บ่อน้ำ(มัน) นางนวลพังไปแล้ว 1,200 ล้านบาท แต่ยังอยากเสี่ยงต่อ


นิตยสารผู้จัดการ( กันยายน 2531)



กลับสู่หน้าหลัก

ธุรกิจที่ทำมาหากินอยู่กับการขุดเจาะและสำรวจน้ำมันนั้น ใครๆ ก็รู้ว่าทำรายได้ให้เป็นกอบเป็นกำ ลองได้มีบ่อน้ำมันอยู่ในมือแล้ว สิ่งที่ไหลพุ่งขึ้นมาพร้อมกับของเหลวสีดำๆ จากใต้พื้นพิภพก็ไม่พ้นจากเงินๆ ทองๆ ไปได้

แม้สถานการณ์ด้านพลังงานของโลกจะเปลี่ยนแปลงไปในทางที่พยายามลดการพึ่งพาน้ำมันให้น้อยลง ราคาน้ำมันดิบก็ผันผวนและมีทีท่าว่าจะดิ่งลงไปเรื่อยๆ ถึงอย่างนั้นก็เถอะ น้ำมันก็ยังคงความเป็นชีพจรใหญ่ของพลโลกอยู่ บ่อน้ำมันก็คือบ่อเงินบ่อทองเราดีๆ นี่เอง

แต่ทว่าจะเห็นดอกเห็นผลก็ต้องผ่านการลงทุนอย่างมหาศาลสำหรับการสำรวจและขุดเจาะเบื้องต้น และใช่ว่าลงเงินกันไปแล้ว ผลตอบแทนจะกลับคืนมาอย่างแน่นอน สมการการลงทุนขุดเจาะน้ำมันไม่ใช่หนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสองเสมอไป

หลายๆ ครั้งที่สมการการลงทุนในธุรกิจนี้ให้คำตอบที่ติดลบ เพราะอีกข้างหนึ่งของมันมีแต่ความว่างเปล่า

ความเสี่ยงเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เงินที่ลงทุนไปต้องสูญเปล่ามานักต่อนักแล้ว

ถึงแม้เทคโนโลยีกาสำรวจหาแหล่งน้ำมันจะก้าวหน้าขึ้นเป็นลำดับ แต่ความซับซ้อนของธรรมชาติใต้ธรณีก็ยังอยู่เหนือวิทยาการของมนุษย์ ข้อมูลจากการสำรวจเป็นเพียงตัวบอกความน่าจะเป็นเท่านั้น อยากจะรู้กันให้แน่ๆ ก็ต้องลงมือขุดกันจริงๆ ซึ่งเป็นการลงทุนที่สูงเอาการ

ความเสี่ยงที่จะต้องเสียเงินฟรีๆ ก็อยู่ตรงนี้แหละ ที่ว่าเสี่ยงก็คือ ขุดลงไปแล้วจะมีน้ำมันหรือเปล่า ถ้ามีคุณภาพและปริมาณจะคุ้มต่อการผลิตหรือไม่

ไทยเชลส์ เอ็กซพลอเรชั่น เพิ่งจะผ่าน ประสบการณ์ความเสี่ยงนี้มาหมาดๆ จากบ่อน้ำมันนางนวลในอ่าวไทยเมื่อขุดลงไปแล้วเจอน้ำมันในปริมาณและคุณภาพที่ทำให้ตัดสินใจนำขึ้นจากก้นอ่าวมากลั่นเป็นน้ำมันสำเร็จรูป

แต่สิ่งที่พุ่งขึ้นมาจากหลุมนางนวล มีของแถมพ่วงมาพร้อมกับน้ำมันด้วย คือน้ำ และแถมมาแบบใจกว้างในปริมาณที่เกินพอดีเสียด้วย ความโชติช่วงชัชวาลเหนือผืนน้ำสีครามจึงต้องดับวูบลงในชั่วเวลาเพียงหกเดือนเท่านั้น

แหล่งน้ำมันนางนวลอยู่ในแปลงสัมปทาน บี 6/27 บริเวณอ่าวไทยห่างจากฝั่งจังหวัดชุมพร 30 กิโลเมตร มีพื้นที่ 10,490 ตารางกิโลเมตร ลึกลงไปจากผิวน้ำ 50 เมตร ไทยเชลส์ได้รับสัมปทานสำรวจและขุดเจาะจากกรมทรัพยากรธรณีเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2528

