ปั้นแบรนด์เบิร์ดๆสู่ เวิล์ดคลาส สูตร“เบิร์ดแลนด์ แอนนิเมชั่น” โมเดล


ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์(17 ตุลาคม 2553)



กลับสู่หน้าหลัก

เปิดกลยุทธ์ “เบิร์ด แลนด์ แอนนิเมชั่น โมเดล”ต่อยอดแบรนด์ซูเปอร์สตาร์ดังค้างฟ้ามานานกว่า 20 ปี“เบิร์ด -ธงไชย แมคอินไตย ”ให้เป็นแบรนด์ที่ยั่งยืนและครองใจแฟนเพลงทุกเพศ ทุกวัยได้ยาวนานขึ้น พร้อมก้าวขึ้นสู่ระดับ World Classของค่ายจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ทั้งทำโฟกัส กรุ๊ป และนำหนังเปิดตัวบนเวทีคานส์ เพื่อให้โดนใจคนดูทุกชาติทุกภาษา พร้อมกลยุทธ์สื่อสารการตลาดทั่วโลก

ออกจะเป็นบิ๊กเซอร์ไพร้ส์ไม่น้อยสำหรับแวดวงบันเทิงที่จู่ๆค่ายจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ของอากู๋-ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรมเลือกเปิดตัวโครงการเบิร์ดแลนด์ แอนนิเมชั่น ของซูเปอร์สตาร์ดัง 2ทศวรรษ “เบิร์ด-ธงชัย แมคอินไตย” เมื่อสัปดาห์ก่อน อันเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับค่ายคู่แข่งอย่าง อาร์เอส กำลังเผชิญกับมรสุมของซูเปอร์สตาร์ดังฟิล์ม-รัชภูมิ โตคงทรัพย์ที่กำลังมีข่าวร้อนๆแนวอื้อฉาวจนพื้นที่ข่าวหน้า 1 หน้าบันเทิงเต็มไปด้วยข่าวความเคลื่อนไหวของนักร้องหนุ่มคนดังติดต่อนานนับสัปดาห์ งานนี้ทั้งแกรมมี่กับอาร์เอสและซูเปอร์สตาร์ดังทั้งคู่จึงเป็นแบรนด์ที่ถูกกล่าวขานมากที่สุดทั้งภาพลบและภาพบวกในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา

“เบิร์ดแลนด์ แอนนิเมชั่น”ของค่ายจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ ครั้งนี้ นอกจากมีความสำคัญทางธุรกิจไม่น้อยเพราะไม่เพียงแต่เป็น “จิ๊กซอร์ตัวสำคัญ” ของ Entertainment Platformค่ายแกรมมี่ฯในการขยายโมเดลธุรกิจเข้าสู่ “ Edutainment”ซึ่งเป็นโมเดลที่มีอนาคตเติบโตทั่วโลก แต่ยังเป็นการ “ต่อยอดคอนเทนท์อีกรูปแบบหนึ่งให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น” นอกเหนือจากเพลง คอนเสิร์ต ละคร ภาพยนตร์ และอื่นๆที่มีอยู่เป็นจำนวนมาก โดยใช้เม็ดเงินลงทุนผลิตกกว่า 100ล้านบาท

ปั้นเบิร์ด แอนนิเมชั่น
สู่โปรดักส์เวิล์ดคลาส

จุดเด่นของเบิร์ด แอนนิเมชั่น มีการนำคาแรกเตอร์ของศิลปินซูเปอร์สตาร์ “เบิร์ด-ธงไชย แมคอินไตย์” มาสร้างเป็นตัวละครหลักที่จะผลักดันเรื่องราวความมหัศจรรย์ต่างๆ ให้เกิดขึ้นในโลกแห่งดนตรีและเสียงเพลง ด้านเนื้อหา การผลิตได้มอบหมายให้เชลล์ฮัท เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ บริษัทผู้ผลิตแอนิเมชั่นชั้นนำของเมืองไทย ประสบความสำเร็จมาแล้วกับการ์ตูนแอนิเมชั่น “เชลล์ดอน” มาเป็นผู้ผลิต โดยได้ทดสอบและทำ Focus Group เพื่อให้แน่ใจว่า มุขและแก๊กของเรื่องสอดคล้องกับตลาดเป้าหมาย

ขณะเดียวกันยังได้นำแอนิเมชั่นเรื่องนี้ไปแนะนำในงาน MIPTV ที่เมืองคานส์ เมื่อเดือนเมษายน 2553 ที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการตอบรับจากตัวแทนจำหน่ายการ์ตูนทีวีซีรี่ส์ระดับโลกที่แสดงความสนใจเป็นตัวแทนจำหน่ายอย่างมากมาย ทำให้มั่นใจได้ว่า “เบิร์ดแลนด์...แดนมหัศจรรย์” จะเป็นแอนิเมชั่นระดับ World Class ที่เข้าถึงคนทุกชาติทุกภาษาและเป็นที่ชื่นชอบของคนทุกคน

