เปิดเคล็ดลับเรียนจีนแบบไม่ง้อเอเจนซี่ 'จ่ายเงินน้อย-ภาษาคล่อง'-ก.พ.การันตี!


ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์(25 กันยายน 2553)



กลับสู่หน้าหลัก

แบล็คแพ็คไปเรียนที่ประเทศจีนไม่ยากอย่างที่คิด นักศึกษาจีนแนะ อย่าเลือกเรียนมหา'ลัยจีนที่มีคนไทยเรียนเยอะ จะทำให้เรียนภาษาจีนไม่กระดิก เผยเคล็ดลับเลือกมหา'ลัย และขั้นตอนง่ายๆ ในการเดินเรื่องเรียนจีนด้วยตนเอง

จากข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศรายงานถึงจำนวนนักเรียนไทยที่เดินทางไปศึกษาเพิ่มเติมยังประเทศจีนในปี 2552 ว่ามีจำนวน 11,379 คน ซึ่งชี้ให้เห็นว่าปัจจุบันนักเรียนไทยนิยมเดินทางไปเรียนภาษาจีนในประเทศจีนเป็นจำนวนมากในทุกๆ ปี ไม่ว่าจะเป็นคอร์สระยะสั้นๆ 3-6 เดือน หรือในระดับปริญญาก็ตาม เนื่องจากการไปเรียนภาษายังประเทศเจ้าของภาษา โดยเฉพาะประเทศจีนที่มีหลักการออกเสียงที่ยากจะทำให้ผู้เรียนเรียนรู้ได้รวดเร็ว ชัดเจน และถูกต้องยิ่งขึ้นอีกด้วย

แบล็คแพ็คเรียนจีนง่ายนิดเดียว

ภาวิณี มั่นคง นักศึกษาปริญาตรี คณะธุรกิจ เอกจีน มหาวิทยาลัย Dawai ผู้ดำเนินการเอกสารและสมัครเรียนในระดับปริญญาตรียังประเทศจีนด้วยตนเอง กล่าวว่าตนเองได้เดินทางไปประเทศจีน โดยใช้วีซ่านักท่องเที่ยว และไม่มีความรู้พื้นฐานด้านภาษาจีนเลย แต่มีคนรู้จักที่เป็นคนจีนคอยให้การช่วยเหลือ ซึ่งหลังจากมาอยู่ที่ประเทศจีนได้ไม่นานก็ได้ดำเนินการเรื่องเอกสารทางราชการ, ติดต่อมหาวิทยาลัยเพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาตรี และหาที่อยู่อาศัยด้วยตนเอง

โดยผู้ที่จะไปเรียนนั้นจะต้องใช้ภาษาอังกฤษในการติดต่อสื่อสารกับสำนักงานเขต และมหาวิทยาลัยได้บ้าง แต่ในการดำรงชีวิตประจำวันนั้น ภาษาอังกฤษแทบจะช่วยในการสื่อสารกับชาวจีนไม่ได้เลย เนื่องจากชาวจีนส่วนมากจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ จึงใช้การชี้รูปภาพ และกดตัวเลข เพื่อต่อรองราคาแทน ซึ่งจะสร้างแรงกดดันให้เราต้องขยันและพยายามฝึกฝนภาษาจีนจากตำรา เพื่อใช้ติดต่อ สนทนา สื่อสารมากยิ่งขึ้น

"เมื่อเราไปถึงที่มหาวิทยาลัยในประเทศจีน ให้เราถามประชาสัมพันธ์ว่ามีคนไทยหรือนักศึกษาไทยอยู่บ้างไหม ช่วยแนะนำให้เรารู้จักที หลังจากนั้นก็ขอความช่วยเหลือจากคนไทยที่นั้น เช่น เรื่องการสมัครเรียนและการดำเนินชีวิต ซึ่งคนไทยจะมีเกือบทุกมหาวิทยาลัยในประเทศจีน พร้อมยินดีให้การช่วยเหลือคนไทยด้วยกันเป็นอย่างมาก ส่วนการจ้างเอเจนซี่จัดการเรื่องเอกสาร, หามหาวิทยาลัย, หอพัก, ฯลฯ ให้ไม่ต่างจากการที่เราไปดำเนินการด้วยตนเองมากนัก แต่ข้อดีของการดำเนินเอกสารด้วยตนเอง คือได้ฝึกภาษาจีนในด้านเขียน พูด ฟัง จึงทำให้เราเรียนรู้ได้รวดเร็วมากขึ้น"

