หากวันหนึ่งภาพและเสียงที่เคยดูเคยฟังจากจอโทรทัศน์ทุกเมื่อเชื่อวันเกิดหายวับไป
มีเพียงตัวอักษรปรากฏอยู่เต็มจอ แต่ก็ล้วนเป็นเรื่องของข้อมูลข่าวสารที่ควรรู้และอาจจะจำเป็นในหลายโอกาส
ก็คงจะเป็นเรื่องที่ดีอยู่บ้างสำหรับผู้ที่หาสาระและความบันเทิงอะไรไม่ได้มากนักจากรายการต่างๆ
ทางโทรทัศน์
แต่ถ้ารายการโทรทัศน์ยังคงอยู่ขณะที่เพิ่มช่องทางเลือกสำหรับการดูข้อมูลข่าวสารที่จำเป็นในชีวิตประจำวันเข้ามาอีก
มันก็คงจะเป็นเรื่องดีไม่น้อยสำหรับผู้ชมโทรทัศน์โดยทั่วไป
เทเลเทคซ์เป็นช่องทางเลือกที่เพิ่มเข้ามาเพื่อมอบความรู้หรือข้อมูลจำเป็นให้กับผู้สนใจ
โดยผู้ที่ต้องการดูเทเลเทคซ์อาจทำได้ 2 ทางคือ ไปซื้ออุปกรณ์ที่เรียกว่าดีโคดเดอร์
(DECODER) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้แปลงสัญญาณคลื่นวิทยุโทรทัศน์มาเป็นสัญญาณภาพ
แล้วนำมาติดตั้งเข้ากับทีวีก็จะสามารถรับเทเลเทคซ์ที่ส่งมาพร้อมกับสัญญาณภาพของช่อง
5 ได้ หรืออีกวิธีหนึ่งก็โดยซื้อเครื่องรับโทรทัศน์ที่มีเทเลเทคซ์อยู่ในตัว
ไม่ว่ายี่ห้อใดก็ได้ แต่จะต้องเป็นโทรทัศน์ขนาดจอภาพ 19 นิ้วขึ้นไปและประกอบในต่างประเทศ
โทรทัศน์เหล่านี้สามารถรับเทเลเทคซ์ได้ในตัวโดยไม่ต้องมีอุปกรณ์ดีโคดเดอร์
ข้อมูลข่าวสารต่างๆ จะถูกส่งมาพร้อมสัญญาณภาพของช่อง 5 หากผู้รับต้องการดูก็เพียงแต่กดรีโมทคอนโทรลช่องเทเลเทคซ์
สัญญาณภาพช่อง 5 ก็จะหายไปกลายเป็นข่าวหรือข้อมูลเทเลเทคซ์แทนและเมื่อต้องการดูรายการปกติของช่อง
5 ก็เพียงกดเทเลเทคซ์ทิ้งสัญญาณภาพช่อง 5 ของรายการปกติก็จะกลับเข้ามาแทน
ระบบการส่งข้อมูลข่าวสารแบบเทเลเทคซ์เริ่มเป็นครั้งแรกในอังกฤษ โดยแพร่ภาพทางสถานีโทรทัศน์ของ
BBC และ IBA เมื่อปี 2513 จากนั้นก็มีการพัฒนาและขยายออกไปยังประเทศต่างๆ
มากมายทั้งในทั่วยุโรปซึ่งเป็นที่นิยมกันมากในอเมริกา ออสเตรเลียและบางประเทศในแถบเอเชีย
ส่วนที่เป็นต้นแบบให้บริษัทเทเล อินฟอร์เมชั่นนำมาใช้กับช่อง 5 ในเวลานี้คือสถานีโทรทัศน์ช่อง
7 ของออสเตรเลียหรือ AUSTRALIA TELEVISION NETWORK (ATN) ซึ่งทำการค้นคว้าวิจัยเทเลเทคซ์หรือที่เรียกว่า
AUSTTEXT มานาน 12 ปีเต็ม
สมชาย สุขกนิษฐ กรรมการผู้จัดการเทเล อินฟอร์เมชั่น กล่าวกับ "ผู้จัดการ"
