สวนหินของคนชื่อชูชีพ ศิลปรัตน์ ไปๆ มาๆ มันก็เรื่องของเงินลงกล่อง


นิตยสารผู้จัดการ( กันยายน 2531)



กลับสู่หน้าหลัก

ณ สถานที่แห่งนั้น บ้านกร่ำ เมืองแกลง จ.ระยอง บ้านเกิดเมืองนอนของท่านมหากวีเอก "สุนทรภู่" ซึ่งเบื้องหน้าปรากฏผืนท้องทะเลใหญ่กว้างไกลสุดสายตา เกลียวคลื่นม้วนตัวสาดซัดกระทบฝั่ง พร้อมกับแผ่วเสียงเบาจากสายลมราวประหนึ่งเสียงดนตรีที่นำมาซึ่งความชื่นฉ่ำและมนต์ขลังแห่งท้องทะเลนับชั่วกัปกัลป์

ณ สถานที่แห่งนั้น นับจากนี้ไปไม่อีกกี่ร้อยโมงยาม บนผืนแผ่นดินที่มีอาณาบริเวณกว่า 200 ไร่ ระหว่างความงดงามของธรรมชาติ ที่เคยมีอยู่แล้วกับประติมากรรมอันยิ่งใหญ่ อันเกิดจากฝีมือมนุษย์กำลังจะได้รับการผสมผสานหลอมรวมกัน ภายใต้ชื่อโครงการสั้นๆ ว่า "ร็อค การ์แดนท บีช"

ร็อค การ์แดนท บีช เป็นโครงการจัดสรรที่ดินขาย เพื่อทำบ้านพักตากอากาศ โรงแรมและคอนโดมิเนียม โดยสร้างจุดขายของโครงการว่า โครงการนี้จะร่วมมือกับกรมศิลปากรนฤมิตอุทยานวรรณกรรมสุนทรภู่ออกมาในรูปประติมากรรมหลายหลายลีลา ในอมตะวรรณกรรมเรื่องดัง "พระอภัยมณี" ทั้งนี้ทั้งนั้นจะจำลองจินตนาการออกสู่ความเป็นจริงให้ใกล้เคียงมากที่สุด

ตัวละครเอกจากเรื่องพระอภัยมณี ไม่ว่าจะเป็นพระอภัยมณี ผีเสื้อสมุทร สุดสาคร สินสมุทร ม้ามังกร ชีเปลือก ฯลฯ จะได้รับการเสกสรรปั้นแต่งโดยประติมากรรมเอก รวมทั้งสิ้น 15 ตัว ซึ่งถือได้ว่าเป็นอุทยานรูปปั้นที่มีตัวละครมากที่สุดของเมืองไทยและของโลกเลยทีเดียว โดยเฉพาะรูปปั้นผีเสื้อสมุทรที่มีความสูงถึง 7 เมตร กับรูปปั้นนางเงือกนั้นจะถูกนำไปวางโดดเด่นกลางท้องทะเลทีเดียว

"มันเป็นเรื่องที่ยากมากกับการที่นักปั้นฝีมือเอกของประเทศ หรือที่เรียกกันว่า ศิลปิน 200 ปี จะต้องอาศัยเวลาเพียง 8 ชั่วโมงที่น้ำลดในแต่ละวันทำการปั้นรูปปั้นดังกล่าวและต้องนำไปวางในทะเลเพื่อเป็นการสร้างภาพให้เห็นว่า ยามเมื่อน้ำขึ้นจะดูคล้ายนางผีเสื้อสมุทรพยายามขึ้นฝั่งมาหาพระอภัยและตอนน้ำลงก็จากไปอย่างอาดูร" ชูชีพ ศิลปรัตน์ เจ้าของโครงการบอกกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ ก่อนที่จะตอกย้ำอย่างหนักแน่นว่า

"โครงการนี้ผมทำไปโดยไม่หวังผลตอบแทนทางธุรกิจเลย เพียงแต่อยากจะสร้างมรดกที่มีค่าชิ้นหนึ่งไว้ให้ชนรุ่นหลัง สร้างไว้ให้กับประเทศชาติ"

