พลิกกลยุทธ์สู่ Brand Management รักลูก กรุ๊ป กระชับพื้นที่แบรนด์ทั้ง5


ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์(25 กันยายน 2553)



กลับสู่หน้าหลัก

ตอบโจทย์ลูกค้า ยุคงบประมาณจำกัด แต่เน้นคุ้มค่า “ ค่ายรักลูก กรุ๊ป”ผู้นำในธุรกิจสื่อประเภท Parenting ปรับกลยุทธ์แบรนด์ จากเดิมบริหารแต่ละโปรดักส์ คนขายโฆษณาสื่อ มาเป็นบริหารจัดการแบรนด์ หรือ Brand Management ที่มีบทบาทเป็น นักการตลาดแบบผสมผสานสื่อทั้ง 4 ไม่ว่า นิตยสาร รายการทีวี กิจกรรมบีโลว์เดอะไลน์ และสื่อออนไลน์ เพื่อให้ลูกค้าเข้าถึงผู้บริโภคอย่างได้ผล

หลังจากเปลี่ยนแบรนด์จาก “แปลน พับลิชชิ่ง” มาเป็น “รักลูก กรุ๊ป” เพราะต้องการลบภาพธุรกิจว่าเป็นเพียงสิ่งพิมพ์มานานกว่า 4 ปี วันนี้ รักลูก กรุ๊ปได้ขยับตัวอีกครั้งด้วยการกระชับพื้นที่บริหารกลยุทธ์ของโปรดักส์ ซึ่งต่างคนต่างทำ ทำให้เกิดจุดอ่อนมากมาย ที่สำคัญไม่สามารถตอบโจทย์ “ความคุ้มค่า”ของลูกค้า ภายใต้งบประมาณที่จำกัด ในยุคเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว

ดังนั้น รักลูก กรุ๊ป ได้ปิดจุดอ่อน ด้วยการปรับโครงสร้างการทำงานขององค์กรให้สอดรับกับสถานการณ์และตอบโจทย์ความต้องการของพันธมิตรทางธุรกิจได้รอบด้านมากขึ้น มาเป็นรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Brand Management หรือการบริหารธุรกิจตามแบรนด์ จากเดิมที่บริหารจัดการเป็นรายผลิตภัณฑ์เรียกว่า Product Management ตามประเภทสื่อที่มีอยู่ อาทิ นิตยสาร รายการโทรทัศน์ กิจกรรมส่งเสริมการตลาด รวมถึงเว็ปไซต์

เหตุที่หันมาบริหารจัดการตามแบรนด์ที่มีอยู่ทั้ง 5 ( ดูตารางโมเดลธุรกิจรักลูก กรุ๊ป ) ชนิดา อินทรวิสูตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท รักลูกกรุ๊ป จำกัด บอกว่า การบริหารจัดการโปรดักส์แบบเดิมนั้น มีจุดอ่อน ได้แก่

ข้อแรก-ขาดการเชื่อมต่อของโปรดักส์ในเชิงการตลาด เนื่องจากที่ผ่านมา แบรนด์แต่ละตัว มีเนื้อหา (Contents ) เป็นชุดเดียวกัน ซึ่งผลิตผ่านสื่อในรูปแบบต่างๆ เช่น นิตยสาร สำนักพิมพ์ เว็บไซต์ แต่ขาดการเชื่อมตัวไปยังสื่ออื่นๆ ทำให้ลูกค้าหรือพันธมิตรที่เข้ามาร่วมต้องจ่ายงบประมาณมาก แต่ผลลัพท์ในการตอบโจทย์ลูกค้า และผู้บริโภคยังไม่ชัดเจนหรือคุ้มค่านัก

ข้อสอง-ขาดความคล่องตัวในการทำงาน เนื่องจากโปรดักส์แต่ละตัวจะมีทีมงานของตัวเอง ทำให้ทำงานแบบต่างคนต่างคน ต่างคนต่างขาย ในการตัดสินใจสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้อง แต่เชื่อมโยงกับโปรดักส์ในงานส่วนอื่นๆมักล่าช้า เพราะไม่สามารถตัดสินใจดำเนินการได้

ดังนั้น เพื่อให้ธุรกิจตอบโจทย์ลูกค้าได้มากยิ่ง และเกิดความคล่องตัวในการบริหารงาน จึงได้มุ่งเน้นมาเป็นการบริหารจัดการตามแบรนด์ โดยกำหนดให้มีผู้บริหารแต่ละแบรนด์ ทำหน้าที่แปลงคอนเทนต์ไปสู่สื่อต่างๆ และกิจกรรมภายใต้แบรนด์ที่ตัวเองดูแลอย่างเหมาะสม และเชื่อมร้อยอย่างลงตัว อีกทั้ง ยังสามารถทำงานในลักษณะที่เป็น Integrated Solution เพื่อตอบสนองพันธมิตรทางธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพอีด้วย โดยจะสามารถใช้รูปแบบการบริหารจัดการในรูปแบบใหม่นี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบในปีหน้านี้

