั้น ผ่านงานแบงก์ไทยพาณิชย์สาขานครสวรรค์และไปสิ้นสุดที่ตำแหน่งผู้ช่วยสมุห์บัญชีแบงก์เดียวกันที่สาขากำแพงเพชร

สมชายเล่าให้ฟังถึงช่วงต้นๆ ของการเปิดบริการห้องค้าหลักทรัพย์ที่นครสวรรค์นี้ว่าแตกต่างไปจากปัจจุบันมาก ทั้งมูลค่าการซื้อขายความเข้าใจของนักลงทุนกับการพิจารณาหลักทรัพย์ รวมทั้งพฤติกรรมการซื้อขายก็ตาม

ข้อแตกต่างดังกล่าวอาจจะมาจากภาวะเศรษฐกิจที่เกิดพัฒนาการและมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ โดยมูลค่าการซื้อขายยุคแรกวันละประมาณ 1 ล้านบาทและเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณในช่วงปลายปี 2532 ถึงวันละประมาณ 4-7 ล้านบาท แต่ปัจจุบันมูลค่าการซื้อขายหุ้นในห้องค้าแห่งนี้สูงถึงวันละ 30 ล้านบาท

"พฤติกรรมของนักเล่นหุ้นที่นครสวรรค์ 80% จัดอยู่ในกลุ่มนักเก็งกำไรมากกว่าและการซื้อขายมักตามแห่ไปกับคนที่สามารถทำกำไรจากหุ้นแต่ละกลุ่มค่อนข้างมาก ก็จะได้รับความเชื่อถือจากคนอื่นๆ ไปโดยปริยาย เนื่องจากนักเล่นหุ้นส่วนใหญ่ในต่างจังหวัดยังอยู่ในวงแคบรู้จักกันมาก่อนแทบทั้งสิ้น การสื่อสารระหว่างคนต่อคนค่อนข้างรวดเร็ว และบรรยากาศการซื้อขายค่อนข้างสนุกสนานเฮฮา" สมชาย มะระกานนท์ ผู้จัดการฝ่ายหลักทรัพย์เล่าให้ฟัง

สังคมนักเลงหุ้นในต่างจังหวัดที่ปากน้ำโพนี้มีคนดังอยู่คนหนึ่ง อายุ 70 ปี มีบุคลิกร่าเริง ถูกเรียกขานกันในนามว่า "ลุงหง่า" หรือสง่า สุสมบูรณ์ อดีตพ่อค้าไม้คนสำคัญ

ลุงหง่าเปิดฉากเล่าถึงที่มาของการก้าวเข้ามายังห้องค้าหลักทรัพย์ว่ามาจากแรงหนุนของหุ้นบริษัทอาหารสยาม ซึ่งเป็นหุ้นตัวแรกที่ซื้อไว้ก่อนเหตุการณ์เชอร์โนบิลจะเกิดขึ้นและสามารถทำกำไรให้มากมาย ขณะเดียวกันเมื่อมีการเปิดห้องค้าหลักทรัพย์ที่นครสวรรค์ และเป็นช่วงเวลาที่ปล่อยวางจากภาระการทำงานแล้ว ลุงหง่าก็เล่าว่ามีความรู้สึกเหงา จึงเข้ามาห้องค้าเพื่อหาเพื่อนคุยทางธุรกิจและก็ได้ความสนุกสนานจากเพื่อนต่างวัยด้วย

"การตัดสินใจเข้ามาซื้อขาย ผมได้เตรียมทุนไว้จำนวนหนึ่ง โดยเอามาจากเงินออมที่มีอยู่ และเข้ามาลงทุนเล่นหุ้นในห้องค้าแห่งนี้ ผมรู้สึกว่าสดชื่นและไม่เหงาเลยโดยเฉพาะช่วงที่ตลาดมีแรงซื้อหนาแน่น ผมก็มีแรงลุ้นอย่างต่อเนื่อง หากไม่มีห้องค้าให้ซื้อขายหุ้นก็ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไร เพราะการซื้อขายหุ้นทำให้ผมมีชีวิตชีวามากขึ้นกว่าเดิม ผมมองตัวเองว่าเป็นคนโชคดีคนหนึ่งที่มีสถานที่ให้ซื้อขายหลักทรัพย์ในฐานะที่เป็นคนต่างจังหวัด" ลุงหง่าเล่าถึงแรงบันดาลใจอย่างออกรสชาติ

