ธุรกิจพาณิชย์นาวีบ้านเราคึกคักเป็นพิเศษในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และยังมีแนวโน้มว่าจะดีต่อไป
เหตุผลหนึ่งเกิดมาจากนโยบายส่งเสริมการส่งออกอย่างจริงจังของรัฐ
บริษัทใหญ่ที่มีเรือของตัวเองและคุมเส้นทางการส่งออกทั่วโลกนั้นส่วนใหญ่เป็นของชาวต่างชาติ
ของไทยเราเองมีเพียงไม่กี่บริษัท โงวฮกเป็นหนึ่งในจำนวนนั้น ที่สำคัญโงวฮกเป็นบริษัทแรกของคนไทย
และยังคงครองความเป็นเจ้ายุทธจักรของวงการเดินเรือในปัจจุบัน
11 ตุลาคม 2531 เป็นวันที่โงวฮกมีอายุครบ 60 ปีพอดี นับว่าเป็นบริษัทเดินเรือของไทยที่มีอายุยาวนานมากที่สุด
เก่าแก่กว่าการท่าเรือแห่งประเทศไทย ซึ่งเพิ่งจะมีอายุ 37 ปีเสียอีก
ความที่บริษัทก่อตั้งมานานมาก ทำให้ประวัติช่วยต้นไม่แจ่มชัดนัก แต่จากคำบอกเล่าของเท้ง
บุลสุข ซึ่งปัจจุบันอายุ 80 ปี และยังทำงานที่โงวฮกในตำแหน่งกรรมการ
"ผมก็ไม่ทราบแน่ชัด เพราะไม่ได้มาร่วมงานแต่แรก คนที่รู้เรื่องดีกว่าผมส่วนใหญ่ตายไปหมดแล้ว
คนริเริ่มคือตันจินเก่ง หรือจิตติน ตันธุวนิตย์ ซึ่งก่อนหน้านี้ทำงานอยู่กับตระกูลหวั่งหลี
ซึ่งขณะนั้นทำการค้าขายระหว่างไทยกับจีนโดยทางเรือ มีความคิดว่าน่าจะมีธุรกิจบริการขนส่งทางน้ำที่เป็นของคนไทยเอง
จึงชักชวนเถ้าแก่โรงสี 4 คนเข้าร่วมคือ มาเลียบคุน หรือมา บุลกุล, เจียง
กอวัฒนา, ตันลูเช็ง, โล่วเตี๊ยกชวน (พ่อของเท้ง) รวมกับตันจินเก่งเป็น 5
คน ตั้งชื่อ โงวฮก"
นั่นคือที่มาของชื่อโงวฮก ซึ่งป็นภาษาจีนแต้จิ๋ว แปลว่า "โชคทั้งห้า"
ตันจินเก่งเป็นผู้บุกเบิกและวางรากฐานธุรกิจในยุคแรก หลังจากเขาเสียชีวิต
ยงกิตต์ โสธิกุล เพื่อนที่หวั่งหลีด้วยกันเป็นผู้บริหารต่อ ซึ่งโดยทั่วไปเป็นการดำเนินธุรกิจตามแนวที่ตันจินเก่งวางเอาไว้
จนกระทั่งเมื่อลูกๆ ของตันจินเก่งเรียนจบและเริ่มเข้ามาบริหาร จึงมีความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นหลายประการ
สุเมธ ตันธุวนิตย์ ลูกชายคนที่ 6 ของตันจินเก่ง เป็นผู้นำของโงวฮกในรุ่นที่
2 ปัจจุบันอายุ 42 ปี จบปริญญาตรีวิศวกรรมศาสตร์เกียรตินิยมจากจุฬาฯ และจบปริญญาโทวิศวกรรมจากเอไอที.