ตามข้อตกลงที่ทำกับกรมทรัพยากรธรณี ภายในสามปีแรกไทยเชลส์จะต้องทำการสำรวจโดยวิธีวัดความไหวสะเทือนของพื้นโลกเป็นระยะทางไม่น้อยกว่า 3,000 กิโลเมตร ขุดหลุมสำรวจอย่างน้อย 3 หลุม และใช้เงินลงทุนสำรวจไม่ต่ำกว่า 18 ล้านเหรียญสหรัฐ

แต่โครงสร้างทางธรณีวิทยาที่ซับซ้อนของ ประเทศไทย ทำให้ไทยเชลส์ต้องทำมากไปกว่าข้อตกลงเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ชัดเจนมากที่สุด ในช่วงสามปี ไทยเชลส์ทำการสำรวจเป็นระยะทางกว่า 6,000 กิโลเมตร ด้วยวิธีวัดความไหวสะเทือนของพื้นผิวโลกแบบสามมิติ ซึ่งเป็นวิทยาการการสำรวจที่ก้าวหน้าที่สุด ในปัจจุบันขุดหลุมสำรวจไป 4 หลุม และหมดเงินไป 35 ล้านเหรียญสหรัฐ

มีเพียงหลุมแรกเท่านั้นที่พบน้ำมันดิบในระดับลึก 3,000 เมตรจากผิวดิน โดยมีอัตราการไหลราว 3,400 บาร์เรลต่อวัน คุ้มต่อการที่จะทำการผลิต

ไทยเชลส์ให้ชื่อหลุมนี้ว่า นางนวล เอ-401 ตามวิธีการตั้งชื่อที่ใช้ชื่อนกเรียกบ่อน้ำมันในแปลงสัมปทานของตน

ข้อมูลเบื้องต้นจากการสำรวจที่ผ่านการวิเคราะห์แล้วบอกว่า นอกจากน้ำมัน ในหลุมนางนวลยังมีน้ำอยู่ด้วยในชั้นหินลึกลงไปจากชั้นหินที่เก็บกักน้ำมันไว้ แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าชั้นหินที่มีน้ำมันอยู่ต่อเนื่องกับชั้นหินที่อุ้มน้ำที่ความลึกระดับไหน หลังจากที่ทดลองอยู่ประมาณ 10 วันก็ยังไม่พอน้ำปนขึ้นมากับน้ำมัน

ไทยเชลส์จึงตัดสินใจทำการผลิต โดยขุดหลุมใหม่ห่างจากนางนวล เอ-401 ราว 40 เมตร เรียกกันว่า นางนวล เอ-402 เพราะนางนวล เอ-401 นั้น ไทยเชลส์วางแผนไว้สำหรับเป็นหลุมทดสอบไม่ใช่หลุมผลิต และใช้เวลาเพียงสามเดือนเท่านั้น นับตั้งแต่ลงมือขุดเจาะหลุมใหม่ในเดือนพฤศจิกายน 2530 จนผลิตน้ำมันขึ้นมาได้เมื่อเดือนมกราคมต้นปีนี้ เป็นการพัฒนาแหล่งน้ำมันที่เร็วที่สุดแห่งหนึ่งในโลก

ระบบที่ใช้กับหลุมนางนวลเรียกกันว่า EARLY PRODUCTION SYSTEM (EPS) หรือระบบการพัฒนาการผลิตน้ำมันก่อนกำหนด ซึ่งมีความคล่องตัว อุปกรณ์ที่ใช้มีต้นทุนต่ำ จัดหามาโดยการเช่าและเป็นระบบการผลิตแบบชั่วคราว

"ถ้าใช้การพัฒนาแบบปกติต้องใช้เวลานาน 3- 4 ปี ที่เราต้องผลิตก่อนกำหนดเพราะต้องการผลิตไปทดสอบหาข้อมูลเพิ่มเติมไปพร้อมๆ กันด้วย ข้อมูลที่มีอยู่ไม่ชัดเจน และเราก็ไม่แน่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นในช่วงไหน จึงต้องใช้การผลิตแบบชั่วคราว" จอห์น บรุคส์ กรรมการผู้จัดการไทยเชลส์อธิบายเหตุผลที่เลือกใช้ระบบนี้

