ณ สถานที่แห่งนั้น บ้านกร่ำ เมืองแกลง จ.ระยอง บ้านเกิดเมืองนอนของท่านมหากวีเอก
"สุนทรภู่" ซึ่งเบื้องหน้าปรากฏผืนท้องทะเลใหญ่กว้างไกลสุดสายตา
เกลียวคลื่นม้วนตัวสาดซัดกระทบฝั่ง พร้อมกับแผ่วเสียงเบาจากสายลมราวประหนึ่งเสียงดนตรีที่นำมาซึ่งความชื่นฉ่ำและมนต์ขลังแห่งท้องทะเลนับชั่วกัปกัลป์
ณ สถานที่แห่งนั้น นับจากนี้ไปไม่อีกกี่ร้อยโมงยาม บนผืนแผ่นดินที่มีอาณาบริเวณกว่า
200 ไร่ ระหว่างความงดงามของธรรมชาติ ที่เคยมีอยู่แล้วกับประติมากรรมอันยิ่งใหญ่
อันเกิดจากฝีมือมนุษย์กำลังจะได้รับการผสมผสานหลอมรวมกัน ภายใต้ชื่อโครงการสั้นๆ
ว่า "ร็อค การ์แดนท บีช"
ร็อค การ์แดนท บีช เป็นโครงการจัดสรรที่ดินขาย เพื่อทำบ้านพักตากอากาศ โรงแรมและคอนโดมิเนียม
โดยสร้างจุดขายของโครงการว่า โครงการนี้จะร่วมมือกับกรมศิลปากรนฤมิตอุทยานวรรณกรรมสุนทรภู่ออกมาในรูปประติมากรรมหลายหลายลีลา
ในอมตะวรรณกรรมเรื่องดัง "พระอภัยมณี" ทั้งนี้ทั้งนั้นจะจำลองจินตนาการออกสู่ความเป็นจริงให้ใกล้เคียงมากที่สุด
ตัวละครเอกจากเรื่องพระอภัยมณี ไม่ว่าจะเป็นพระอภัยมณี ผีเสื้อสมุทร สุดสาคร
สินสมุทร ม้ามังกร ชีเปลือก ฯลฯ จะได้รับการเสกสรรปั้นแต่งโดยประติมากรรมเอก
รวมทั้งสิ้น 15 ตัว ซึ่งถือได้ว่าเป็นอุทยานรูปปั้นที่มีตัวละครมากที่สุดของเมืองไทยและของโลกเลยทีเดียว
โดยเฉพาะรูปปั้นผีเสื้อสมุทรที่มีความสูงถึง 7 เมตร กับรูปปั้นนางเงือกนั้นจะถูกนำไปวางโดดเด่นกลางท้องทะเลทีเดียว
"มันเป็นเรื่องที่ยากมากกับการที่นักปั้นฝีมือเอกของประเทศ หรือที่เรียกกันว่า
ศิลปิน 200 ปี จะต้องอาศัยเวลาเพียง 8 ชั่วโมงที่น้ำลดในแต่ละวันทำการปั้นรูปปั้นดังกล่าวและต้องนำไปวางในทะเลเพื่อเป็นการสร้างภาพให้เห็นว่า
ยามเมื่อน้ำขึ้นจะดูคล้ายนางผีเสื้อสมุทรพยายามขึ้นฝั่งมาหาพระอภัยและตอนน้ำลงก็จากไปอย่างอาดูร"
ชูชีพ ศิลปรัตน์ เจ้าของโครงการบอกกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ ก่อนที่จะตอกย้ำอย่างหนักแน่นว่า
"โครงการนี้ผมทำไปโดยไม่หวังผลตอบแทนทางธุรกิจเลย เพียงแต่อยากจะสร้างมรดกที่มีค่าชิ้นหนึ่งไว้ให้ชนรุ่นหลัง
สร้างไว้ให้กับประเทศชาติ"
และเป็นเพราะแนวคิดที่จะนฤมิตอุทยานวรรณกรรมสุนทรภู่ควบคู่ไปกับกรสร้างสวนหินริมทะเลที่ต้องให้หินกว่า