เป็นคนที่เรียกได้ว่า WELL-TRAINED คนหนึ่ง
สุเมธเริ่มเข้าทำงานเมื่อ 16 ปีที่แล้ว หลังจากจับงานไประยะหนึ่งก็คิดว่าถึงเวลาแล้วที่คนไทยควรจะมีเรือของตัวเองเสียที
แทนที่จะเช่าเขาร่ำไป บริษัทอาร์ ซี แอล จึงเกิดขึ้นในปี 2523 ด้วยการร่วมทุนระหว่างโงวฮก
และ SINGAPORE SHIPPING CORPORATION โดยสัดส่วน 75 : 25
สิ่งที่สุเมธได้เข้ามาสร้างอย่างมากๆ คือ MARKETING NETWORK ซึ่งเป็นหัวใจที่สำคัญที่สุดประการหนึ่งของธุรกิจประเภทนี้
ปัจจุบันโงวฮกและบริษัทในเครือเป็นผู้ดำเนินกิจการพาณิชย์นาวีแทบจะครบวงจร
มีเรือของตัวเอง 8 ลำ และเรือเช่าอีกนับร้อย เป็นโบรกเกอร์จัดเรือขนส่งสินค้าไปทั่วโลก
มีอุปกรณ์ขนถ่ายสินค้าพร้อมสรรพเช่น เครน (CRANE)
ล่าสุด 7 กันยายน 2531 กรมศุลกากรได้ประกาศผลการคัดเลือกบริษัทเอกชน 4 บริษัทจากที่ยื่นขอ
28 บริษัทให้สร้างคอนเทนเนอร์ยาร์ด หรือสถานที่ตรวจและบรรจุสินค้าเข้าคอนเทนเนอร์เพื่อการส่งออก
เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาความแออัดอย่างหนักของท่าเรือในปัจจุบัน งานนี้โงวฮกเป็น
1 ใน 4 บริษัทนี้ด้วย
การขยายตัวของโงวฮกนั้นเป็นความพยายามที่จะขยายตัวให้ครบวงจรในแนวดิ่ง (VERTICAL
INTEGRATION) ขาดก็เพียงการบริหารท่าเรือเองเท่านั้น ซึ่งเป็นความฝันของกลุ่มโงวฮกที่อยากจะไปให้ถึง
ปลายปี 2530 รัฐบาลประกาศให้เอกชนเข้าประมูลเพื่อเข้าบริหารท่าเรือสงขลาและภูเก็ตโงวฮกเป็นบริษัทหนึ่งที่สนใจโครงการนี้อย่างมากๆ
เพราะเขาได้ไปบุกเบิกธุรกิจเดินเรือที่ภาคใต้มากว่า 10 ปีแล้ว
โครงการนี้มีผู้ยื่นความจำนงที่จะเข้ามาบริหารจำนวนมาก แต่ที่ผ่านมาถึงขั้นเปิดซองประมูลเพียง
4 บริษัท
บริษัทสงขลา-ภูเก็ต อินเตอร์เนชั่นแนล เป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างโงวฮกกับพีแอนด์ไฮแห่งประเทศออสเตรเลีย
ซึ่เงป็นบริษัทที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับนับถือกันในต่างประเทศเรื่องการบริหารท่าเรือ
ส่วนโงวฮกนั้นเป็นบริษัทเก่าแก่ที่มีความชำนาญและคุ้นเคยกับการท่าเรือเป็นอย่างดี
เป็นสูตรผสมที่ลงตัว จึงเป็นตัวเก็งว่าจะเป็นบริษัทที่ได้รับการคัดเลือกในที่สุด
แต่เมื่อมีการเปิดซองประมูลพิจารณาข้อเสนอของทั้ง 4 บริษัท ปรากฏว่าคณะกรรมการตัดสินใจเลือก
บริษัทซีทีไอ ซึ่งก่อตั้งเมื่อปี 2527 เป็นบริษัทที่ไม่มีประสบการณ์ในการบริหารท่าเรือเลย
แต่เนื่องจากเสนอผลตอบแทนให้กับรัฐมากที่สุด ห่างจากบริษัทอื่นค่อนข้างมาก
(อ่านเรื่องราวการประมูลโดยละเอียดจาก "ผู้จัดการรายสัปดาห์"
ปีที่ 5 (2) ฉบับที่ 118 (85))
ภายหลังการประกาศผล ปรากฏว่า มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่า ผลตอบแทนที่ซีทีไอให้เป็นสิ่งที่ทำได้ไหม?
ซีทีไอบริหารได้จริงหรือ? จนกระทั่งหมดยุครัฐบาลเปรม 5 ก็ยังไม่มีการเซ็นสัญญา
เมื่อเปลี่ยนเป็นรัฐบาลชาติชาย กระแสที่จะล้มประมูลรุนแรงขึ้นโดยสหภาพแรงงานการท่าเรือประท้วงว่า
ความจริงเมื่อคำนวณผลตอบแทนแล้วน่าจะได้มากกว่าที่ซีทีไอเสนอเสียอีก เรื่องดูจะยุ่งยากไปอีกเมื่อ
ถาวร จุณณานนท์ รองผู้อำนวยการท่าเรือออกมาให้ข่าวว่าการท่าควรจะเข้าเป็นผู้บริหารการท่าเรือทั้ง
2 แห่ง โดยที่อาจจะให้เอกชนเข้าดำเนินการแทนทั้งหมด จนกระทั่งวันที่เขียนต้นฉบับนี้
ท่าเรือสร้างเสร็จไปแล้วเดือนกว่า แต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีการเซ็นสัญญา
และพร้อมจะเข้าบริหารเมื่อไหร่!?
