|
เวียดนามอาจย้ายจุดก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์
โดย
เจษฎี ศิริพิพัฒน์
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา( ตุลาคม 2553)
กลับสู่หน้าหลัก
โรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งที่ 2 ของเวียดนาม อาจถูกย้ายสถานที่ก่อสร้างเพื่อหลีกทางให้กับการพัฒนาการท่องเที่ยว ขณะที่หลายประเทศกำลังแย่งชิงเค้กกอนโตในประเทศนี้ ตามแผนก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ให้ได้ 10 แห่ง ภายในปี 2573
BBC ภาคภาษาเวียดนาม รายงาน เมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมาว่า จังหวัด นิญเถวิ่นเพิ่งเสนอรัฐบาลให้ย้ายที่ตั้งจุดก่อสร้างโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งที่ 2 ในจังหวัดนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้ก่อให้เกิดความกังวลว่าโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าจะล่าช้า
หนังสือพิมพ์เวียดนาม นำเสนอข่าวว่าแกนนำจังหวัดนิญเถวิ่น ส่งหนังสือด่วนเสนอให้ปรับปรุงทำเลโรงงานไปทางทิศใต้แทนที่ทางทิศเหนือของจังหวัด เหมือนในแผนผังปัจจุบันตามที่รัฐสภาอนุมัติ
ดังนั้นโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ทั้ง 2 แห่งในอนาคตจะตั้งอยู่ทางทิศใต้จังหวัดนิญเถวิ่น
เหตุผลเป็นเพราะถ้าตั้งอยู่ที่เดิมตาม แผนผัง ก็ยากที่จะพัฒนาการท่องเที่ยวทางทิศเหนือนิญเถวิ่น
แกนนำจังหวัดนี้กล่าวว่ากองทุนที่ดินทิศเหนือจังหวัดได้ “สงวนไว้เพื่อเชิญชวนให้ลงทุนพัฒนาด้านการท่องเที่ยว”
ตามแผนผังที่ได้รับอนุมัติ โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์หมายเลข 1 จะตั้งอยู่ที่ตำบลเฟือกยิญ อำเภอเถวิ่นนาม อยู่ทางทิศใต้ และโรงงานหมายเลข 2 จะตั้งอยู่ที่ตำบลหวิญหาย อำเภอเถวิ่นบั๊ก ทางทิศเหนือจังหวัด
โรงงานหมายเลข 1 ประกอบด้วยเครื่องจักร 2 ชุดมีกำลังผลิตไฟฟ้า 2,000 เมกะวัตต์ จะก่อสร้างในปี 2557 จนแล้วเสร็จในปี 2563
หนังสือด่วนของจังหวัดนิญเถวิ่นเขียนว่า ทั้ง 2 โรงงานสามารถตั้งอยู่ด้วยกันในสถานที่เดียวกัน เนื่องจากที่ดินยังเหลือกว้าง ประชาชนอาศัยอยู่น้อย เหมาะสมเพื่อการก่อสร้าง
ปัจจุบันกระทรวงอุตสาหกรรมการค้าเวียดนาม กำลังพิจารณาคำขอของแกนนำจังหวัดนิญเถวิ่น เพื่อรายงานรัฐบาลต่อไป
อย่างไรก็ดี วงการผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่าการปรับปรุงทำเลเวลานี้จะก่อให้เกิดความล่าช้าที่สุดให้กับโครงการ
รัฐสภาได้อนุมัติแผนผังก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าครั้งแรกของเวียดนามตั้งแต่ปีที่แล้ว และกำลังดำเนินการเคลื่อนย้ายประชาชน
กลุ่ม Rosatom ของรัฐบาลรัสเซียได้รับเลือกเพื่อให้ก่อสร้างโรงงานแห่งแรก
ก่อนหน้านี้ ประธานประเทศเวียดนาม เหงียน มิญ เตรี๊ยต เพิ่งมีการพบ แกนนำกลุ่มพลังงาน Rosatom ของรัสเซีย ที่จังหวัดนิญเถวิ่น
