ลึกไม่ลับของคนเดียวโด่เด่วิโรจน์ อมตกุลชัย หมายมั่นปั้นให้เป็นจริงในไม่ช้า


นิตยสารผู้จัดการ( กันยายน 2531)



กลับสู่หน้าหลัก

ใต้ร่มเงาความยิ่งใหญ่ของ สุกรี โพธิรัตนังกูร กับ ทีบีไอ. กรุ๊ป ในโลกอุตสาหกรรมสิ่งทอ คนอย่าง วิโรจน์ อมตกุลชัย ได้พิสูจน์คุณค่าการเป็นมือบริหารอาชีพระดับเนื้อชินของเขาให้เป็นที่ประจักษ์ชัดแล้วว่า มิเสียแรงเลยจริงๆ ที่เสี่ยสุกรีไว้เนื้อเชื่อใจให้เข้ามาร่วมชี้เป็นชี้ตายในหลายๆ กรณี

พูดถึงวิโรจน์แล้ว "ผู้จัดการ" ก็นึกเสียดายอยู่ไม่น้อยที่ไม่อาจหยิบยกเรื่องราวโดยละเอียดของเขาเสนอแก่ท่านผู้อ่านได้ในฉบับ "ผู้จัดการรุ่นใหม่" ขึ้นปีที่ 5 เมื่อปีที่ผ่านมา ด้วยเป็นเพราะอุปสรรคขัดข้องทางเทคนิคบางประการ

ทั้งๆ ที่หลืบลึกซับซ้อนทุกแง่มุมที่เกี่ยวกับชีวิตของเขขา เราได้เก็บรวบรวมข้อมูลไว้พร้อมสรรพ!

วิโรจน์ อมตกุลชัย บัณฑิตวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่หันมาเอาดีทางด้านการตลาดสิ่งทอ ชื่อเสียงของเขาเริ่มเป็นที่จับต้องส่งประกายวับวาวเมื่อราวปี2529 ในฐานะตัวแทนที่เร่าร้อนของ ทีบีไอ. กรุ๊ป ก็มีแรงคัดค้านที่โหมกระหน่ำอย่างหนักหน่วงจากคู่แข่งขัน โดยเฉพาะกรุ๊ปสิ่งทอของ พล.ต.ประมาณ อดิเรกสาร ที่ชิงดีชิงเด่นกันมานานปี

แรกทีเดียวเป็นที่เชื่อขนมกินกันได้เลยว่า คณะกรรมการนโยบายสิ่งทอแห่งชาติที่มีประมวล สภาวสุ คนของพรรคชาติไทย พรรคเดียวกับ พล.ต.ประมาณรั้งอยู่ในตำแหน่งประธานนั้นคงไม่เอออวยเห็นดีเห็นงามไปกับแนวความคิดของทีบีไอ. กรุ๊ปเป็นแน่แท้

แต่ที่ไหนได้ ราวกับอสนีบาตฟาดเปรี้ยงลงกลางใจของ พล.ต.ประมาณ เมื่อจู่ๆ ที่ประชุมของคณะกรรมการนโยบายสิ่งทอแห่งชาติเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2529 กลับมีมติเห็นชอบให้มีการส่งเสริมกิจการทอผ้าเพื่อการส่งออก 100% ตามที่ ทีบีไอ. กรุ๊ป เสนอมาโดยไร้ข้อคัดค้าดใดๆ

ชัยชนะของ ทีบีไอ. กรุ๊ป ครั้งนั้นที่สามารถขยายแกนปั่นด้ายเพิ่มได้อีก 240,000 แกนสำแดงความเป็นเจ้าพ่อสิ่งทอรายเดียวแท้จริงออกมาให้เห้นได้เกื้อหนุนจุนเจือให้ชื่อเสียงและเครดิตของวิโรจน์พวยพุ่งขึ้นสู่จุดที่ทุกๆ คนต้องสนใจในตัวเขา

คนในวงการสิ่งทอสรุปชัยชนะครั้งนั้นไว้สั้นๆ ว่า "นอกจากแรงอัดที่พร้อมทุกด้านของ ทีบีไอ. กรุ๊ป แล้วนั้น ความเฉียบฉลาดในการผสมผสานหมากกลทางธุรกิจเข้ากับกลเกมทางการเมืองของวิโรจน์ก็มีส่วนช่วยให้ความสำเร็จนั้นเป็นจริงและเร็วขึ้น"