200 ก้อน แต่ละก้อนมีน้ำหนักว่า 70 ตัน ซึ่งหลายคนเห็นแล้วบอกว่าชูชีพคิดอะไรเลยเถิดไปแล้ว
ร้ายไปกว่านั้นหุ้นส่วนที่ร่วมกันมาแต่แรก 3 รายรวมถึงน้อยชายของเขา "ชูชาติ
ศิลปรัตน์" ที่ชื่อเสียงโด่งดังมาจากการว่าความคดี 9 กันยา ทุกคนพร้อมใจกัน
"ถอนหุ้น"
แต่โชคดียังเป็นของชูชีพ ศิลปรัตน์ ผู้ตรวจราชการ กทม. ที่ทำมาค้าขึ้นกับการขายที่ดินมานานปี
ตรงที่ว่าผู้ใหญ่ที่เคยอุปถัมภ์ค้ำจุนเขามานานอย่าง "กำพล วัชรพล"
ประธานใหญ่ นสพ.ไทยรัฐ ยังคงเชื่อในฝีมือและเครดิตของเขา ยินยอมที่จะเป็นแบ็คให้อย่างเต็มใจ
"ครับ ป๊ะท่านมีพระคุณและช่วยเหลือผมมาตลอด อย่างโครงการนี้ที่หมดเฟสที่หนึ่งไปแล้วพร้อมกับเงิน
130 กว่าล้านนั้น ผมเพิ่งกู้จากแบงก์กรุงเทพมาแค่ 10 กว่าล้านเท่านั้น ที่เหลือก็เป็นการช่วยเหลือมาจากป๊ะทั้งสิ้น"
ชูชีพยอมรับถึงการช่วยเหลือของกำพลอย่างตรงไปตรงมา
"ผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าโครงการใหญ่ที่ต้องใช้เงินร่วมพันล้านนี้ป๊ะต้องลงมาเล่นแน่ๆ
ดูกันง่ายๆ แค่วันเปิดตัว ทั้งๆ ที่ป๊ะเองติดงานเลี้ยงป๋าเปรมที่โรงแรมดุสิตธานี
ก็ยังต้องปลีกตัวมาเป็นประธานและตัวคุณชูชีพเองก็บอกว่า จะเปลี่ยนประธานไม่ได้เด็ดขาย
ต้องเป็นป๊ะคนเดียว" คนที่ร่วมในโครงการท่านหนึ่งบอกกล่าวกับ "ผู้จัดการ"
ความสัมพันธ์ของชูชีพ ศิลปรัตน์ กับป๊ะกำพล วัชรพล นั้นมิใช่เพิ่งเกิดขึ้นมาในระยะสั้นๆ
หากแต่ทั้งคู่ไว้เนื้อเชื่อใจกันมาหลายปีดีดัก โครงการจัดสรรที่ดินขายแห่งหนึ่งใน
กทม. ของชูชีพยังเคยถึงกับตั้งชื่อถนนในโครงการว่า "วัชรพล" และกล่าวกันว่าทุกโครงการของนักค้าที่ดินชื่อดังอย่างชูชีพนั้นไปได้ดี
ไปได้สวย เพราะมี "ป๊ะกำพล" กำกับอยู่เบื้องหลัง
สำหรับโครงการร็อค การ์แดนท บีช ที่ชูชีพบอกไว้ว่าไม่ได้หวังผลตอบแทนทางธุรกิจนั้น
ว่าไปแล้วในระยะยาวหากคำนวณกันให้ดีจะเห็นว่า ทั้งโรงแรมและคอนโดมิเนียม
ที่มีชื่อว่ากลุ่มธุรกิจชื่อดังด้านนี้จากต่างประเทศเตรียมเหมาซื้อทั้งโครงการแล้วนั้น
สุดท้ายมันก็เป็นเรื่องของเงินที่มาพร้อมกับกล่องอย่างไร้ร่องรอย
เห็นทีครานี้เสียงปี่พระอภัยมณี ที่จะดังขึ้นมาในโครงการนี้คงเมไปด้วยความไพเราะเพราะพริ้งอย่างยิ่ง