ปัญหาของปตท.ในสายตาของผม


นิตยสารผู้จัดการ( ตุลาคม 2530)



กลับสู่หน้าหลัก

ถ้าเปรียบเทียบการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยในปัจจุบันเหมือนเกมการเล่นหมากรุก ผมคิดว่าในช่วงที่ผ่านมาการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย หรือปตท.ของเรานี้ เล่นเกมรุกมาเยอะมาก ทั้งในด้านการขยายกิจการและการรุกเข้าไปในตลาด

เมื่อรุกแล้วก็ต้องมีการจัดทัพ

ในช่วงนี้ เป็นช่วงที่ต้องจัดทัพ เพื่อให้ทัพที่เรารุกไปนี้หนาแน่นมากขึ้น เพราะว่าเป็นธรรมดาที่เมื่อรุกไปแล้วก็ต้องมีช่องโหว่ ที่โน่นที่นี่ ในระยะที่ผ่านมาเรารุกมาตลอด เพราะฉะนั้นช่วงนี้เราจำเป็นต้องจัดทัพ

ในขณะนี้ ผมมองช่องโหว่หรือปัญหาหลัก ๆ ที่เกิดขึ้นในปตท.ไว้ 5 ประการ คือ

หนึ่ง-เป็นเรื่องของโครงสร้างการบริหาร ซึ่งความจริงแล้วก็ไม่ใช่ปัญหาที่หนักหนาอะไรเพียงแต่ต้องมีการปรับปรุง เพราะที่แล้วมาเป็นลักษณะของการบริหารโครงการ การบริหารโครงการก็ต้องออกมาให้รวดเร็ว ในระยะนี้สถานการณ์มันเปลี่ยนไป จากการบริหารโครงการได้เปลี่ยนมาเป็นการบริหารงานจริง ๆ เพราะฉะนั้นโครงสร้างการบริหารก็ต้องปรับให้สอดคล้องกับการพัฒนาของปตท. ซึ่งบริษัทอาร์เธอร์ ดี.ลิตเติล ผู้ได้รับการว่าจ้างให้ทำการศึกษาปรับโครงสร้างของปตท.ได้ทำการศึกษาปัญหานี้ไว้แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม เราก็จะเอาสิ่งที่เขาได้ศึกษาและเสนอมานั้นเป็นเพียงตุ๊กตาเท่านั้น คงจะไม่เชื่อเขาทุกอย่าง เราจะนำเข้าปรึกษาในระหว่างผู้บริหารระดับสูของเราเอง แล้วก็จะเริ่มกระทำเมื่อโอกาสอำนวยและเหมาะสม

สอง เป็นเรื่องของทรัพยากรบุคคล ทั้งในแง่ของการรับเข้ามา ทั้งในแง่จำนวน คุณภาพและการปรับปรุง รวมไปจนถึงการจัดคนเข้าสู่งานต่าง ๆ เพื่อให้บุคคลซึ่งเป็นทรัพยากรอันมีค่านี้ทำงานได้อย่างเต็มที่ ด้วยขวัญและกำลังใจ ในขณะนี้ผมสามารถกล่าวได้เลยว่า รัฐวิสาหกิจทุกแห่งในบ้านเรา ล้วนแล้วแต่มีคนล้นงาน ปัญหาทรัพยากรบุคคลนี้เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับทุกองค์กร ไม่ใช่แค่เพียงแต่รัฐวิสาหกิจและปตท. จริงอยู่ที่ว่ามีคนบ่นกันมาก โจมตีกันมากว่าคนของปตท.ล้นงานมาก แต่เท่าที่ผมได้เข้ามาอยู่และศึกษาดูแล้ว ผมเชื่อว่า ที่ปตท.แห่งนี้มีคนล้นงานน้อยกว่าอีกหลายรัฐวิสากิจ เรามีคนจำนวน 3,700 คนซึ่งเมื่อเทียบกับ TURN OVER ของเราแต่ละปีประมาณ 2,000 ล้านบาทแล้ว จำนวนบุคลากรที่เรามีอยู่ก็ไม่ได้มากเลย นี่เป็นข้อเท็จจริง ในแง่ของการแบกภาระทางการเงินก็ไม่ได้มาก แต่สำหรับการบริหารแล้ว การทีมีบุคลกรเกินอยู่เช่นนี้ ย่อมเป็นปัญหาในทางด้านการบริหารอยู่บ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น โทษใครไม่ได้หรอกเพราะจริง ๆ แล้วตัวผมเองกลับชมผู้ว่าฯทองฉัตร ด้วยซ้ำไป ในแง่ที่ว่า ตอนที่การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทยมีงานมาก ถ้าทำนโยบายไม่ดี ผมว่าป่านนี้พนักงานของที่นี่ คงจะมีเป็นจำนวนหมื่นคนเข้าไปแล้ว