4 ขั้นตอนสู่การเรียนจีน

โดยผู้ที่ต้องการดำเนินการทุกอย่างด้วยตนเอง เพื่อมาศึกษาต่อยังประเทศจีนควรดำเนินการหลังจากมาถึงประเทศจีนคือ 1.หาที่อยู่อาศัย 2.เดินทางไปสถานีตำรวจในเขตบ้านที่เช่าไว้ กับเจ้าของบ้าน พร้อมนำพาสปอตร์ไปด้วย เพื่อขอใบแจ้งว่าได้มีชาวต่างชาติอาศัยอยู่ที่บ้านไหน เป็นระยะเวลานานเท่าไร ซึ่งทางตำรวจจะซักถามรายละเอียดเล็กน้อย และขอดูพาสปอตร์ว่าเข้าประเทศเมื่อไร เพราะว่าเมื่อเราเข้ามาจำเป็นต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที ภายในไม่กี่วันตามที่เขากำหนด จากนั้นเจ้าหน้าที่จะให้เอกสาร 2ใบ คือใบสีชมพู นำไปแจ้งที่สถานีตำรวจใหญ่ ส่วนใบสีฟ้า นำไปทำวีซ่า

3.ดำเนินการติดต่อกับมหาลัยที่ต้องการศึกษาต่อ หลังจากสมัครเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยเสร็จแล้ว ทางมหาวิทยาลัยจะออกเอกสารใบรับรองว่าเราเป็นนักศึกษาของทางมหาวิทยาลัยจริงๆ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยจะถามว่าเราต้องการทำเอกสารแบบ 1ปี หรือครึ่งปี ทางมหาวิทยาลัยจะออกใบเอกสารตามที่เราจ่ายค่าเทอม เช่น ถ้าจ่าย1ปี ก็ออกให้1ปี

4.ดำเนินการทำวีซ่านักศึกษา โดยเตรียมเอกสารที่ได้จากทางมหาวิทยาลัย คือใบรับรองจากโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย และสถานีตำรวจ พร้อมเตรียมรูป 2นิ้ว จำนวน 2-3รูป และพาสปอตร์ไป โดยเฉพาะนักศึกษาที่ต้องการไปเรียนต่อที่ต้าเหลียนจำเป็นมากที่จะต้องนำใบสีฟ้าไปด้วย เนื่องจากที่นั้นเรื่องการย้ายที่อยู่อาศัยสำคัญมากๆ หากไม่แจ้งจะถูกปรับ

"ก่อนไปเรียนที่ประเทศจีนควรเตรียมหาข้อมูลมหาวิทยาลัย เมืองที่จะไป ซึ่งในหลายเว็ปไซต์ก็มีข้อมูลแนะนำสถานที่เรียนในเมืองจีน ควรอ่านเอาไว้มากๆ แล้วสิ่งสำคัญคือ ต้องเอาดิชชินารี่ไป เพราะจะช่วยในการค้นหาคำศัพท์ได้มาก ส่วนเสื้อผ้าก็สามารถหาซื้อได้ ทั้งยังต้องพกความตั้งใจค่ะ เพราะเมืองจีน ยังมีอะไรอะไรที่unseen ให้เรียนรู้อีกมาก"

เลือกมหา'ลัยคนไทยน้อย

อย่างไรก็ตามการดำเนินการด้านเอกสารไม่ใช้เรื่องยาก เพราะทางมหาลัยจะบอกวีธีดำเนินการ และเมื่อไปถึงสถานที่ทำวีซ่า เจ้าหน้าที่ก็จะบอกรายละเอียดอีกครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ก็จะอธิบายอย่างละเอียดมาก เช่น เอกสารที่ต้องใช้, ต้องถ่ายเอกสารอะไรบ้าง และมีตัวอย่างขั้นตอนการกรอกเอกสารไว้ที่โต๊ะด้วย แต่ปัญหาที่พบบ่อย ก็จะเป็นเรื่องการหาสถานที่ไม่พบมากกว่า และเรื่องภาษาที่ใช้ เพราะว่าภาษาจีนไม่เหมือนภาษาไทย ที่เราไม่สามารถคาดเดาได้ ซึ่งคนจีนมักพูดเสียงดังๆ ทำให้เราตกใจ ซึ่งจริงๆ แล้วคนจีนน่ารัก แค่พูดเสียงดังเท่านั้น ยิ่งรู้ว่าเราเป็นต่างชาติแล้วเขาก็ยินดีช่วยเหลือตลอด

ส่วนเคล็บลับและหลักการเลือกมหาวิทยาลัยนั้นคือ 1.ต้องเลือกเมืองที่จะไปศึกษาก่อน เช่น ชอบบรรยากาศแบบไหน, ชอบแสงสีเสียงแนะนำให้ไปช่างไห่, ชอบออกแนวเกาหลีๆ ญี่ปุ่นๆ แนะนำให้ไปต้าเหลียน เป็นต้น 2.หลังจากเลือกเมืองแล้วก็ให้ตรวจดูว่าในเมืองนั้นมีมหาลัยอะไรบ้างและสำนักงานก.พ.รับรองไหม, มีเปิดสอนคณะ สาขาอะไรบ้าง, คนไทยมากหรือไม่ เพราะถ้าคนไทยมากก็จะกระจุกกันอยู่ เหมือนกองทัพคนไทย ทำให้ภาษาไม่ก้าวหน้าเท่าไร ซึ่งอยากแนะนำให้เรื่องมหาลัยที่มีคนไทยจำนวนน้อยๆ จะได้ฝึกภาษาได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