“ เราเริ่มต้น ด้วยการทำงานในรูปแบบที่เป็น Integrated Brand มาได้ 2 ปีแล้ว โดยเริ่มจากการบริหารงานลูกค้าแบบ Key Account Management โดยมี Key Account Director ทำหน้าที่ดูแลลูกค้าและนำเสนอกลยุทธ์แบบครบวงจรในทุกสื่อที่มีอยู่ มีเป้าหมาย เพื่อให้ลูกค้าสามารถทำการตลาดแบบผสมผสานทั้งนิตยสาร รายการทีวี รวมถึงกิจกรรมบีโลว์เดอะไลน์ และสื่อออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคเป้าหมายได้หลากหลายขึ้น ไม่ใช่แค่คนขายโฆษณานิตยสารก็ขายเฉพาะนิตยสารอีกต่อไป ดังนั้น เชื่อว่ากลยุทธ์ดังกล่าว จะช่วยผลักดันยอดขายในปีนี้ให้ได้ 311 ล้านบาท ตามเป้าที่วางไว้หรือเติบโตเพิ่มขึ้นได้ประมาณ 20% โดยแบรนด์ที่จะทำรายได้อันดับหนึ่งยังเป็นรักลูก เป็นหลัก ตามด้วยแบรนด์ โมเดิร์น มอม”

สำหรับEvent Marketing ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์หลักของแต่ละแบรนด์นั้น ล่าสุดในปีนี้ ยังคงมีการจัดอีเว้นท์ต่างๆ ของแต่ละแบรนด์ อาทิ รักลูกเฟสติวัล, Kids’ Learning Expo ต่อเนื่อง พร้อมเพิ่ม อีเว้นท์ใหญ่ สำหรับแบรนด์ “ โมเดิร์นมัม” แล้ว ในช่วงปลายปีนี้ บริษัทได้ทุ่มงบประมาณราว 10 ล้านบาท โดยถือเอาฤกษ์นิตยสารโมเดิร์นมัมครบรอบ 15 ปี เปิดตัวอีเว้นท์ใหม่นี้ ภายใต้ชื่องาน “โมเดิร์นมัม แฟร์” เจาะกลุ่มเป้าหมาย กลุ่มคุณแม่ตั้งครรภ์และมีลูกอายุไม่เกิน 3 ปี ระหว่างวันที่ 5-7 พฤศจิกายน 2553 ที่ฮอลล์ 5-6 อิมแพค เมืองทองธานี

กรรมการผู้จัดการ บอกอีกว่า งานโมเดิร์นมัมแฟร์นี้จะมีคอนเซ็ปต์ที่แตกต่างจากงานรักลูกเฟสติวัลอย่างชัดเจน เนื่องจากกลุ่มเป้าหมายของโมเดิร์นมัมเป็นกลุ่มคุณแม่รุ่นใหม่ที่นอกเหนือจากการดูแลลูแล้ว ยังต้องการข้อมูล เทคนิคในเรื่องการดูแลตัวเอง และเน้นความสมดุลในการใช้ชีวิต ทั้งนี้ บริษัทจะคัดสรรสินค้าที่มีคุณภาพ สินค้านวตกรรมใหม่ๆ รวมถึงสินค้าในกลุ่มความสวยความงาม สุขภาพ ไลฟ์สไตล์ อาหารการกิน ฯลฯ มาร่วมออกบูธและจำหน่ายสินค้าในราคาพิเศษ รวมถึงการแสดงมินิคอนเสิร์ต unplug โดยคุณแม่ศิลปิน โบว์ สุนิตา และ กี้ นิโคล เทริโอ มาร้องเพลงให้คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ฟัง พร้อมการพูดคุยเรื่องดนตรีกับการพัฒนาลูกในครรภ์ โดยนายแพทย์อุดม เพชรสังหาร จิตแพทย์ และผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาสมองเด็ก สถาบันรักลูก และ คุณชนะ เสวิกุล นักแต่งเพลงผู้เชี่ยวชาญเรื่องดนตรีเพื่อการผ่อนคลายของแม่ตั้งครรภ์

ไม่นอกจากนี้ รักลูก กรุ๊ป ยังอยู่ระหว่างการศึกษาธุรกิจดิจิตอล จากการที่มีสื่อออนไลน์อยู่แล้ว เพื่อก้าวสู่ธุรกิจ Digital Business อย่างเต็มตัว โดยมีแผนจะขยายงานในส่วนคอนเทนต์บนมือถือ และการพัฒนาเว็ปไซต์ version สำหรับโทรศัพท์มือถือโดยเฉพาะ รวมถึงการเตรียมการลงทุนในธุรกิจทีวีดาวเทียม เนื่องจากมองว่าทีวีดาวเทียมจะเป็นสื่อที่เชื่อมต่อให้แบรนด์ต่างๆ ของรักลูกกรุ๊ปสามารถเข้าถึงกับกลุ่มเป้าหมายในวงกว้างได้มากขึ้น


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.