หนังสือพิมพ์ภายในประเทศ รายงานว่าการพบระหว่างประธานเหงียน มิญ เตรี๊ยต และ Sergei Kirienko ประธาน Rosatom มีขึ้นเมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา
Kirienko กล่าวว่า Rosatom จะ “ร่วมกับนักวิทยาศาสตร์เวียดนามก่อตั้งศูนย์ฝึกอบรมบำรุงความรู้เจ้าหน้าที่ ผู้เชี่ยวชาญ วิศวกร ให้กับโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์”
สองฝ่ายก็จะก่อตั้งสถาบันวิจัยเกี่ยวกับพลังงานนิวเคลียร์ ฝ่ายรัสเซียยืนยันจะพยายามร่วมมือ “เพื่อก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ ทันสมัยที่สุดและปลอดภัยที่สุด”
ทางฝ่ายเหงียน มิญ เตรี๊ยต ประธานประเทศเวียดนาม กล่าวว่า เขาหวังว่า “ผู้เชี่ยวชาญรัสเซียจะช่วยเหลือเวียดนามเกี่ยวกับทุนและเทคนิค ที่เป็นพิเศษคือการฝึกอบรมแหล่งกำลังคน การแนะนำ และการถ่ายทอดเทคโนโลยี”
โรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์นิญ เถวิ่นจะเริ่มก่อสร้างในปี 2557 และเดินเครื่องในปี 2563 ด้วยทุนที่ไม่เปิดเผย แต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญประเมินคร่าวๆ ว่าประมาณ 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
บริษัทลูกของ Rosatom คือ Atomstroyexport จะรับผิดชอบกระบวนการก่อสร้างโรงงาน และอีกบริษัทหนึ่งคือ Rosenergoatom จะรับผิดชอบฝึกอบรมพนักงาน และช่วยเหลือทางเทคนิคขณะโรงงานเดินเครื่อง
เวียดนามมีความปรารถนาพัฒนาเทคโนโลยีไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ประกอบ ด้วย 10 โรงงานตั้งอยู่หลายแหล่งในทั่วประเทศ
นอกจากรัสเซียแล้ว สหรัฐฯ ฝรั่งเศส และญี่ปุ่น ก็ได้แสดงความสนใจเข้ามามีส่วน ร่วมในโครงการที่มีมูลค่าสูงมากเหล่านี้
ความต้องการพลังงานของเวียดนาม เพิ่มขึ้นประมาณ 16% ต่อปี ตั้งแต่เวลานี้ถึงปี 2558 จึงเรียกร้องให้เพิ่มแหล่งพลังงาน ใหม่มากขึ้น
ฮานอยได้ลงนามตกลงร่วมมือพลังงานนิวเคลียร์กับรัสเซีย จีน ฝรั่งเศส เกาหลีใต้ อินเดีย และอาร์เจนตินา
เดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว รัฐสภาเวียดนามอนุมัติโครงการสร้างโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ 2 แห่งแรกของเวียดนามที่ จังหวัดนิญเถวิ่น โดยมีกลุ่ม Rosatom จากรัสเซียเป็นผู้ดำเนินการ
ในเวลาใกล้เคียงกับที่ประธานประเทศเวียดนามได้พบกับตัวแทนของ Rosatom ผู้แทนญี่ปุ่นคณะหนึ่งก็กำลังอยู่ที่นครฮานอยเพื่อรณรงค์รัฐบาลเวียดนามอนุญาตให้ความร่วมมือในโครงการก่อสร้าง โรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์
หนังสือพิมพ์ญี่ปุ่น Yomiuri รายงาน เมื่อปลายเดือนสิงหาคมว่า ผู้แทนคณะนี้มีตัวแทนของทั้งรัฐบาลและวงการธุรกิจญี่ปุ่น ประกอบด้วยแกนนำระดับสูงจากหลายบริษัทไฟฟ้ากำลังชั้นนำของญี่ปุ่น นำโดยรัฐมนตรีเศรษฐกิจ-การค้า-อุตสาหกรรม Masayuki Naoshima
หนังสือพิมพ์ฉบับนี้กล่าวว่าการปรากฏตัวของคณะผู้แทนชุดนี้แสดงถึงความสนใจอย่างยิ่งของญี่ปุ่นถึงการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ในเวียดนาม
