|
เปิดใจ ‘อัคบาร์ อัล เบเคอร์’ กับการขยายตัวกาตาร์ปี 2556
ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์(14 พฤศจิกายน 2553)
กลับสู่หน้าหลัก
หากพูดถึงสายการบินจากตะวันออกกลาง “สายการบินกาตาร์” นับเป็นหนึ่งในสายการบินที่มีศักยภาพในการรับมือกับการแข่งขันของธุรกิจการบินในปัจจุบันอยู่ไม่น้อย ด้วยปัจจัยความพร้อมด้านกำลังคน บวกกับความพร้อมด้านกำลังเงินและศักยภาพของเครื่องบิน เชื่อว่า “สายการบินกาตาร์” คือหนึ่งในคู่แข่งที่ธุรกิจการบินต้องจับตามอง
“อัคบาร์ อัล เบเคอร์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินกาตาร์ พร้อมจะมาเล่าเรื่องราว และแนวทางการบริหารที่วางไว้ตั้งแต่ปีนี้จนถึงปี 2556
ขยายเส้นทางบินเพิ่ม
อัคบาร์ อัล เบเคอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินกาตาร์ กล่าวว่า “ตลอดระยะเวลาที่ผมเป็นผู้บริหารมา 10-11 ปี ผมวางแผนการขยายเส้นทางบินมาโดยตลอด จากเดิมที่มีเครื่องบิน 35 ลำ 35 เส้นทางบิน ขณะนี้ก็มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าแล้ว คือ 94 เส้นทางบิน เครื่องบินมี 90 ลำ ผมวางแผนการขยายตัวไว้ล่วงหน้าเป็น 10 ปีแล้ว แต่ไม่สามารถบอกได้เนื่องจากกลัวคู่แข่งจะรู้ทัน”
อย่างไรก็ดี ในปี 2556 มีแผนที่จะขยายเส้นทางบินเป็น 120 เส้นทางบิน และขยายเส้นทางบิน 120 ลำ โดยเครื่องบินที่ใช้บินจะมีอายุไม่เกิน 5 ปี ซึ่งขณะนี้เครื่องบินที่มีอายุมากสุดคือ 3 ปี ส่วนแนวทางการขยายเส้นทางบินจะอยู่ในเอเชีย ไม่ว่าจะเป็น จีน อินเดีย เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะไทยถือเป็นประเทศที่มีสนามบินจำนวนมาก ซึ่งสามารถเป็นฮับได้อีกมาก จะเห็นว่ากาตาร์ขยายเส้นทางบินเข้ามาในไทยไม่ต่ำกว่า 10 ปีแล้วตั้งแต่เมษายน 2543 ปีที่ผ่านมา พาผู้โดยสารเข้ามาในไทย 200,000 คน ปีนี้กาตาร์ก็ตั้งเป้าจะพาผู้โดยสารเข้าไทย 300,000 คน
“ที่เราเปิดเส้นทางบินมาเลเซีย-ภูเก็ต-โดฮานั้นเนื่องจากเราเห็นศักยภาพตรงนี้ และประเทศไทยกับรัฐกาตาร์ต่างมีความสัมพันธ์กันมาอย่างยาวนานและแน่นแฟ้น การที่สายการบินกาตาร์เปิดให้บริการเที่ยวบินมายังภูเก็ต เท่ากับเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของภูเก็ตตลอดทั้งปี ซึ่งจากที่เปิดให้บริการมาถือว่าได้รับการตอบรับอย่างดี โดยเฉพาะในช่วงกลางฤดูหนาวมีการจองที่นั่งเข้ามาจำนวนมาก จากความถี่สัปดาห์ละ 6 เที่ยวบินก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มเป็นวันละ 1 เที่ยวบิน”
ทั้งนี้ กาตาร์เป็นสายการบินตะวันออกกลางเพียงแห่งเดียวที่ให้บริการสู่ภูเก็ต โดยกลุ่มเป้าหมายที่กาตาร์มองไว้จะมีทั้งคนยุโรปที่ต้องการบินเข้ามาที่ภูเก็ต และคนไทยที่ต้องการบินไปยุโรป และเพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 10 ปีของการเปิดบริการสู่กรุงเทพฯ จะมีการเพิ่มเที่ยวบินอีก 1 เที่ยวบินเป็นวันละ 3 เที่ยวบิน โดยเริ่มต้นเดือนพฤศจิกายนนี้ ทำให้เที่ยวบินระหว่างไทยไปกาตาร์เพิ่มเป็นสัปดาห์ละ 28 เที่ยวบิน
อย่างไรก็ตาม การขยายเส้นทางบินเข้าไทยถือว่าไม่มีอุปสรรคใดๆ เลย แม้ว่าไทยจะมีปัญหาเรื่องการเมืองก็ตาม เนื่องจากประเทศไทยให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ส่วนผู้โดยสารจากตะวันออกกลางที่บินเข้ามารักษาตัวในไทยถือว่ามีปริมาณมาก ดังนั้น กาตาร์จึงมีบริการเปลสำหรับผู้ป่วยในเครื่องบิน 1-2 เปลต่อ 1 ลำ