1 แสนบาทก็เรียนจีนได้แล้ว

ด้านยุพดี หวลอารมณ์ นักศึกษาทุนสถาบันขงจื่อปริญญาโท สาขาการสอนภาษาจีนเพื่อชาวต่างชาติ มหาวิทยาลัยครูเทียนจิน(Tianjin Normal University) กล่าวว่าส่วนใหญ่นักเรียนไทยที่ต้องการไปศึกษาต่อในระดับปริญญายังประเทศจีนจะนิยมให้บริษัทเอเจนซี่ดำเนินการเรื่องเอกสาร การสมัครเรียน ที่อยู่อาศัย ฯลฯ ทุกอย่างให้ หรือไปเรียนโดยการขอทุนการศึกษา ซึ่งขั้นตอนการดำเนินการติดต่อเข้าเรียนด้วยตนเองในระดับประดับปริญญาถือว่าเป็นเรื่องยาก เช่น มาตราฐานการรับสมัครเข้าศึกษาในระดับปริญญาจะมากกว่าการสมัครเรียนในคอร์สสั้นๆ, เวลาการเปิดรับสมัครนักศึกษาจะแตกต่างกับประเทศไทย เป็นต้น

แต่ในการสมัครเข้าเรียนหลักสูตรสั้นระยะ 3-6 เดือนด้วยตนเอง โดยไม่ผ่านเอเจนซี่นั้นสามารถทำได้ง่ายกว่า ซึ่งเริ่มจาก 1.ติดต่อมหาวิทยาลัยที่เปิดคอร์สเรียนระยะสั้น โดยเอกสารส่วนใหญ่ที่จำเป็นต้องใช้ในการสมัครก็จะมีใบสมัครของมหาวิทยาลัย, ทรานสคริปของนักศึกษา, รูปถ่าย, ประวัติส่วนตัว เป็นต้น 2.หลังจากที่มหาวิทยาลัยจีนตอบรับ ทางมหาวิทยาลัยจะส่งใบตอบรับมาให้ เพื่อใช้ในการดำเนิน เรื่องวีซ่า ซึ่งอาจขอวีซ่านักท่องเที่ยว 180 วันก็ได้

สำหรับค่าใช้จ่ายโดยยึดเกณฑ์จากเมืองปักกิ่ง และเทียนจิน ที่นักเรียนไทยนิยมไปเรียนทั้งระยะสั้นและระยะยาวประมาณอยู่ที่ 16,000 หยวน ต่อ 3 เดือน ราคานี้ไม่รวมตั๋วเครื่องบิน โดยแบ่งออกเป็น 1.ค่าสมัครเรียน 350- 450 หยวน 2.ค่าเรียน 2,000- 3,300 หยวน/เดือน3.ค่าที่พักห้องคู่ ห้องน้ำส่วนตัว วันละ 80 หยวน หรือ 2,480 หยวน/เดือน 4.ค่าอาหารวันละ 20 หยวน เดือนละ 600 หยวน แบ่งเป็นค่าอาหารเช้า เช่น อาหารเช้า โจ๊ก รายการละ 1 หยวน น้ำเต้าหู้+ปาท่องโก๋ 2 หยวน ส่วนอาหารตามสั่งจะให้มากกว่าในประเทศไทยมาก เท่ากับกินได้ 2-3 คน ราคา 6-8 หยวน/จาน 5.ค่าอุปกรณ์การเรียนไม่แพง เนื่องจากรัฐบาลจีนให้การสนับสนุนให้ประชาชนรักการอ่าน

"หากเลือกไปเรียนประเทศจีนในหน้าหนาวจะมีค่าใช้จ่าย เรื่องเสื้อผ้ากันหนาวและเครื่องสำอางที่เพิ่มขึ้นมา เนื่องจากประเทศจีนในหน้าหนาวจะหนาวมาก ซึ่งคนส่วนใหญ่คนจีนจะนิยมซื้อเสื้อขนเป็ดมาใส่ เนื่องจากสามารถกันหนาวได้ดีกว่าเสื้อหนาวทั่วไปมาก โดยราคาถูกสุดประมาณตัวละ 1,000 บาท และเครื่องสำอางของประเทศไทยก็ไม่เหมาะกับอากาศที่หนาวของประเทศจีน ซึ่งใช้ของประเทศจีนจะได้ผลมากกว่า ส่วนเรื่องการเลือกสายการบิน นักศึกษาไทยจะนิยมเลือกสายการบินจีนมากกว่า เนื่องจากราคาถูกกว่าและได้น้ำหนักกระเป๋าสูงถึง 40 กิโล กรณีตั๋วนักเรียนอายุ 1 ปี เท่านั้น ซึ่งอย่างการบินไทยให้ได้แค่ 20-25 กิโลเท่านั้น"

ดังนั้นการที่จะเดินทางไปเรียนที่ประเทศจีนโดยไม่ผ่านเอเจนซี จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาหาข้อมูลให้พร้อมโดยเฉพาะภาษาจีนที่ใช้ในการติดต่อ สื่อสารควรฝึกฝนก่อนการเดินทางไปใช้ชีวิต และเรียนต่อยังประเทศจีน


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.