ยานยนต์โตกระโดดยอดผลิตพุ่ง ผู้ผลิตชิ้นส่วนแห่ทุ่มลงทุนหลายหมื่นล้าน


ASTV ผู้จัดการรายวัน(8 ตุลาคม 2553)



กลับสู่หน้าหลัก

สถาบันยานยนต์มองข้ามช็อต! ยอดการผลิตรถในไทยพุ่งสู่ 3 ล้านคัน เมินตัวเลข 2 ล้านคันถือเป็นของตาย เตรียมนำโครงการสนามทดสอบมาปัดฝุ่นใหม่อีกครั้ง ขณะที่ผู้ผลิตชิ้นส่วนรถ ยาง และแบตเตอรี่ในไทย แห่ทุ่มลงทุนหลายหมื่นล้านบาท สร้างและขยายโรงงานใหม่ พัฒนาเทคโนโลยี และเพิ่มประสิทธิภาพาการผลิต รองรับฐานการผลิตรถในไทยที่ขยายตัวแบบสุดๆ

นายวัลลภ เตียศิริ ผู้อำนวยการสถาบันยานยนต์ เปิดเผยว่า แม้จะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา แต่การผลักดันอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้ยั่งยืน ตามแผนยุทธศาสตร์ยานยนต์ของไทยระยะ 2 ช่วงเวลาปี 2550-2554 เป็นไปตามแผนทุกอย่าง โดยมีบริษัทรถขอรับส่งเสริมการลงทุนอีโคคาร์ 5 ราย โครงการผลิตรถคอมแพ็กต์คาร์ของฟอร์ด และยังมีรถซับคอมแพ็กต์ของมาสด้าและฟอร์ดอีก รวมยอดการผลิตโครงการใหม่เหล่านี้ร่วม 9 แสนคัน

“ปีนี้คาดว่ายอดการผลิตจะอยู่ที่ประมาณ 1.6 ล้านคัน และปีหน้า 1.8 ล้านคัน เมื่อรวมกับยอดผลิตตามแผนของโครงการใหม่อีก 9 แสนคัน ที่จะเดินกำลังการผลิตเต็มที่ในช่วง 5-7 ปีข้างหน้า จะส่งผลให้อุตสาหกรรมรถยนต์ไทยมีกำลังการผลิต 2.5-3 ล้านคันต่อปี หากไม่เกิดวิกฤตร้ายแรงมาส่งผลกระทบอีก ทำให้ตอนนี้เรามองข้ามตัวเลขการผลิตรถ 2 ล้านคัน ที่ไทยต้องการผลักดันให้สำเร็จไปได้เลย”

ส่วนสิ่งที่จะต้องดำเนินการต่อไป นายวัลลภกล่าวว่า เป็นศูนย์ทดสอบรถยนต์ครบวงจร ซึ่งมาเลเซียมีการผลิตแค่ปีละ 4 แสนคันต่อปี แต่มีศูนย์ทดสอบรถครบวงจรไปแล้ว ขณะที่ในไทยแม้จะพูดเรื่องนี้มาหลายปี ยังไม่สามารถผลักดันให้เกิดได้ ซึ่งเรื่องนี้ล่าสุดได้ผ่านคณะกรรมการอุตสาหกรรมแห่งชาติแล้ว และในการประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลกลางเดือนนี้ จะมี 2 โครงการที่เสนอไป คือ เรื่องพัฒนาบุคคลากร และศูนย์ทดสอบ วงเงินเฟสแรกไม่นับสนามทดสอบประมาณ 1,500-1,800 ล้านบาท ซึ่งตามแผนจะใช้วิธีขยายศูนย์ทดสอบที่บางปูออกไปอีก ส่วนสนามทดสอบยังติดปัญหาเรื่องรัฐหรือเอกชนจะเป็นฝ่ายลงทุนอยู่เช่นเดิม

**ชิ้นส่วนรถลงทุน-เพิ่มประสิทธิภาพผลิต**

ขณะที่ทางผู้ผลิตชิ้นส่วนมีรายงานจาก บริษัท ซัมมิท ซัมมิท โอโต บอดี้ อินดัสตรี จำกัด (SAB) บริษัทในเครือซัมมิท กรุ๊ป กลุ่มผู้ผลิตและจำหน่ายชิ้นส่วนยานยนต์รายใหญ่ของไทยระบุว่า ยอดการผลิตรถของไทยในปี 2555 จะมีไม่ต่ำกว่า 2 ล้านคัน เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้น และบริษัทยังมีการผลิตรถยนต์โมเดลใหม่ๆ ครอบคลุมทุกเซกเม้นท์หลักตลาดรถ ทำให้ซัมมิทฯ เตรียมงบลงทุนในการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ พัฒนาเทคโนโลยี และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เพื่อรองรับในช่วงระยะเวลา 2 ปีนี้ อยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท

นายสมพงษ์ ผลิตโชค กรรมการผู้จัดการใหม่ บริษัท ไทยรุ่งยูเนียนคาร์ จำกัด(มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เตรียมงบลงทุนในช่วงปี 2553-2554 ไว้ที่ประมาณ 600 ล้านบาท สำหรับใช้ในการขยายโรงงานผลิตชิ้นส่วนที่จังหวัดระยอง เป็นจำนวนเงิน 400 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตได้อีก 60-70% และอีกประมาณ 100-200 ล้านบาท ใช้ในการขยายห้องพ่นสี และผลิตแม่พิมพ์ เพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยในอนาคต

นอกจากนี้ยังมีรายงานจากสมาคมผู้ผลิตชิ้นส่วนในไทยว่า ปัจจุบันมีแรงงานบางส่วนประมาณ 15% จากที่ถูกปลดออกไป 40% ในช่วงเกิดวิกฤตเศรษฐกิจเมื่อปี 2551 ยังไม่กลับเข้ามาทำงานเหมือนเดิม ขณะที่ตลาดรถมีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดปัญหาขาดแรงงานในอุตสาหกรรมยานยนต์ สมาชิกบางส่วนจึงแก้ไขด้วยการนำเข้าเครื่องจักร หรือโรบอตมาทดแทนแรงงานคนที่หายไป และจากการแลกเปลี่ยนข้อมูล ขณะนี้มีการจัดซื้อเครื่องจักรไม่ต่ำกว่า 400-500 ชุด และคาดว่าปีนี้จะมีการลงทุนของสมาชิกไม่น้อยกว่า 5,000 - 10,000 ล้านบาท

**ยาง-แบตเตอรี่แห่ลงทุนรับอุตฯรถเติบโต

ทั้งนี้มีรายงานข่าวจากบริษัท บริดจสโตน คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ได้ประกาศแผนเพิ่มการลงทุนโรงงานในประเทศไทย ที่โรงงานบริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด อำเภอหนองแค จังหวัดสระบุรี มูลค่าลงทุน 2.13 หมื่นล้านเยน หรือประมาณ 7,900 ล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตยางเรเดียล สำหรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ปิกอัพ และรถตู้ เพิ่มขึ้นอีกเป็นวันละ 1.35 หมื่นเส้น ซึ่งจะทำให้เมื่อถึงปลายปี 2557 ที่การผลิตทำได้เต็มที่ จะมีการผลิตจากโรงงานหนองแค รวมวันละ 5 หมื่นเส้น ซึ่งจะเป็นฐานการผลิตเรเดียลรถยนต์นั่งที่สุดที่สุดในกลุ่มบริดจสโตน

เช่นเดียวกับกลุ่มผู้ผลิตแบตเตอรี่รถยนต์ เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการประกาศลงทุนอย่างคึกคัก โดยค่ายแบตเตอรี่รายใหญ่ “ยีเอส”(GS) ได้ประกาศลงทุน 450 ล้านบาท ก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ เพื่อรองรับการขยายตัวของรถยนต์นั่งขนาดเล็ก รวมถึงพัฒนาแบตเตอรี่ชนิดใหม่สำหรับอีโคคาร์ และผลจากการลงทุนครั้งนี้จะผลักดันให้ยีเอสแบตเตอรี่ในไทยมีกำลังการผลิตเพิ่มเป็น 6 ล้านลูกต่อปี เมื่อเริ่มการผลิตเต็มที่ในปี 2554 ซึ่งจะเป็นผู้ผลิตอันดับหนึ่งในภูมิภาคอาเซียนของกลุ่มยีเอสแบเตอรี่

ทางด้านค่ายแบตเตอรี่ยี่ห้อ “เอฟบี”(FB) ได้เปิดเผยว่า เตรียมแผนธุรกิจในอนาคต ด้วยการลงทุนประมาณ 80-90 ล้านบาท เพื่อเปิดไลน์รถยนต์เพิ่มอีก 1 ไลน์ ภายใน 2-3 ปีจากนี้ เนื่องจากตลาดรถยนต์นั่งกลุ่มซับคอมแพ็กต์กำลังโตอย่างมาก

ส่วนผู้ผลิตแบตเตอรี่สัญชาติไทย “3K แบตเตอรี่” ได้มีการทุ่มงบก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่มูลค่า 600 ล้านบาท ด้วยการนำเข้าเครื่องจักรมาจากประเทศอิตาลี่ เพื่อผลิตแบตเตอรี่รุ่น 3K V-SERIES แบตเตอรี่ชนิด Sealed Maintenance Free (SMF) ซึ่งเป็นแบบฝาที่ปิดสนิท 100% ไม่มีช่องให้เติมน้ำกลั่น


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.