เรื่องทั้งหมดนี่มันเกี่ยวกับโงวฮกตรงที่โงวฮกประมูลไม่ได้จึงถูกกล่าวหาว่าพยายามตีรวนและอยู่เบื้องหลังการล้มประมูลครั้งนี้
"ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเราจึงถูกโจมตี ทั้งๆ ที่เราอยู่เฉยๆ
ทำทุกอย่างตามขั้นตอนเมื่อไม่ได้สำหรับเราก็จบเพียงเท่านั้น" สุเมธกล่าวกับ
"ผู้จัดการ"
อีกด้านหนึ่งคนในวงการเรืออธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นกับโงวฮกว่า "โงวฮกเป็นบริษัทเก่าแก่ที่มีปรัชญาในการทำการค้าแบบบบที่เรียกว่าทุกอย่างต้องทำด้วยมือตัวเองมาตลอด
โงวฮกเพิ่งเปิดตัวออกมาประมูลแบบนี้เป็นครั้งแรก ผมกลับเห็นว่าโงวฮกไม่เป็นมวย
ไม่ทันเกมการต่อสู้ที่ต้องมีการยุ่งเกี่ยวกับการเมืองด้วย"
โอกาสของโงวฮกที่จะบริหารท่าเรือยังมีอีก เพราะท่าเรือแหลมฉบังจะเสร็จในอีก
2 ปีข้างหน้า แต่เริ่มให้เอกชนแสดงความจำนงที่จะเข้าร่วมประมูลแล้ว โงวฮกศึกษาข้อมูลอย่างถี่ถ้วน
พร้อมทั้งส่ง LETTER OF INTENT ไปแล้ว บทเรียนจากการประมูลคราวที่แล้วคงช่วยยกระดับความรับรู้ของโงวฮกมาทีเดียว
ถ้าพวกเขารู้จักสรุปบทเรียน
โงวฮกเป็นบริษัทที่ LOW PROFILE อย่างมากๆ ขนาดตึกที่ทำการ 12 ชั้น และ
15 ชั้น ด้านหลัง ไม่มีป้ายชื่อติดเหมือนอาคารพาณิชย์ทั่วไป แต่กลับมีชื่อ
CITI BANK ซึ่งเช่าที่บางส่วนเป็นสำนักงาน น้อยคนนักที่จะรู้ว่าตึกนี้เป็นของโงวฮก!
โงวฮกเป็นธุรกิจครอบครัวที่มีสไตล์การบริหารแบบ CONSERVATIVE มาช้านาน จุดแข็งคือ
มีคนที่มีความชำนาญ (SKILL) ในธุรกิจนี้จำนวนมาก ขณะที่ยังขาดมืออาชีพสำหรับการบริหารงานภายในให้เป็นองค์กรที่ทันสมัยและคล่องตัวในการทำงาน
สุเมธ หัวเรือใหญ่ของคนรุ่นที่ 2 ดูจะตระหนักถึงประสิทธิภาพของระบบงานภายในจึงผลักดันให้มีการนำเอาระบบ
COMPUTER มาใช้เป็นบริษัทแรกของวงการเรืออีกเช่นกัน แม้จะต้องใช้เวลามากทีเดียวกว่าจะทำให้พนักงานยอมรับและเห็นถึงประโยชน์ใช้สอยของมัน
การนำเอาบริษัทอาร์ซีแอลเข้าเป็นหลักทรัพย์ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โดยเข้าไปอยู่ในกระดานที่หนึ่งนับเป็นบริษัทเรือแห่งแรกที่เข้าสู่ตลาดฯ
นับเป็นจุดเริ่มของการเปิดตัวสู่สาธารณชนมากขึ้น
งานเซ็นสัญญา UNDERWRITE หุ้นอาร์ซีแอลกับโบรกเกอร์ 9 ราย ที่โรงแรมรีเจ้นท์
วันที่ 1 กันยายน 2530 เป็นการเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกของโงกฮก นพพร
พงษ์เวช กรรมการรองผู้จัดการบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เอ็มซีซี ให้ความเห็นกับหุ้นตัวนี้ว่า
"หุ้นตัวนี้น่าจะไปได้ดี เพราะโงวฮกเป็นบริษัทเรือใหญ่ เป็นมือโปรด้านนี้
คู่แข่งในเมืองไทยที่ใกล้เคียงกันยังไม่เห็น เขามีคอนแทร็กกับบริษัทเรือใหญ่ๆ
มากมาย และการเพิ่มทุนครั้งนี้ก็เพื่อซื้อเรือเพิ่ม อนาคตน่าจะไปได้ไกล"
ปีที่ 60 ของโงวฮกมีความเคลื่อนไหวภายนอกคึกคักพอสมควร "ผู้จัดการ"
ทราบว่า ทางโงวฮกมีโครงการที่จะขยายงานอีกมาก แต่โงวฮกและบริษัทในเครือจะไปได้ไกลเพียงใด?
ขึ้นอยู่กับว่าการบริหารภายในจะเปลี่ยนแปลงได้สอดคล้องกับสถานการณ์ทางธุรกิจที่กำลังจะขยายตัวได้รวดเร็วแค่ไหน?