|
แลนด์ฯปรับกลยุทธ์สู้ศึก ส่งคอนโดระดับกลางดันยอด
ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์(25 กันยายน 2553)
กลับสู่หน้าหลัก
อดีตพี่ใหญ่ แลนด์ แอนด์ เฮาส์ ปรับแผนการตลาด ลุยตลาดระดับกลาง-ล่าง ปั้น3 แบรนด์ใหม่ “INIZIO- THE KEY - โอกาส”คลุมทุกเซ็กเมนต์ พร้อมลงทุนเพิ่มอีก 19 โครงการ
เสียแชมป์เบอร์1 ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ให้กับพฤกษา เรียลเอสเตท ที่เดินหน้าปั้นยอดขายแซงหน้าไปแบบไม่เห็นฝุ่น ทำให้อดีตพี่ใหญ่แห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ อย่างแลนด์ แอนด์ เฮาส์ ถึงกลับต้องเร่งปรับกลยุทธ์ สร้างยอดขายและศักยภาพของบริษัทให้แข่งแกร่งมากยิ่งขึ้น เพระหากยังอืดอาดอยู่เช่นนี้ ไม่ช้าอาจถูกค่ายอื่นๆไม่ว่าจะเป็นศุภาลัย, แสนสิริ, แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเม้นท์ ฯลฯที่ต่างโหมลงทุนและเร่งบุกตลาดหนักจนสามารถปั้นยอดขายไล่จี้ติดมากขึ้นเรื่อย ๆแซงหน้าไปอีกได้
งานแรกที่แลนด์ฯดำเนินการ คือ การปรับกลยุทธ์ธุรกิจใหม่ทั้งแนวราบและแนวสูง รวมถึงปรับภาพลักษณ์สินค้าใหม่ ทั้งดีไซน์บ้านใหม่ให้ตรงใจกลุ่มลูกค้ามากที่สุดโดยการปรับดีไซน์บ้านแบบใหม่ เป็น I* MODERN ที่ดูสวยงามและทันสมัยมากขึ้น แต่ยังคงเน้นคุณภาพและประโยชน์การใช้สอยซึ่งเป็นจุดแข็งที่ลูกค้าให้การยอมรับอยู่
โดยล่าสุดแลนด์ฯเปิดตัวแบรนด์ใหม่อย่างเป็นทางการรวดเดียว 3 แบรนด์ ซึ่งมีทั้งแนวสูง-แนวราบ เพื่อครอบคลุมทุกตลาด นพร สุนทรจิตต์เจริญ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH กล่าวว่า จากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ซื้อที่อยู่อาศัยที่มีอายุน้อยลงที่ 28-30 ปี จากเดิมที่ 32-38 ปี รวมถึงฐานลูกค้าส่วนใหญ่ของตลาดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อยู่ในระดับกลาง- ล่าง คือระดับราคาต่ำกว่า 3 ล้านบาท ดังนั้น เพื่อขยายตลาดให้กว้างขึ้นและสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า แลนด์ฯได้เปิดตัวแบรนด์ใหม่สำหรับรองรับลูกค้าระดับกลาง-ล่าง ที่มีกำลังซื้อไม่เกิน2.5ล้านบาท
การลงมาเล่นตลาดกลาง-ล่างของแลนด์ฯ นพร บอกว่า ตลาดมีช่องว่างให้เข้าไปพัฒนาอีกทั้งจากการสำรวจความต้องการของฐานลูกค้าของแลนด์ฯต้องการที่อยู่อาศัยระดับราคาที่ไม่แพง ส่วนการลงมาล่นตลาดราคา1.5ล้านบาท เพื่อหวังทวงคืนเบอร์1 นั้นคงไม่ใช่ เพราะแลนด์ฯไม่ได้แข่งกับใคร อีกทั้งกลุ่มลูกค้าคนละกลุ่ม
โดยแบรนด์แรกที่จะเปิดไตรมาส4 คือ 1. INIZIO บ้านเดี่ยว สำหรับครอบครัวเริ่มต้น เป็นคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการมีบ้านเป็นของตนเองในระดับราคา 2.5 ล้านบาทขึ้นไป โดยโครงการตั้งอยู่รังสิต คลอง 3 บนพื้นที่ 93 ไร่ จำนวน 482 แปลง ขนาดพื้นที่ใช้สอย 50 ตร.วาขึ้นไป มูลค่าโครงการ 700-800 ล้าน โดยแบรนด์INIZIOบริษัทวางแผนจะพัฒนาปีละ3 โครงการตามชานเมือง 2. THE KEY คอนโดมิเนียม ราคาเริ่มต้นที่1.5 - 2 ล้านบาท โดยกลุ่มเป้าหมายจะอยู่ระดับเดียวกับINIZIO ที่ต้องการความสะดวกสบายในการเดินทาง ใกล้แหล่งงาน โดยกระจายอยู่ใน 3 ทำเล คือ แจ้งวัฒนะ บนพื้นที่ 6 ไร่ สูง 21 ชั้น 2 อาคาร ขนาด 30-62 ตร.