หลังจากนั้นเป็นต้นมา ลุล่วงมาถึงปี 2531 บทบาทของวิโรจน์ก็เริ่มกระจายกินมุมกว้างมากขึ้น เขาไม่เป็นเพียงแค่คียแมนคนสำคัญของ ทีบีไอ. กรุ๊ป เท่านั้น ในส่วนรวมในฐานะของนายกสมาคมผู้ส่งออกผลิตภัณฑ์เครื่องนุ่งห่มไทย เขายังได้แสดงออกมาซึ่งความสามารถในอีกหลายๆ เรื่อง โดยเฉพาะกรณีการประกาศเอกสิทธิ์หน้าท่าของการท่าเรือแห่งประเทศไทย ที่ให้สิทธิ์แก่บริษัทบางกอกเครนเนจผูกขาดตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งเรื่องนี้วิโรจน์เป็นผู้นำคัดค้านอย่างถึงที่สุด กระทั่งบรรลุจุดประสงค์ได้สำเร็จ เมื่อรัฐบาลประกาศยับยั้งสิทธิ์ดังกล่าวของบางกอกเครนเนจ

วิโรจน์ก้าวมาไกลจากจุดเริ่มต้นมากเสียแล้ว!!!

ล่าสุดกับข่าวคราวที่ค่อนข้างแน่ชัดมากว่า คนหนุ่มอย่างวิโรจน์กำลังรอจังหวะที่จะก้าวขึ้นเป็นเถ้าแก่อย่างเต็มตัวเสียที แต่ก็ให้เป็นที่น่าแปลกใจเป็นอันมากว่า ธุรกิจที่เขากำลังกระโดดเข้าไปจับ หาได้เป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับวงการสิ่งทอหรือส่งออกแต่อย่างใด

ธุรกิจที่วิโรจน์หมายมั่นสร้างเนื้อสร้างตัวกลับกลายเป็นเรื่องของการพัฒนาที่ดินและที่อยู่อาศัย โดยที่เขาได้ร่วมทุนกับพรรคพวกเพื่อนพ้องในวงการสิ่งทอ-ส่งออก อย่าง อนุศักดิ์ อินทรภูวศักดิ์ แห่งบริษัทไทยเดินเรือทะเล สันเดน วธากรณ์วิจิตรแห่งบริษัทไดนัสกี้ แฟบริคส์ ลงทุนในโครงการก่อสร้างออฟฟิศบิลดิ้ง ในชื่ที่ไพเราะเพาะพริ้งว่า "ซีทีไอ. ทาวเวอร์"

ซีทีไอ. ทาวเวอร์ ที่วิโรจน์กำลังจะเนรมิตให้เป็นจริงขึ้นมานั้นจะใช้เงินลงทุนไม่น้อยกว่า 700 ล้านบาท โดยจะสร้างอยู่ตรงบริเวณปากซอยอโศกตัดใหม่กับคลองเตย ใกล้ๆ กับโรงงานยาสูบ กระทรวงการคลัง ซึ่งขณะนี้แผนการทุกอย่างที่ถูกกำหนดอย่างละเอียดสมบูรณ์แล้ว

วิโรจน์และพรรคพวกยังมีที่ดินผืนงามอีกหลายแห่ง พร้อมที่จะวาดความฝันให้เป็นจริง ซึ่งว่าไปแล้วฝันนี้ก็หาใช่ว่าจะอยู่ไกลเกินเอื้อมมากนัก เพราะทั้งวิโรจน์และพรรคพวกต่างก็มีพร้อมอยู่แล้ว ทั้งในเรื่องของเงินทุนและฝีมือ

เส้นทางสายใหม่ของวิโรจน์สายนี้ก็น่าจับตามองกันไม่น้อย!!!

แต่ถึงอย่างไรก็ตามความผูกพันที่เขามีต่อเสี่ยสุกรีก็ยังคงแนบแน่นดุจดังเดิม!!!



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.