และเป็นเพราะแนวคิดที่จะนฤมิตอุทยานวรรณกรรมสุนทรภู่ควบคู่ไปกับกรสร้างสวนหินริมทะเลที่ต้องให้หินกว่า 200 ก้อน แต่ละก้อนมีน้ำหนักว่า 70 ตัน ซึ่งหลายคนเห็นแล้วบอกว่าชูชีพคิดอะไรเลยเถิดไปแล้ว ร้ายไปกว่านั้นหุ้นส่วนที่ร่วมกันมาแต่แรก 3 รายรวมถึงน้อยชายของเขา "ชูชาติ ศิลปรัตน์" ที่ชื่อเสียงโด่งดังมาจากการว่าความคดี 9 กันยา ทุกคนพร้อมใจกัน "ถอนหุ้น"

แต่โชคดียังเป็นของชูชีพ ศิลปรัตน์ ผู้ตรวจราชการ กทม. ที่ทำมาค้าขึ้นกับการขายที่ดินมานานปี ตรงที่ว่าผู้ใหญ่ที่เคยอุปถัมภ์ค้ำจุนเขามานานอย่าง "กำพล วัชรพล" ประธานใหญ่ นสพ.ไทยรัฐ ยังคงเชื่อในฝีมือและเครดิตของเขา ยินยอมที่จะเป็นแบ็คให้อย่างเต็มใจ

"ครับ ป๊ะท่านมีพระคุณและช่วยเหลือผมมาตลอด อย่างโครงการนี้ที่หมดเฟสที่หนึ่งไปแล้วพร้อมกับเงิน 130 กว่าล้านนั้น ผมเพิ่งกู้จากแบงก์กรุงเทพมาแค่ 10 กว่าล้านเท่านั้น ที่เหลือก็เป็นการช่วยเหลือมาจากป๊ะทั้งสิ้น" ชูชีพยอมรับถึงการช่วยเหลือของกำพลอย่างตรงไปตรงมา

"ผมก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าโครงการใหญ่ที่ต้องใช้เงินร่วมพันล้านนี้ป๊ะต้องลงมาเล่นแน่ๆ ดูกันง่ายๆ แค่วันเปิดตัว ทั้งๆ ที่ป๊ะเองติดงานเลี้ยงป๋าเปรมที่โรงแรมดุสิตธานี ก็ยังต้องปลีกตัวมาเป็นประธานและตัวคุณชูชีพเองก็บอกว่า จะเปลี่ยนประธานไม่ได้เด็ดขาย ต้องเป็นป๊ะคนเดียว" คนที่ร่วมในโครงการท่านหนึ่งบอกกล่าวกับ "ผู้จัดการ"

ความสัมพันธ์ของชูชีพ ศิลปรัตน์ กับป๊ะกำพล วัชรพล นั้นมิใช่เพิ่งเกิดขึ้นมาในระยะสั้นๆ หากแต่ทั้งคู่ไว้เนื้อเชื่อใจกันมาหลายปีดีดัก โครงการจัดสรรที่ดินขายแห่งหนึ่งใน กทม. ของชูชีพยังเคยถึงกับตั้งชื่อถนนในโครงการว่า "วัชรพล" และกล่าวกันว่าทุกโครงการของนักค้าที่ดินชื่อดังอย่างชูชีพนั้นไปได้ดี ไปได้สวย เพราะมี "ป๊ะกำพล" กำกับอยู่เบื้องหลัง

สำหรับโครงการร็อค การ์แดนท บีช ที่ชูชีพบอกไว้ว่าไม่ได้หวังผลตอบแทนทางธุรกิจนั้น ว่าไปแล้วในระยะยาวหากคำนวณกันให้ดีจะเห็นว่า ทั้งโรงแรมและคอนโดมิเนียม ที่มีชื่อว่ากลุ่มธุรกิจชื่อดังด้านนี้จากต่างประเทศเตรียมเหมาซื้อทั้งโครงการแล้วนั้น

สุดท้ายมันก็เป็นเรื่องของเงินที่มาพร้อมกับกล่องอย่างไร้ร่องรอย

เห็นทีครานี้เสียงปี่พระอภัยมณี ที่จะดังขึ้นมาในโครงการนี้คงเมไปด้วยความไพเราะเพราะพริ้งอย่างยิ่ง



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.