ว่า "ราคาโนว์ฮาวรวมทั้งเรื่องการฝึกอบรมที่เราซื้อจาก ATN นี่ไม่แพงหรอก
คือรวมค่าใช้จ่าย เครื่องมือต่างๆ ด้วยแล้วก็อยู่ในวงเงิน 10 ล้านบาทที่เราจดทะเบียนตั้งบริษัทไว้เท่านั้น"
สมชายคลุกคลีอยู่กับงานคอมพิวเตอร์ในด้านของการจัดการข้อมูล และการผลิตอุปกรณ์คอมพิวเตอร์อยู่นาน
ก่อนที่จะเข้ามาเป็นที่ปรึกษาในการดูโครงการด้านไฮเทคโนโลยีและอิเล็กทรอนิกส์ให้ช่อง
5 และกรมการทหารสื่อสาร วุฒิปริญญาโทด้านไฟฟ้าและคอมพิวเตอร์ที่มหาวิทยาลัย
WEST VIRGINIA ผนวกกับประสบการณ์ผู้ควบคุมระบบข้อมูลโรงงานด้วยคอมพิวเตอร์
และระบบออน-ไลน์ข้อมูลสินค้าในซุปเปอร์มาร์เก็ต รวมทั้งการผลิตไอซี ไมโครชิพ
และยูพีเอส (เครื่องจ่ายไฟฟ้าสำรอง) ที่ญี่ปุ่นและไทย ทำให้สมชายพอใจมากในการทำเทเลเทคซ์
ซึ่งมีทั้งงานการจัดการข้อมูลและการผลิตดีโคดเดอร์ผสมกัน
สมชายกล่าวกับ "ผู้จัดการ" ว่า "ผมรู้ว่าผู้ใหญ่ทางช่อง
5 สนใจผมก็ทำโครงการเสนอเข้ามาเมื่อปี 2532 ผู้ใหญ่พิจารณาแล้วตกลงก็เซ็นสัญญากัน
การที่เทเล อินฟอร์เมชั่นได้ทำเพราะทางช่อง 5 เองก็ต้องการเทเลเทคซ์อยู่แล้วและข้อเสนอของเราก็เป็นธรรมด้วยคือเราเป็นผู้ผลิตและติดตั้งให้
และใน 7 ปีข้างหน้าเราก็จะยกเครื่องมือต่างๆ ให้ช่อง 5 ทั้งหมด
ข้อมูลที่ผู้ชมเทเลเทคซ์จะได้รับเป็น "ข้อมูลจำเป็นในชีวิตประจำวัน"
โดยแบ่งเป็นหมวดประมาณ 10 กว่าหมวด ได้แก่ ราคาและการซื้อขายที่ดิน ราคาและสภาพการเคลื่อนไหวของหุ้น
ข่าวสารด้านการเงินการธนาคาร อัตราแลกเปลี่ยนเงิน-ทองคำ ข้อมูลการเดินทางท่องเที่ยว
โรงแรม การพยากรณ์อากาศและโชคชะตาราศี ข้อมูลการศึกษา รายการบันเทิง การลงประกาศโฆษณาต่างๆ
ข้อมูลราคาสินค้าตามห้างสรรพสินค้า
สมชายกล่าวว่า "เราต้องการสร้างคลังข้อมูลประจำบ้านที่คนทุกคนสามารถดูได้เพราะคนเราใช้ข้อมูลกันโดยไม่รู้ตัว
อย่างเรื่องราคาสินค้า ราคาหุ้น ซึ่งหากเป็นเมื่อ 3 ปีก่อนผมคงไม่ทำ แต่เวลานี้คนเล่นหุ้นเสียเงินซื้อโทรทัศน์ที่มีเทเลเทคซ์อีกสักเครื่องคงไม่เป็นไร
ขอให้มีข้อมูลที่ดีแล้วกัน"
ก่อนหน้าที่ช่อง 5 โดยเทเล อินฟอร์เมชั่นจะทำเทเลเทคซ์ได้สำเร็จนั้น ช่อง