วันที่ 26 มกราคม 2531 น้ำมันดิบใต้อ่าวไทยก็ถูกนำขึ้นมา ถ่ายไปยังเรือขนถ่ายเพื่อนำไปกลั่นที่โรงกลั่นไทยออยส์ ศรีราชา นับเป็นแหล่งน้ำมันในทะเลแห่งแรกของไทย

ในระยะแรกๆ บ่อนางนวลให้น้ำมันดิบวันละ 6,000 บาร์เรลและเพิ่มขึ้นเป็น 10,000 บาร์เรลต่อวัน จนถึงเดือนเมษายน ปัญหาที่หวั่นเกรงกันแต่แรกก็เริ่มปรากฏเมื่อน้ำมันดิบที่สูบขึ้นมามีน้ำปะปนมาด้วย

"ปริมาณน้ำที่ปนเข้ามาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วถึง 30% ภายในเวลาเพียง 36 ชั่วโมง เราคาดกันมาก่อนแล้วว่าจะต้องเจอน้ำด้วย แต่ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นเร็วถึงเพียงน้ำ" บรุคส์ เปิดเผย

การผลิตจึงต้องหยุดเป็นช่วงๆ เพื่อให้น้ำมันและน้ำในชั้นหินใต้ผิวโลกแยกตัวออกจากกัน พร้อมๆ กับการหาวิธีการแก้ไข แต่ปริมาณน้ำกลับเพิ่มขึ้นอีกจนถึง 50% น้ำมันดิบที่ได้ต้องผ่านการแยกเอาน้ำออกเสียก่อน ทำให้ปริมาณน้ำมันดิบลดน้องลงไปจนเหลือเพียง 1,000 กว่าบาร์เรลต่อวันเท่านั้น ซึ่งไม่คุ้มกับค่าใช้จ่ายในการผลิต

จึงถึงเวลาที่นางนวลตัวนี้จะต้องหยุดพักเสียที เพราะขืนปล่อยให้บินต่อไป เจ้าของคงจะต้องกระเป๋าฉีกเป็นแน่ ไทยเชลส์ตัดสินใจปิดหลุมนางนวลเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา ท่ามกลางข้อสังเกตว่า เป็นเพราะราคาน้ำมันดิบตกต่ำก็เลยถือโอกาสหยุดการผลิตเสียเลย

"ไม่จริงครับ ตอนที่เราตัดสินใจทำการผลิต ราคาน้ำมันก็มีแนวโน้มที่ลดลงอยู่แล้ว ถ้าเป็นเพราะเรื่องนี้ เราก็คงหยุดตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว" บรุคส์ ปฏิเสธพร้อมกับย้ำว่าสาเหตุจริงๆ คือปัญหาทางด้านเทคนิค

ไทยเชลส์ขายน้ำมันให้กับ ปตท. ได้เกือบครึ่งล้านบาร์เรลก่อนที่จะปิดหลุม คิดเป็นเงิน 5.8 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่มีค่าใช้จ่ายในการสำรวจ 34.4 ล้านเหรียญ ต้นทุนในการพัฒนาแหล่งน้ำมันอีก 15 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมกับเงินค่าภาคหลวงและค่าธรรมเนียมที่จ่ายให้กับรัฐบาลไทยไปแล้ว 5.7 ล้านเหรียญสหรัฐ บวกลบกันแล้ว งานนี้ไทยเชลส์ควักเนื้อไปประมาณ 1,200 ล้านบาทไทย

ถึงจะดูเป็นเรื่องเล็กๆ สำหรับไทยเชลส์ แต่เห็นหรือยังว่าเสี่ยงแค่ไหน แม้แต่ยักษ์ใหญ่ในวงการน้ำมันของโลกยังต้องเพลี่ยงพล้ำ

แต่ไทยเชลส์ก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาๆ สำหรับธุรกิจนี้และพร้อมที่จะเสี่ยงต่อไป เพราะเชื่อแน่ๆ ว่า แหล่งน้ำมันนางนวลมีน้ำมันดิบอยู่ถึง 16 ล้านบาร์เรลและยินดีที่จะควักกระเป๋าอีก 600 ล้านบาทเพื่อทำการสำรวจเพิ่มเติมอีกหนึ่งปีครึ่ง หาตำแหน่งที่ดีที่สุดสำหรับขุดเจาะหลุมใหม่



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.