สำหรับแนวทางการพัฒนากาตาร์ในระดับโลกนั้น ที่ผ่านมาถือว่ากาตาร์เป็นสายการบินที่มีพัฒนาการที่ดี เห็นได้จากปี 2550 ซึ่งเศรษฐกิจไม่ดีทั่วโลก กาตาร์ก็ลดที่นั่งเฟิร์สคลาสออกให้เหลือเพียงบิสซิเนสกับอีโคโนมีเท่านั้น ซึ่งนับว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูก
นอกจากนี้ ยังมีการขยายเส้นทางกรุงเทพฯ-ฮานอย สัปดาห์ละ 4 เที่ยวบิน และเดินทางไปยังโฮจิมินห์ซิตี้ สัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน ซึ่งสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้โดยสารที่ต้องการเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปเวียดนาม หรือเวียดนามมากรุงเทพฯ
ตลาดโต-กาตาร์พร้อมรุก
เบเคอร์ กล่าวถึงปัจจัยที่ทำให้กาตาร์รุกตลาดเอเชียมากขึ้น เนื่องจากตลาดการท่องเที่ยวในเอเชียกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และสายการบินกาตาร์ก็มีความพร้อมและจุดแข็งพร้อมที่จะสนองความต้องการในตลาดนี้เป็นอย่างดี เห็นได้จากตัวเลขของสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ หรือ IATA ที่บอกว่าความต้องการในการเดินทางของผู้โดยสารทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากปีที่ผ่านมา ดังนั้น การขยายตัวของกาตาร์ในเอเชียขณะนี้นับเป็นเวลาที่เหมาะสม และทำให้สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดที่กำลังเติบโตได้อย่างดี
นอกจากการขยายเส้นทางบินเหล่านี้แล้ว กาตาร์ยังมีแผนที่จะขยายเส้นทางบินทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง เพื่อเชื่อมต่อสู่เมืองที่ยังมีบริการบินไม่เพียงพอ รวมทั้งเป็นการใช้ประโยชน์สูงสุดจากการมีโดฮาเป็นศูนย์กลางการบินที่สำคัญ โดยในอนาคตกาตาร์จะเปิดเส้นทางบินใหม่ไปยัง 5 เมืองใหญ่ คือ นีซ ในปี 2553 และบูดาเปสต์, บูคาเรสต์, บรัสเซลส์, สตุทการ์ท ในปี 2554
ตั้งเป้า 16.5 ล้านคน
เบเคอร์ กล่าวต่อว่า สำหรับเป้าหมายของกาตาร์นั้นในฐานะของซีอีโอตั้งเป้าที่จะพัฒนากาตาร์ให้มีการเติบโตมากยิ่งขึ้น โดยเป้าตัวเลขผู้โดยสารนี้ตั้งไว้ที่ 16.5 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 14 ล้านคน
สำหรับการแข่งขันในธุรกิจการบินปัจจุบัน เบเคอร์ มองว่า ขณะนี้สายการบินโลว์คอสต์รุกตลาดมากขึ้น หากโลว์คอสต์มีการเข้ามากินแชร์ของกาตาร์ กาตาร์ก็พร้อมจะเปิดสายการบินโลว์คอสต์แข่งโดยจะเป็นโลว์คอตส์แบบฟูลเซอร์วิส ซึ่งขณะนี้มีการวางระบบไว้แล้ว หากต้องการเปิด ก็สามารถเปิดได้ภายใน 3 เดือน โดยจะใช้เครื่อง A320 และ A321 ซึ่งบรรจุผู้โดยสารได้ 180 ที่นั่ง ทั้งนี้ เส้นทางโลว์คอสต์ที่กาต้าร์จะบินใช้เวลาในการบินไม่เกิน 4 ชั่วโมง
เบเคอร์ ยังได้เล่าถึงนโยบายการทำ CSR ว่า ขณะนี้กาตาร์มีการทำ CSR กับเส้นทางบินลอนดอน-โดฮา ด้วยการใช้ก๊าซ GTL เป็นเชื้อเพลิงในการบิน ซึ่งจะช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศได้อย่างมาก
ทั้งหมดนี้ คือ ภารกิจที่ “อัคบาร์ อัล เบเคอร์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินกาตาร์ วางแผนที่จะทำ คงต้องรอดูกันต่อไปว่า เป้าหมายที่วางไว้จะเป็นไปตามต้องการมากน้อยเพียงใด
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|