ลุงหง่ามองการลงทุนในธุรกิจหลักทรัพย์อย่างเป็นระบบว่า คงไม่แตกต่างไปจากตลาดต่างประเทศเท่าใดนักกล่าวคือ พัฒนาการของธุรกิจหลักทรัพย์ขึ้นอยู่กับความเจริญเติบโตของระบบเศรษฐกิจในประเทศ

ดังนั้นอนาคตธุรกิจหลักทรัพย์ในประเทศไทยยังคงมีอัตราการเติบโตและน่าลงทุนแทบทุกกลุ่ม โดยเฉพาะลุงหง่าได้กล่าวว่าหุ้นไฟแนนซ์เป็นกลุ่มหุ้นที่น่าลงทุนมากในยุคนี้ เนื่องจากเป็นธุรกิจที่มีความคล่องตัวสูง สามารถสร้างผลกำไรให้มากจากการเก็บค่าบริการซื้อขายหุ้น ซึ่งนับวันจะมีมูลค่าสูงขึ้นและผลกำไรจากการให้กู้ในระบบด้วยวิธีการต่างๆ ฉะนั้นผลกำไรจากการประกอบการของหุ้นกลุ่มไฟแนนซ์จึงค่อนข้างดี เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจซื้อได้อย่างสบาย

โดยส่วนตัวของลุงหง่าเป็นบุคคลที่แสวงหาข่าวสารทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยภายหลังออกกำลังกายเรียบร้อยแล้ว จะเริ่มต้นอ่านข่าวสารทางธุรกิจจากหนังสือพิมพ์ถึง 6 ฉบับ นับตั้งแต่ 6 นาฬิกาเป็นต้นไป เพื่อจับกระแสความเคลื่อนไหว นำมาเป็นข้อมูลในการวิเคราะห์หลักทรัพย์เป็นการส่วนตัว สำหรับการตัดสินใจซื้อขายหุ้นเมื่อเข้าสู่ห้องค้าในช่วงตลาดหุ้นเปิด

"ข่าวเล็กๆ นิดๆ นี่แหละที่ผมคิดว่าสำคัญที่สุด ถ้าขยับหัวปุ๊ป ผมจั๊วะเลย ไม่รอให้เสียเวลา" ลุงหง่าเล่าถึงสไตล์การลงทุน

แต่เหนือสิ่งอื่นใดอันมิอาจละเลยได้ ลุงหง่ากล่าวว่าคือการทำสถิติการซื้อขายรายวันและการตามข่าวสารที่มีความสัมพันธ์กันเพื่อใช้ในการตัดสินใจขั้นสุดท้าย ทั้งนี้ข่าวสารสถิติการตัดสินใจตนไม่เคยได้รับจากโบรกเกอร์หรือซับโบรกเกอร์ใดๆ ทั้งสิ้นเป็นสถิติที่สร้างขึ้นเพื่อใช้ในการตัดสินใจด้วยตนเอง ซึ่งลุงหง่ากล่าวในช่วงหนึ่งว่า "รู้สึกว้าเหว่ ถ้าไม่ดูสถิติก่อนเข้าตลาด"

และด้วยบุคลิกอันรอบคอบและว่องไว ซึ่งสวนทางกับวัยโดยสิ้นเชิง จึงทำให้ลุงหง่าเป็นซูเปอร์สตาร์ในวงการนักเล่นหุ้นปากน้ำโพเพราะสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง จนนักเล่นหุ้นรายอื่นคอยขยับที่จะแห่ตามลุงหง่าอยู่ร่ำไป ซึ่งนักเล่นหุ้นรายหนึ่งกล่าวว่า พอร์ทส่วนตัวของลุงหง่าร่วม 10 ล้านบาท และยังไม่นับรวมกับแชร์ที่ตั้งขึ้นเป็นชมรมอีก 3 ชมรมด้วยกัน ลุงหง่าล้วนมีส่วนร่วมครบ

มันเป็นบทพิสูจน์ว่าการซื้อขายหลักทรัพย์เป็นที่นิยมของเศรษฐีภูธร และสามารถสะท้อนภาพถึงพัฒนาการของนักเล่นหุ้นได้ด้วยปริมาณและมูลค่าการซื้อขายที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากห้องค้าต่างจังหวัด ความใกล้ไกลคงมิใช่อุปสรรคอีกต่อไป หากระบบข้อมูลข่าวสารและระบบการสื่อสารมีประสิทธิภาพเพียงพอ พัฒนาการของระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ในต่างจังหวัดก็คงก้าวล้ำไปไกล



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.