7 และช่อง 9 ก็เคยออกข่าวแล้วโดยทางสถานีแต่ละแห่งจะเป็นผู้ดำเนินการเอง
ซึ่งค่อนข้างจะล่าช้ามาก จึงยังไม่สำเร็จ เทเล อินฟอร์เมชั่นชิงออกตัวก่อนแต่สมชายก็ให้ความเห็นว่า
"ผมอยากให้ทำกันเยอะๆ เพื่อที่จะให้เป็นที่ยอมรับของตลาด และเราก็จะได้รายได้จากการโฆษณาที่ผสมอยู่ในเทเลเทคซ์"
ทั้งนี้ระบบเทเลเทคซ์เปรียบเป็นการกระจายเสียงทางอากาศรูปแบบหนึ่ง สมชายกล่าวว่ารายการนี้ได้รับการอนุญาตจากคณะกรรมการบริหารวิทยุโทรทัศน์
(กบว.) เรียบร้อยแล้ว มันเป็นเรื่องง่ายยิ่งกว่าโทรทัศน์ด้วยซ้ำเพราะมีแต่ตัวอักษรไม่มีเสียงและภาพ
สมชายกล่าวถึงลูกค้าเป้าหมายว่ากลุ่มแรกเป็นชาวต่างประเทศ นักท่องเที่ยวนักธุรกิจที่เข้ามาพักในเมืองไทยก่อนเดินทางต่อ
พวกนี้จะคุ้นเคยกับการใช้เทเลเทคซ์ในต่างประเทศมาแล้ว พวกนักลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
นักลงทุนในที่ดินซึ่งจริงจังกับเรื่องข้อมูลมาก ส่วนกลุ่มสุดท้ายเป็นนักวิชาการที่ต้องการข้อมูลด้านการศึกษาต่างๆ
สมชายเปิดเผยด้วยว่า "ข้อมูลเรื่องหุ้นของเทเลเทคซ์ต่างไปจากที่อื่นๆ
คือเราไม่ได้มีเฉพาะเรื่องราคาซื้อขายขณะทำการเท่านั้น แต่เรามีข้อมูลพื้นฐานต่างๆ
วิเคราะห์ความเคลื่อนไหวของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ อันนี้สามารถดูได้ทั้งวันโดยไม่เสียสตางค์
โดยเราได้รับความร่วมมือจาก บงล.ทิสโก้"
ส่วนที่มาของข้อมูลอื่นๆ นั้นสมชายกล่าวว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะหน่วยงานราชการอย่างกรมอุตุนิยมวิทยา
กระทรวงพาณิชย์ แบงก์ชาติได้ให้ความร่วมมือให้ข้อมูลมาเป็นอย่างดี
สมชายมีความมั่นใจอย่างสูงเพราะเทเลเทคซ์ไม่มีคู่แข่งขัน "มันเป็นของฟรี
คุณไม่ต้องซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์ไม่ต้องเสียคู่สายโทรศัพท์ ค่าสมาชิกอะไรต่างๆ
นอกจากมีทีวีที่มีเทเลเทคซ์ แล้วก็ดูกันตลอดไป"
ที่มารายได้ของเทเล อินฟอร์เมชั่นจะมาจากการขายโฆษณา เหมือนที่โทรทัศน์ทำกัน
โดยมีโฆษณา 3 แบบคือ FOOTING หรือข้อความโฆษณาด้านล่าง โฆษณาเต็มหน้าและการแบ่งออกเป็นหมวดๆไปโดยคิดอัตราโฆษณาหลายราคาตั้งแต่เดือนละไม่กี่พันบาทถึงหมื่นกว่าบาท