ม. จำนวน 988 ยูนิต , ทำเลพหลโยธิน พื้นที่ 6 ไร่ สูง 8 ชั้น 4 อาคาร ขนาด 33-66 ตร.ม. จำนวน 505 ยูนิต และประชาชื่น พื้นที่ 4 ไร่ สูง 12 ชั้น 2 อาคาร ขนาด 31-62.5 ตร.ม. จำนวน306 ยูนิต รวม 3 โครงการมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท โดยทั้ง 3 โครงการ บริษัทใช้สถาปนิกออกคนละราย เพื่อให้แบบมีความโดดเด่นไม่ไม่ซ้ำกัน ซึ่งจากการสำรวจความต้องการของลูกค้าพบว่า90% ต้องการขนาดห้อง32-35 ตรม. และ 3. แบรนด์ โอกาส คอนโดมิเนียมไล่ระดับ ตั้งแต่ 3 ชั้นไปจนถึง7ชั้น โดยแต่ละชั้นจะมี3ยูนิตต่อชั้น เพื่อให้ดูโปร่งโล่ง โดยโครงการตั้งอยู่ หัวหิน ซอย1 บนพื้นที่ 17 ไร่ เป็นคอนโดมิเนียม 7 อาคาร จำนวน 176 ยูนิต ขนาดพื้นที่ใช้สอย 90-150 ตร.ม. ราคาประมาณ 90,000 บาทต่อ ตร.ม. หรือ 9 -12 ล้านบาท และมีวิลล่าอีก 6 หลัง ขนาด 300 ตร.ม.ขึ้นไป โดยอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดการขายได้ไตรมาส4 มูลค่าโครงการ1,700-1,800 ล้านบาท
“แบรนด์โอกาสถือว่าเป็นโครงการแรกที่บริษัทสร้างเป็นบ้านพักตากอากาศในต่างจังหวัด ซึ่งในอนาคตน่าจะมีแบรนด์โอกาสไปเปิดในต่างจังหวัดอีก เพราะบริษัทยังมีที่ดินอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ อีกว่า10ไร่ บริเวณเขาเต่าอีก 20ไร่ซึ่งจะพัฒนา ภายใต้แบรนด์ โอกาส ส่วนการลงทุนในตลาดระดับล่าง อย่างคอนโดบีโอไอนั้น ยังไม่มีแผนจะเข้าไปพัฒนาเพราะเป็นแบรนด์ระดับล่างเกินไป ทำให้การดูแลค่อนข้างยุ่งยาก”นพรกล่าว
ในอนาคตบริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวทาวน์เฮาส์ 2 ชั้น ระดับราคา 1.5 ล้านบาท อีก 1 แบรนด์ ภายใต้ชื่อ INDY เพื่อเจาะตลาดระดับกลาง ในทำเล ประชาอุทิศ และบางนา เป็นต้น คาดว่าจะเปิดตัวในปลายปี2553 หรือต้นปี 2554
นอกจากนี้แลนด์ฯได้เปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มจากเดิมวางไว้ที่12-13 โครงการ เป็น19 โครงการในปีนี้ รวมแล้วแลนด์ ฯมีโครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินทั้งหมด 49โครงการมูลค่ากว่า 60,000 ล้านบาท โดยเป็นบ้านเดี่ยว 70 % คอนโดมิเนียมและทาวน์เฮาส์ 30% รวมทั้งลดระดับราคาจากเดิมที่เริ่มต้นเฉลี่ยที่3.6ล้านบาท เหลือเฉลี่ย 3.08 ล้านบาท โดยที่อยู่อาศัยต่ำกว่า3ล้านบาท มีสัดส่ว 10% ราคา3-5ล้านบาท 45% และ5ล้านบาท 45%
สำหรับแลนด์แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ มี16 แบรนด์ที่ครองใจผู้บริโภค ประกอบด้วย ลัดดาวัล 1 โครงการ ราคาขาย 20-100ล้านบาท นันทวัน 5โครงการ ราคาขาย6-20ล้านบาท มัณฑนา 7โครงการ ราคาขาย4-10ล้านบาท สีวลี 5โครงการ ราคาขาย4-8ล้านบาท ชัยพฤกษ์ 6โครงการ ราคาขาย 3.5-5ล้านบาท ชลลดา 2 โครงการ ราคาขาย 3.5-5ล้านบาท ปาริชาต 1 โครงการ ราคาขาย 3.5-5ล้านบาท พฤกษ์ลดา 5โครงการ ราคาขาย 3.5-5ล้านบาท Baan mai 6โครงการ ราคาขาย 2.6-5ล้านบาท The Terrace 1 โครงการ ราคาขาย 3.39ล้านบาทและ The Room 3 โครงการ ราคาขาย 4.3-12 ล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|