ประกันสุขภาพสัตว์เลี้ยงมาแรงในปี 2010


ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์(25 กันยายน 2553)



กลับสู่หน้าหลัก

ขณะที่ธุรกิจประกันภัยส่วนบุคคลมีแนวโน้มที่จะเริ่มอิ่มตัว และมีอัตราการเติบโตไม่มากนัก โดยเฉพาะในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจยังตกต่ำ และอัตราการว่างงานสูง เงินทองก็ยังเป็นของหายาก ต้องประหยัดกันสุดๆ

การสำรวจล่าสุดในธุรกิจประกันภัยพบว่า ผู้บริโภคยังคงพยายามทุกวิถีทางที่จะประหยัดรายจ่ายในครัวเรือน ด้วยการลดการซื้อหาสินค้าที่ฟุ่มเฟือย ไม่จำเป็น

แต่แนวโน้มที่แปลกมากอย่างหนึ่งคือ ตลาดการประกันภัยและประกันสุขภาพสัตว์เลี้ยงกลับมีมูลค่าทางการตลาดเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจเพ็ต เฮลท์แคร์ หรือประกันสุขภาพสัตว์เลี้ยง

นั่นหมายความว่า ผู้คนในตลาดโลกยอมตัดทอนรายจ่ายเมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการซื้อสินค้าและบริการเพื่อตนเอง แต่ยังคงยอมเสียสละเงินและมีความห่วงใยเพื่อเจ้าสัตว์เลี้ยงสุดรักสุดโปรดของตน ซึ่งแสดงถึงการให้ความสำคัญกับสุขภาพของสัตว์เลี้ยงมากกว่าตนเองหรือเปล่า

มองในอีกมุมมองหนึ่ง ปรากฏการณ์เช่นนี้แสดงว่า ประการแรก เจ้าของสัตว์เลี้ยง นำโดยสุนัขและแมวตามลำดับ ได้หันมานิยมทำประกันสุขภาพให้แก่สัตว์เลี้ยงแสนรู้ของตนมากขึ้น ในฐานะที่เป็นสมาชิกที่ช่วยตัวเองไม่ได้ พูดไม่ได้ของครอบครัว

ประการที่สอง ขณะเดียวกันความสนใจในการทำประกันภัยสุขภาพให้แก่เจ้าสัตว์เลี้ยง อาจมาจากการที่บริษัทประกันภัยเหล่านี้พากันจัดโปรแกรมโปรโมชั่นประกันภัยสุขภาพสัตว์เลี้ยงด้วยการลดกระหน่ำ

ประการที่สาม การทำประกันสุขภาพสัตว์เลี้ยงที่เกิดขึ้นในระยะหลังๆ นี้ ไม่ได้มาจากความรักความห่วงใยอย่างเดียว แต่อาจมาจากความจำเป็นมากขึ้นด้วย เพราะการเลี้ยงดูด้วยอาหาร สภาพแวดล้อมการดำเนินชีวิตที่ดีแก่สัตว์เลี้ยงของเจ้าของสัตว์เลี้ยง ทำให้สัตว์เลี้ยงในครอบครัวส่วนใหญ่มีอายุยืนยาวมากขึ้น ระยะเวลาในการดูแล ค่าใช้จ่ายในการดูแลสัตว์เลี้ยงแก่ๆ ก็ย่อมมากขึ้นตามไปด้วย

การประกันสุขภาพแก่สัตว์เลี้ยงจึงน่าจะเป็นวิธีการบริหารความเสี่ยงอย่างหนึ่ง ด้วยการถ่ายโอนค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงจากเจ้าของสัตว์เลี้ยงไปยังบริษัทที่ทำประกันภัยแทน โดยหวังว่าจะทำให้ค่าใช้จ่ายในการดูแลสัตว์เลี้ยงตลอดชีวิตลดลง และมีบริษัทประกันภัยมารับภาระแทน

เฉพาะในสหรัฐอเมริกาเพียงตลาดเดียว มีการคาดหมายกันว่าในปี 2010 นี้ เจ้าของสัตว์เลี้ยงจะมีรายจ่ายเป็นเงินไม่น้อยกว่า 47,700 ล้านดอลลาร์ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงของตน เทียบกับ 45,500 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว

ประการที่สี่ การศึกษาของสถาบันวิจัยพบว่า ความนิยมมีสัตว์เลี้ยงในครอบครัวถือว่าเป็นสมาชิกรายหนึ่งของครอบครัวมากกว่าเป็นเพียงสัตว์ และเมื่อลูกๆ ในครอบครัวโตขึ้นและแยกออกไปมีครอบครัวของตนเอง คนที่ยังเหลืออยู่ที่เป็นคนแก่คนเฒ่า จะมีก็แต่เพียงสัตว์เลี้ยงที่ถือว่าเป็นสมาชิกของครอบครัว การดูแลสุขภาพของสัตว์เลี้ยง จึงเหมือนกับการดูแลสมาชิกของครอบครัวรายหนึ่ง

แนวโน้มดังกล่าวของวงจรการดูแลสัตว์เลี้ยง ทำให้คาดว่าเงินที่เป็นค่าเบี้ยประกันสุขภาพสัตว์เลี้ยง จะเติบโตกว่า 50% ในปีนี้

ประการที่ห้า บริษัทประกันภัยให้ความสนใจกับตลาดสัตว์เลี้ยงมากขึ้น ผลิตภัณฑ์การดูแลสุขภาพที่ออกมาจึงมีความหลากหลาย เป็นทางเลือกให้แก่เจ้าของสัตว์เลี้ยงมากขึ้น

ประการที่หก บริษัทประกันภัยได้ขยายขอบเขตของการให้บริการหลังการขาย ด้วยการตอบข้อซักถาม การใส่ใจและสัมพันธ์กับเจ้าของสัตว์เลี้ยงอย่างต่อเนื่องมากขึ้น มีบริการการตอบคำถามผ่านทางเว็บไซต์ และสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้เรื่องนี้มีการโพสต์ตอบกันไปมาบนสังคมออนไลน์

การโพสต์เรื่องราวของการประกันสุขภาพสัตว์เลี้ยงบนสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้ผู้ที่เป็นเจ้าของสัตว์เลี้ยงมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการทำประกันประเภทนี้มากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก

โอกาสทางการตลาดและความต้องการของเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่ยังคงมีมากขึ้นเรื่อยๆ ในการทำประกันสุขภาพสัตว์เลี้ยง ทำให้ผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยสนใจที่จะเข้าไปสู่ธุรกิจในส่วนนี้เพิ่มขึ้น และยังมีผู้ประกอบการหน้าใหม่เกิดขึ้นทุกปี

แม้ว่าอัตราการเติบโตของธุรกิจประกันสุขภาพสัตว์เลี้ยงในระยะต่อไปอาจจะไม่ถึง 20% แต่ก็ยังเป็นอัตราการเติบโตที่อยู่ในเกณฑ์สูง อันเนื่องมาจากการกระเตื้องขึ้นตามลำดับของสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ การรับรู้ความเข้าใจที่เกิดขึ้นในหมู่ของเจ้าของสัตว์เลี้ยงผ่านสื่อสังคมออนไลน์


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.