บรรดาผู้แทนชี้แจงกับฝ่ายเวียดนาม โดยไม่เพียงเสนอแผนการก่อสร้างและเดินเครื่องโรงงานไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ แต่ยังรวมทั้งแผนการช่วยเหลือด้านการเงินและการพัฒนากำลังคนควบคู่ไปกับโครงการต่างๆ
Naoshima และตัวแทนทั้งหลายได้มีการพบกับบรรดาเจ้าหน้าที่เวียดนาม ตั้งแต่ระดับนายกรัฐมนตรีเหงียน เติ๊น หยุง รวมถึงแกนนำคนอื่นๆ
Naoshima กล่าวว่า “พวกผมได้ส่งสัญญาณหนักแน่นถึงฝ่ายเวียดนาม ผมคิดว่าฝ่ายเวียดนามเข้าใจความปรารถนาของพวกผม”
การแข่งขันชิงการเป็นผู้ดำเนินการโครงการไฟฟ้านิวเคลียร์ในเวียดนาม กำลังเป็นความเร่งด่วนของรัฐบาล Naoto Kan
บรรดาบริษัทและกลุ่มในคณะครั้งนี้ มีบริษัท Tokyo Electric Power, Chubu Electric Power, Kansai Electric Power, tap doan Hitachi, Mitsubishi Heavy Industries และกลุ่ม Toshiba
บริษัทเหล่านี้สามารถรับหน้าที่ทั้งขั้นตอนก่อสร้างพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์ในเวียดนาม ตั้งแต่การก่อสร้างโรงงานถึงการซ่อมบำรุง
ดูเหมือนความพยายามรณรงค์ของคณะญี่ปุ่นได้ผล
ในการพบปะกับ Naoshima นายก รัฐมนตรีเวียดนาม เหงียน เติ๊น หยุง กล่าวว่า “เวียดนามสรรเสริญความร่วมมือช่วยเหลือ และความปลอดภัยของเทคโนโลยีญี่ปุ่นในขอบเขตไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์”
หยุงยังแสดงความหวังว่า สองประเทศจะ “ถกแถลงโดยเร็วเพื่อก้าวสู่การลงนามข้อตกลงเกี่ยวกับการพัฒนาการใช้พลังงานนิวเคลียร์เพื่อวัตถุประสงค์ทางสันติ”
การที่เวียดนามและญี่ปุ่นยังไม่ลงนามข้อตกลงนี้ เป็นการขัดขวางที่สำคัญให้กับความร่วมมือในการถ่ายทอดเทคโนโลยีและอุปกรณ์ไฟฟ้านิวเคลียร์ระหว่างสองฝ่าย
บรรดาชาติที่กำลังเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้เช่น รัสเซีย ฝรั่งเศส และเกาหลีใต้ ต่างก็ได้ลงนามข้อตกลงที่คล้ายคลึงกันกับรัฐบาลเวียดนามไปแล้ว
ฝ่ายญี่ปุ่นต้องการเริ่มต้นเจรจาข้อตกลงตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่ยังไม่ได้รับการตกลงใดๆ จากฝ่ายเวียดนาม
บรรดาธุรกิจญี่ปุ่นก็ให้ความเห็นว่า การที่คณะแกนนำพรรคคอมมิวนิสต์จะมีการเปลี่ยนแปลงในต้นปีหน้า อาจทำให้การพิจารณาต่างๆ และการตัดสินใจเกี่ยวกับการประกอบการล่าช้าตามมา
เวียดนามกำลังมีแผนการก่อสร้างเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 4 แห่งก่อนปี 2557
สัญญาก่อสร้างเตา 2 แห่งแรกไปอยู่ ในมือรัสเซีย ภายหลังการเยือนมอสโกของนายกรัฐมนตรีเวียดนามเมื่อปลายปีที่แล้ว
อย่างไรก็ดี ฮานอยอยากมีเตาปฏิกรณ์เพิ่มอีก 10 แห่งก่อนปี 2573
เจ้าหน้าที่คนหนึ่งในคณะญี่ปุ่นกล่าวว่า ญี่ปุ่นไม่อาจปล่อยให้สูญเสียบรรดาสัญญาก่อสร้างโรงงานไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ในเอเชีย ซึ่งรวมถึงในเวียดนาม
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|