|
'มินนาโน๊ะ'... ร้านสารพัดสินค้าเกาหลี-ญี่ปุ่น
ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์(25 กันยายน 2553)
กลับสู่หน้าหลัก
ความเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้าจากประเทศญี่ปุ่น เกาหลี ที่นำเข้ามาผ่านรูปแบบหรือคอนเซ็ปต์ร้านสารพัดอย่าที่จำหน่ายในราคาเดียวกันทั้งร้าน และที่มีชื่อเสียงมากที่สุดและเป็นที่รู้จักดีของบริโภคชาวไทยอย่าง ไดโซะ เนะโอ๊ะ
ทำให้ปัจจุบันได้เกิดธุรกิจในรูปแบบเดียวกันจำนวนมากกระจายตามห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ต่างๆ ทั้งในรูปแบบเชนและเจ้าของคนเดียว
“มินนาโน๊ะ” น้องใหม่ในวงการที่ดำเนินธุรกิจในคอนเซ็ปต์ตามที่กล่าวมาข้างต้น แต่มีความแตกต่างกันที่ราคาสินค้าในร้านเริ่มต้น 60-199 บาท และเป็นสินค้านำเข้าจากประเทศญี่ปุ่นและเกาหลี 80% อีก 20% เป็นสินค้าโอทอปในประเทศไทย
สำหรับสินค้ามีด้วยกัน 12 หมวด 5,000รายการ เช่น สุขภาพและความงาม ขนมขบเคี้ยว เครื่องใช้ภายในร้าน สินค้าตกแต่งบ้าน อุปกรณ์เครื่องเขียน เครื่องใช้ในครัวเรือน เครื่องมือต่างๆ อุปกรณ์ทำสวน เป็นต้น
โดยการกระจายสาขาของมินนาโน๊ะ เป็นการขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์ แต่ยืดหยุ่นด้วยการไม่เก็บค่าฟีต่างๆ แต่ให้โนว์ฮาวด้านการบริหารร้าน ทั้งการจัดวางสินค้า การตกแต่งและการทำบัญชี
สำหรับการลงทุนนั้นที่เรียกว่าค่าสมาชิกตลอดชีพ 20,000 บาท จะได้ส่วนลดสินค้า 30% สั่งซื้อได้ไม่ระบุจำนวนขั้นต่ำ แต่หากไม่เป็นสมาชิกจะต้องสั่งซื้อสินค้าขั้นต่ำ 50,000 บาท ถึงได้รับส่วนลด 30% เช่นเดียวกัน
ธนาวีรินทร์ พรชัยธนบดี เจ้าหน้าที่ฝ่ายพัฒนาธุรกิจและการตลาดธุรกิจมินนาโน๊ะ ให้ข้อมูลว่า ได้เล็งเห็นโอกาสของธุรกิจที่ได้รับการตอบรับจากตลาดคนไทย และธุรกิจหลักของบริษัทคือการนำเข้าสินค้าตกแต่งบ้านจากต่างประเทศเข้ามาจำหน่าย จึงแตกไลน์ธุรกิจสู่ร้านสารพัดสินค้าภายใต้ชื่อร้านมินนาโน๊ะ
ปัจจุบันมีร้าน 5 สาขา แบ่งเป็นร้านบริษัท 3 สาขาได้แก่ เอ๊าเลท เขาใหญ่ พาราไดร์ พาร์ค (โซนไอที) สุขุมวิท 23 (สำนักงานใหญ่) และอีก 2 สาขาเป็นของแฟรนไชซี ได้แก่ สาขาจังหวัดลำปางและลพบุรี
สำหรับแผนการขยายสาขานั้น เนื่องจากบริษัทเป็นพันธมิตรทำเลกับพรีเมี่ยม เอ๊าเลท ทำให้จะขยายสาขาในอนาคตควบคู่กับกับพรีเมี่ยมมเอ๊าเลท ซึ่งปัจจุบันที่มีสาขาแล้วและเตรียมที่จะเปิดร้ามินนาโน๊ะ ได้แก่ เอ๊าเลทวิลเลจหัวหินและอุดรธานี
ธนาวีรินทร์ บอกว่า หากมองถึงการสร้างรายได้ของการจำหน่ายสินค้า เธอ บอกว่า มาร์จิ้นต่อชิ้นเฉลี่ย 30-40% ราคาสินค้าในร้านเฉลี่ยเริ่มต้น 60-199 บาท และมีสินค้าที่ต่ำกว่าราคา 60 บาทมากถึง 30% ซึ่งเป็นจุดแข็งของร้านที่มีราคาต่ำกว่าร้านที่มีคอนเซ็ปต์เดียวกัน
สำหรับขนาดพื้นที่สำหรับเปิดร้านขั้นต่ำ 70 -90ตารางเมตรและควรมีสินค้าครบทั้ง 12 หมวดเพื่อให้สินค้าภายในร้านมีความหลากหลาย ประมาณการสั่งสินค้าสำหรับพื้นที่ขนาดดังกล่าวอยู่ที่ 300,000 บาท เฉลี่ยการสร้างรายได้ของสาขาที่เปิดดำเนินการแล้ว ธนาวีรินทร์ บอกทำเลเป็นจุดหลักสำคัญ โดยยกตัวอย่างร้านสาขาของบริษัทที่สุขุทวิท 23 มียอดขายเฉลี่ย 20,000-30,000 บาทต่อวัน หรือสาขาแฟรนไชซีที่จังหวัดลำปางสถานที่ตั้งใกล้กับสถานีรถไฟมียอดขายเฉลี่ยต่อวันประมาณ 20,000 บาทเช่นกัน แต่อย่างไรก็ตามมูลค่าการลงทุนและขนาดพื้นที่หากสามารถสร้างรายได้ต่อวันเฉลี่ย 5,000-6,000 บาทจะสามาถคืนทุนได้เร็ว
ทั้งนี้ ในทำเลที่แตกต่างผู้ลงทุนสามารถตั้งราคาที่แตกต่างจากร้านในทำเลอื่นๆ ภายใต้แบรนด์มินนาโน๊ะ หรือสามารถขายได้ในราคาที่สูงขึ้นประมาณ 20-30 บาทต่อชิ้นทั้งนี้พิจารณาจากทำเลที่ตั้ง กลุ่มลูกค้า และต้นทุนค่าเช่าสถานที่เป็นต้น
ปัจจุบันได้รับความสนใจจากลูกค้าติดต่อเข้ามาโดยเฉพาะผู้สนใจลงทุนในตลาดต่างจังหวัด คาดจะขยายสาขาในปี 2554 อีกประมาณ 5-10 สาขา โดยมีเป้าหมายในระยะยาวคาดจะเปิดร้านมินนาโน๊ะ 1 จังหวัด 1 สาขา
อัพเดดล่าสุด 9/20/2010 4:01:42 PM โดย Chaotip Kleekhaew
หมายเหตุ เส้นแบ่งข่าว หมายถึง ข่าวถูกแบ่งเป็นหน้า ๆ
keyword :
Close
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|