สาม-เป็นเรื่องของการปรับปรุงประสิทธิภาพ ประสิทธิผลและความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่งขัน

สี่-เป็นเรื่องระหว่างหน่วยธุรกิจภายในของปตท.กับหน่วยธุรกิจภายนอกของรัฐบาลที่เกี่ยวข้องและกับบริษัทในเครือของปตท.เองด้วย ที่ผ่านมามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันมากว่า ปตท.มีความขัดแย้งกับโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ซึ่งการใช้คำว่า ความขัดแย้งนี้ ผมว่าออกจะรุนแรงไปหน่อย ทุกองค์กรไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ปัญหาระหว่างหน่วยงานย่อมต้องมีเป็นธรรมดา แม้แต่บริษัทเอสโซ่เอง ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำงานครบสงจรหมด เริ่มตั้งแต่การมี CRUDE เอง แล้วนำ CRUDE เข้ามากลั่น จากโรงกลั่นก็มีการตลาด คนที่นำ CRUDE เข้ามาก็ย่อมที่จะมีปัญหาถกเถียงกันกับโรงกลั่น เพราะแต่ละฝ่ายก็ต้องเป็น PROFIT CENTER ของตัวเอง ฝ่ายโรงกลั่นก็ต้องมีปัญหากับด้านการตลาดในเชิงพาณิชย์แน่นอน ซึ่งก็เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นตามธรรมดา แต่ว่าการประสานงานเหล่านี้ก็ต้องปรับปรุงให้ดีขึ้น ซึ่งตอนนี้ผมคิดว่าก็ดีขึ้นแล้ว สิ่งที่ผมกลัวที่สุดก็คือ 3 หน่วยงานนี้จะไปกินเหล้าด้วยกัน ถ้าเมื่อไหร่ 3 หน่วยงานนี้ไปกินเหล้าด้วยกันแล้ว เฮ เฮ อยู่ด้วยกันทุกวันแล้วผมคงนอนไม่หลับแน่ ผมคิดว่าต่อไปเราต้องทำงานด้วยกันให้มากขึ้น ทั้งเรื่องของโรงกลั่น เรื่องของการจัดหา กับเรื่องของการตลาดทั้ง 3 ส่วนนี้จะต้องเข้ามาอยู่ในวงจรกันอย่างใกล้ชิด เข้ามาทำงานกันอย่างใกล้ชิด แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นทางโรงกลั่น่บางจากเขาก็ต้องมีอิสระในการบริหารงานของเขา แต่ว่ากิจกรรมต่าง ๆ ก็ต้องสอดคล้องกัน ไม่เช่นนั้นแล้ว ผลประโยชน์ของประเทศชาติ ก็จะไม่ได้เท่าที่ควร เราต้องมองว่า ไม่ว่าปตท.บางจากหรือไทยออยล์ ก็ล้วนแต่เป็นหน่วยงานหนึ่งของรัฐบาลทั้งสิ้นถ้าเป็นบริษัทก็เป็นบริษัทที่อยู่ในเครือเดียวกันหมด เพราะฉะนั้นปัญหานี้มันก็ขึ้นอยู่กับผู้เป็นเจ้าของหรือรัฐบาลว่าจะทำอย่งไรให้กลไกเหล่านี้ทำงานอย่างสอดคล้องกัน เพราะฉะนั้นคงจะไม่ถูกต้องที่วาต่อไป ปตท. จะต้องสร้างโรงกลั่นของตัวเองอย่างที่เป็นขาวลือ เพราะเราต่างเป็นคนของรัฐบาล อย่างที่ว่าไว้แล้ว

ห้า-ซึ่งเป็นประเด็นสุดท้าย เป็นเรื่องของภาพพจน์ของปตท.เอง ซึ่งจะต้องสร้างให้ประชาชนเห็นว่า ปตท.นั้นเป็นของคนไทยทุก ๆ คน และที่ปตท.ทำมาทั้งในอดีตและปัจจุบันก็เพื่อที่จะสร้างความมั่งคงในด้านพลังงานให้กับประเทศชาติ และนอกจากนั้นก็ยังช่วยนำทรัพยากรธรรมชาติ ที่มีอยู่ทั้งในน้ำและบนบกในด้านพลังงานนี้ มาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ภาพพจน์เหล่านี้ เรายังจำเป็นที่จะต้องทุ่มเทสร้างขึ้นมาเพื่อประชาชน่จะได้มีความเข้าใจปตท.มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม

ก็ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า น้ำมันนั้นเป็นธุรกิจที่ยังใหม่สำหรับผมมาก ผมเข้ามาก็ต้องเรียนหนังสือกันใหม่ เหล่าผู้ช่วยของผม ท่ารองของผม ก็ต้องสอนหนังสือผมทุกวัน เพื่อให้เข้าใจและมีความรู้ในธุรกิจนี้มากยิ่งขึ้น ทุกวันนี้ ผมเหนื่อยกับการเรียนเรื่องเหล่านี้ ซึ่งใช้เวลาประมาณวันละ 4 ชั่วโมงทุกวัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้ามาที่นี่ ผมเองมีความสบายใจอย่างหนึ่ง เมื่อผมได้ศึกษาและเข้าใจวิธีการซื้อน้ำมันของปตท. ซึ่งการซื้อน้ำมันของปตท.นี้เขาจะแบ่งออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งเป็นการซื้อน้ำมันด้วยการเจรจา ซื้อกันเป็นเทอม อีกส่วนหนึ่งเป็นการซื้อน้ำมันกันเป็นสป็อตเท่าที่ผมได้เห็น ผมมั่นใจได้ว่าการซื้อน้ำมันของที่นี่รัดกุม เกือบจะเรียกได้ว่าผมค่อนข้างที่จะสบายใจได้ ที่ว่ารัดกุมก็คือว่า การเจรจาจะมีอยู่ 2 ระดับ เป็นการเจรจาระดับรัฐบาล ระดับหนึ่ง โดยมีรมต.ศุลี มหาสันทนะ เป็นประธาน ซึ่งกว่าจะตกลงกันได้หนึ่งก็เหนื่อย ผมค่อนข้างที่จะสบายใจเพราะไม่มีผลประโยชน์อยู่เบื้องหน้าเบื้องหลัง และก็ทำกันอย่างถูกต้องระดับที่ 2 ก็เป็นระดับที่ปตท.จะไปซื้อน้ำมันเองซึ่งซื้อกันเป็นเทอม โดยมากท่านประธานเชาวน์ ณ ศีลวันต์ จะเป็นคนนำทีมตลอด ซึ่งไปกันแต่ละครั้งจะไปกันหลาย ๆ คน ผมยังมอไม่เห็นเช่นกันว่าจะมีปัญหาอะไร ใครจะเข้ามามีผลประโยชน์หรืออิทธิพลใด ๆ ได้ เพราะเป็นการเจรจากันเป็นทีม

สำหรับส่วนที่ซื้อกันเป็นสป็อตนั้น เขาก็จะดูกัน 3 แง่คือ หนึ่ง ดูว่าในขณะนี้มีน้ำมันอยู่ในสต็อกเป็นจำนวนเท่าไหร่ สอง เขาจะดูว่าปริมาณความต้องการในประเทศเป็นอย่างไรสาม-เขาดูราคาขึ้นลงมันเป็นอย่างไร ถ้าราคามันลดลงมาและความต้องการภายในประเทศก็มี เขาก็ซื้อ เขาก็ประมูล การประมูลเขาก็จะมีเจ้าหน้าที่ซึ่งเปลี่ยนกันไปเรื่อย และการประมูลนี้ก็จะเป็นการประมูลผ่าน TELEX ทั่วโลก คนที่ส่ง TELEX ก็เร็วเหลือเกิน เขาก็จะส่งกันมา ส่วนกันมาดูเสร็จแล้ว ก็จะส่งมายังผม ผมเองก็จะส่งข้อมูลเอกสารที่เขาส่งมานี้ให้กับท่านประธาน แล้วผมก็สั่งงานโดยผ่านท่านรองผู้ว่าฯฝ่ายจัดหา ผมเองก็ซื้อมาหลายล็อตแล้ว ยังไม่เห็นว่าใครจะเข้ามามีผลประโยชน์ได้ และนอกจากนั้น ทางดรงกลั่นบางจาก เขาก็จะเป็นคนเช็คเองด้วยน้ำมันที่เราซื้อเข้ามาทุกครั้ง ทางโรงกลั่นบางจากเขาต้องเห็นชอบด้วยก่อนทุกครั้ง

เพราะฉะนั้นการตรวจสอบซึ่งกันและกันในทุกด้านนั้นมันมีอยู่ และก็ทำได้รวดเร็วด้วย ไม่ใช่ว่าช้า บางที 3 ทุ่ม 4 ทุ่ม เขาก็มหาผมถึงบ้าน เพราะว่าน้ำมันจะเข้ามา ซึ่งบางครั้งหากเห็นว่าน้ำมันราคาตกถึงที่สุดแล้ว และถ้าไม่รีบนำเข้ามาก็จะขึ้นไปอีก ก็ต้องเข้าใจกันซึ่งผมก็เห็นใจที่เขามาหาผมดึก ๆ เช่นนั้น ผมจึงค่อนข้างที่จะมั่นใจว่า การจัดซื้อน้ำมันของปตท.ไม่ได้ด้อยกว่าบริษัทอื่น

ขอให้หมดห่วงได้



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.