นอกจากนี้สมชายยังมีโครงการตั้งโรงงานเพื่อผลิตเครื่องดีโคดเดอร์ ซึ่งปัจจุบันเป็นการนำเข้าชิ้นส่วนบางอันมาประกอบขายในราคาเครื่องละประมาณ
5,000-10,000 บาท โรงงานที่จะตั้งขึ้นนี้คงจะเป็นการร่วมทุนกับต่างชาติ หรือมิฉะนั้นก็อาจจะให้บริษัททีวีเป็นผู้ผลิต
และสามารถทำการส่งออกได้ด้วย เพราะยังมีความต้องการอยู่สูงมากในต่างประเทศ
โดยเฉพาะในตลาดย่านเอเชียและยุโรป
สมชายเปิดเผยด้วยว่านอกจากเรื่องเทเลเทคซ์แล้วต่อไปจะมีการพัฒนา TELECAST
หรือ DATA BROADCASTING คือแทนที่เครื่องรับจะเป็นจอทีวี ก็ใช้เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์แทน
โดยไม่ต้องต่อกับสายโทรศัพท์แต่ต่อกับสายอากาศแทนซึ่งต้องใช้อุปกรณ์ดีโคดเดอร์อีกตัวหนึ่ง
โครงการต่อไปจะเป็น TELE-VIEW คล้ายเทเลเทคซ์บวกโทรศัพท์ คือดูข้อมูลข่าวสารทางโทรทัศน์
แต่เวลาที่จะติดต่อกับศูนย์ต้องติดต่อทางโทรศัพท์ ซึ่งข้อมูลที่จะใช้บริการในโครงการนี้จะเป็นการสั่งซื้อสินค้าตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ
อันเป็นวิธีการที่นิยมใช้ในต่างประเทศ
สมชายตั้งความหวังด้วยว่าจะทำการเชื่อมโยงเทเลเทคซ์ของไทยกับของต่างประเทศ
โดยเฉพาะในเรื่องการโฆษณา "หากเราต้องการไปสิงคโปร์ก็อาจจะเปิดดูเทเลเทคซ์โฆษณาสิงคโปร์ได้ว่ามีที่พักที่ไหน
ราคาเป็นอย่างไรซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะมีการแลกเปลี่ยนกันระหว่างเรากับโรงแรมที่โน่น
ตอนนี้ช่อง 7 ที่ออสเตรเลียก็เริ่มหาโฆษณาให้เราแล้ว ขณะเดียวกันถ้านักธุรกิจไทยต้องการโฆษณาธุรกิจของตัวเองให้คนออสเตรเลียรู้
ก็ทำผ่านทางผมได้เวลานี้คนออสเตรเลียดูเทเลเทคซ์ประมาณสองสามแสนคน ส่วนที่ยุโรปนั้นเป็นสิบๆ
ล้านเครื่อง"
ปัญหาของสมชายมีอยู่เพียงประการเดียวเท่านั้นซึ่งเป็นหัวใจของธุรกิจคือเทเลเทคซ์จะได้รับความนิยมมากหรือไม่
เพราะนั่นหมายถึงรายได้จากการโฆษณาซึ่งเป็นรายได้ทางเดียวที่จะเอาเข้ามาจุนเจือบริษัท
และยังไม่คิดกันว่าเป้าหมายนักเล่นหุ้นจะหันมาเฝ้าจอเทเลเทคซ์กันมากน้อยเพียงไร
ในเมื่อต่อไปพวกเขาอาจจะไปทำคำสั่งซื้อขายได้เองที่โบรกเกอร์เมื่อตลาดหลักทรัพย์ฯ
ใช้ระบบคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในการซื้อขายหลักทรัพย์แล้ว!!