“ในแอนิเมชั่นเรื่องนี้จะเห็นได้ว่าตัวละครแต่ละตัวมาจากแต่ละภูมิภาค แต่ละทวีปทั่วโลก เราจะเห็นทั้งเด็กเอเชีย ยุโรป อเมริกา และแอฟริกา ที่จะมาทำให้เด็กๆทั่วโลกดูแล้วเข้าใจ และรู้สึกตอบสนองได้ทั้งตลาดในประเทศและตลาดต่างประเทศ และเรายังได้วางให้ตัวละครมีความสามารถพิเศษไม่เพียงแต่ทางด้านดนตรีเท่านั้น แต่ยังมีความเชี่ยวชาญทางวิชาการคนละด้าน เพื่อเตรียมขยายไปสู่เอ็ดดูเทนเม้นท์ที่เป็นความรู้ด้วย” ดร.จิรยุทธ ชุษณะโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เชลล์ฮัท เอ็นเทอร์เทนเม้นท์ จำกัด อธิบายแผนสร้างตัวละครเบิร์ด-ธงไชย

นอกจากนี้ เชลล์ฮัท ยังมีแผนการตลาดเบิร์ด แอนนิเมชันในช่วง 6 เดือนก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ มีทั้งการออนแอร์ผ่านสื่อทีวีในประเทศแล้ว ยังมีแผนที่จะขายลิขสิทธิ์การแพร่ภาพให้แก่สถานีโทรทัศน์ชั้นนำจากต่างประเทศทั่วโลก คาดว่ารายได้จากการขายลิขสิทธิ์ “เบิร์ดแลนด์...แดนมหัศจรรย์” ทั้งในรูปแบบของการแพร่ภาพ, สินค้าเมอร์ชั่นไดซ์ และตลาดโฮมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ในต่างประเทศ คิดเป็นสัดส่วนรวมกันประมาณ 60% ขณะที่รายได้จากกลุ่มประเทศในแถบเอเชียรวมทั้งประเทศไทย 40% โดยช่วง 3 ปีแรกนับจากการออกอากาศทั่วโลก จะมีรายได้รวมประมาณ 200 ล้านบาท

สปอนเซอร์ มาเก็ตติ้ง
กลยุทธ์ร่วมปั้นแบรนด์เบิร์ดๆ

นอกจากนี้ การมุ่งสร้างแบรนด์แอนนิเมชั่น เบิร์ด สู่ World Class แล้ว ค่ายจีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ยังได้ทำการตลาดโปรดักส์ตัวนี้ตั้งแต่ต้นน้ำด้วยการร่วมกับ 4 พันธมิตรของบิ๊กแบรนด์ โดย 2 ใน 4 ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการได้แก่ ไทยประกันชีวิต และ น้ำดื่มช้าง ของค่าย ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)โดยทั้งสองค่ายจะเป็นผู้สนับสนุนเงินทุนส่วนหนึ่งและมีการทำการตลาดผ่านโปรดักส์ต่างๆของเบิร์ด แอนนิเมชั่นทางครบเครื่อง

ทั้งนี้ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ มารุต บูรณะเศรษฐกุล บอกถึงเหตุผลที่เข้ามาร่วมพันธมิตรครั้งนี้ว่า เนื่องจากสอดคล้องกับแนวทางส่งเสริมความสามารถและให้โอกาสของเยาวชนรอบด้าน ทั้งศึกษา กีฬา ศิลปวัฒนธรรม สังคม ตลอดจนดนตรี ผ่านโครงการไทยเบฟไทยทาเล้นท์ อีกทั้งยังเป็นสร้างการรับรู้ศักยภาพของคนไทยที่สามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ดีออกไปสู่เวทีระดับโลกได้ ตามแนวคิดของผลิตภัณฑ์ที่ว่า “จุดเริ่มต้นใหม่ เกิดขึ้นได้ทุกวัน”

ขณะที่ไทยประกันชีวิตเอง มองว่า เนื้อหาของเบิร์ด แลนด์ เน้นเชิงสร้างสรรค์ที่พูดถึงความฝันและการก้าวเดินตามความฝันของคนรุ่นใหม่ รวมถึงการใช้ดนตรีเป็นสื่อกลางในการเชื่อมโยงความรักระหว่างเพื่อน และคนในสังคม ซึ่งไทยประกันชีวิตเองก็มุ่งเน้นการส่งเสริมให้เกิดความรัก ความห่วงใยซึ่งกันและกัน อันเป็นพื้นฐานของการประกันชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความรักในครอบครัว ความรักเพื่อน หรือความรักต่อคนในสังคม

“ทั้ง 2 แบรนด์ มีกลุ่มเป้าหมายทุกเพศ ทุกวัย ที่สำคัญที่สามารถไปด้วยกันกับแบรนด์เบิร์ดอยู่แล้ว อีกทั้งเบิร์ดแลนด์สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทุกเพศทุกวัย แม้ว่า ตัวแอนนิเมชั่น จะเป็นโปรดักส์ของกลุ่มเด็กก็ตาม แต่ด้วยความเป็นซูเปอร์สตาร์มานานกว่า 20ปีทำให้มีฐานคนดูครอบคลุมทั้งกลุ่มได้อย่างลงตัว”


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.