|
“ล็อกซเล่ย์” ปรับกลยุทธ์ ลุยอินเตอร์แบบ “เข้มข้น”
ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์(14 พฤศจิกายน 2553)
กลับสู่หน้าหลัก
ล็อกซเล่ย์ดันกลุ่มธุรกิจเทรดดิ้งสยายปีกบุกตลาดอาเซียนและจีน เร่งผนึกพันธมิตรเสริมทัพ พร้อมขยายช่องทางเสริมแกร่ง ทั้งโชวห่วย คีออส หน่วยรถ ตั้งเป้าโกยยอดสิ้นปี 4,500 ล้านบาท
ด้วยเป้าหมายที่ต้องการเป็นผู้นำด้านการจัดจำหน่ายและซัปพลายเชนด้านเครือข่ายทั้งในประเทศและต่างประเทศ กอปรกับการปรับตัวเพื่อสร้างความพร้อมรับมือกับการรวมเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี 2558 “ล็อกซเล่ย์” หนึ่งในบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้ากว่า 20 แบรนด์ จึงต้องเปิดเกมรุกพร้อมปรับยุทธศาสตร์การบุกให้เข้มข้นยิ่งขึ้น
ล่าสุด การเตรียมแผนนำสินค้าอุปโภคบริโภคที่บริษัทเป็นตัวแทนจำหน่ายเข้าไปขยายในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะในแถบอาเซียนและสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งจะมีทั้งการเข้าไปตั้งสำนักงานด้วยตนเอง การแต่งตั้งตัวแทนจำหน่าย หรือการร่วมมือกับพันธมิตรในประเทศนั้น โดยจะพิจารณาตามความเหมาะสมและศักยภาพ เช่น การแต่งตั้งตัวแทนจำหน่าย ที่มณฑลกว่างโจว ประเทศจีน 1 ราย เพราะเป็นผู้ประกอบการที่มีช่องทางการจำหน่ายสินค้ากว่า 100 หน้าร้าน ส่วนประเทศกัมพูชา และพม่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดตั้งสำนักงาน เพื่อหาพันธมิตรมาร่วมทุนหรือแต่งตั้งตัวแทนจำหน่าย
“บริษัทเคยตั้งสำนักงานเพื่อทำตลาดใน 2 ประเทศ คือ ลาวและเวียดนาม แต่การขยายตลาดไปยัง 3 ประเทศล่าสุดนี้ ถือเป็นการนำร่องบุกตลาดต่างประเทศของล็อกซเล่ย์ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ขณะที่บางประเทศบริษัทยังต้องศึกษาสภาพตลาดเพื่อลดความเสี่ยง เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ แม้จะเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูง แต่ด้วยระบบการขนส่งของล็อกซเล่ย์ที่ยังไม่พร้อมรองรับในช่วง 1-2 ปีนี้ บริษัทจึงมุ่งสร้างและขยายตลาดในประเทศที่มีความพร้อมให้แข็งแกร่งก่อน โดยตอนนี้สัดส่วนการส่งสินค้าออกต่างประเทศอยู่ที่ 3% คาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนเป็น 10% ในปีหน้า และเติบโตอย่างก้าวกระโดดในอนาคต” เป็นคำกล่าวของ สุรพันธ์ ภาษิตนิรันดร์ กรรมการผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ล็อกซเล่ย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะกำกับดูแลกลุ่มธุรกิจการค้า
สำหรับสินค้าที่ล็อกซเล่ย์นำเข้าไปบุกตลาดต่างประเทศนั้น จะมีทั้งสินค้าที่บริษัทจัดจำหน่ายและสินค้าของคู่ค้า ในรูปแบบพันธมิตรทางการค้า หนึ่งในกลยุทธ์การพัฒนาและเสริมแกร่งบริษัท ซึ่งแต่ละปีล็อกซเล่ย์ตั้งเป้าเพิ่มแบรนด์สินค้าหรือต้องมีพันธมิตรรายใหม่ในมือปีละประมาณ 5-6 แบรนด์ โดยปัจจุบันมีลูกค้าทั้งหมดรวมกว่า 20 แบรนด์ ทั้งนี้ น้ำอัดลมแบรนด์ไบเล่ย์ และผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยวแบรนด์มันชี่ คือคู่ค้ารายล่าสุดที่ค่ายล็อกซเล่ย์ได้สิทธิ์เป็นตัวแทนจำหน่าย
ขณะเดียวกัน ค่ายนี้ยังเสริมแกร่งด้านช่องทางจำหน่าย เพื่อเพิ่มศักยภาพในการกระจายสินค้าให้มากขึ้น ทั้งนี้ สุรพันธ์ บอกว่า บริษัทเตรียมขยายร้านคีออสเข้าไปตามสถาบันการศึกษาและชุมชน โดยตอนนี้ได้นำร่องโมเดลดังกล่าวไปแล้ว 7-8 แห่ง ใช้งบลงทุนแห่งละประมาณ 50,000 บาท ซึ่งบริษัทคาดว่าจะขยายให้ครบ 100 แห่งภายในสิ้นปีหน้า ไม่เพียงเท่านี้ ในช่องทางจำหน่ายรูปแบบอื่น เช่น ร้านโชวห่วย ก็มีแผนเตรียมขยายเพิ่มเป็น 2,800-3,000 แห่ง จากที่มีกว่า 2,500 แห่ง หรือการเพิ่มหน่วยรถแวน รถมอเตอร์ไซค์เพื่อนำสินค้าเข้าไปตามชุมชนหรือตามร้านค้าขนาดเล็กในหมู่บ้าน โดยเป็นรูปแบบการส่งสินค้าที่ล็อกซเล่ย์เริ่มดำเนินการกว่า 1 ปี ซึ่งปัจจุบันมีรถแวนราว 100 คัน และมอเตอร์ไซค์กว่า 30 คัน
สำหรับการเดินเกมรุกของล็อกซเล่ย์นับจากนี้ เป้าหมายอยู่ที่การดันกลุ่มธุรกิจเทรดดิ้งสยายปีกบุกตลาดต่างประเทศอย่างเต็มที่ โดยปีนี้ตั้งเป้าธุรกิจกลุ่มนี้เติบโตขึ้น 8-10% หรือปิดรายได้ที่ 4,500 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมบริษัทมีการขยายตัวราว 20% ซึ่งประกอบด้วย 4 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1.กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีการค้าภาครัฐ 2.ภาคการบริการ ปัจจุบันดำเนินงานบริเวณท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 3.สายธุรกิจร่วมทุนกับพันธมิตร และ 4.ธุรกิจเทรดดิ้ง หรือธุรกิจการค้าตัวแทนจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค โดยปัจจุบันสัดส่วนอุปโภคบริโภคทำรายได้ 60% ส่วนสินค้าในภาคอุตสาหกรรมมีสัดส่วน 40%
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|