สุขภาพดีถ้วนหน้าที่ราชบุรี

โดย ธนิต วิจิตรพันธุ์
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา( กันยายน 2553)



กลับสู่หน้าหลัก

จังหวัดราชบุรี ชื่อมีมงคลยิ่ง แปลว่าเมืองพระราชา เป็นเมืองเก่าแก่เมืองหนึ่งของประเทศไทย พอๆ กับเมืองเพชรบุรี ศูนย์กลางของสุวรรณภูมิ สมัยทวาราวดี พบว่าดินแดนแถบลุ่มน้ำแม่กลองนี้เป็นถิ่นฐานของคนหลายยุค มีความเจริญรุ่งเรืองมาก

เกิด แก่ เจ็บ ตาย การอยู่ การพลัดพรากจากกัน เป็นเรื่องปกติของชีวิตมนุษย์

อ่านข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์ช่วงนี้จะเห็นข่าวจัดเลี้ยงอำลา อาลัย โดยเฉพาะผู้ที่ปฏิบัติหน้าที่รับใช้ประชาชน หรือที่บัญญัติศัพท์ว่า “ข้าราชการ”

ที่ได้ตรากตรำทำงานกันมาใช้ระยะเวลาหลายสิบปี บางคน จัดงานทำบุญเลี้ยงพระ หรือจัดงานเลี้ยงฉลองกันยกใหญ่ ที่นิยมเรียกกันว่าเลี้ยงฉลองอายุ “แซยิด”

แซยิดเป็นคำจากภาษาจีน หมายถึงวันเกิด เป็นประเพณีอย่างหนึ่งของชาวจีนที่มีมาแต่โบร่ำโบราณ แซยิดของคนจีนจะทำ กันตั้งแต่อายุครบขวบปี ไปจนถึงอายุ 49 ปี จึงเรียกแซยิด

ทำตั้งแต่อายุเต็ม 51-59 ปี อายุเต็ม 61-79 ปี เต็ม 81-89 ปี

91 ปีเต็มไปจนถึง 99 ปี เรียกว่าแซยิดเช่นกัน

โง่วจั้บซิว คือทำในวันคล้ายวันเกิดเมื่ออายุเต็ม 50 ปี

ลักจั้บซิว คือ 60 ปีเต็ม

ชิคจั้บซิว คือ 70 ปีเต็ม

โป้ยจั้บซิว คือ 80 ปีเต็ม

เกาจั้บซิว คือ 90 ปีเต็ม

สำหรับอายุเต็ม 100 ปี เรียกว่าเปะส่วยซิว

แซยิดสำหรับคนไทย คือการที่มีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ ซึ่งจะมีการทำบุญเลี้ยงพระ จัดงานเลี้ยงฉลองในหมู่ญาติสนิทมิตรสหายที่รักใคร่

ถ้าเป็นข้าราชการเมื่ออายุ 60 ปี ถึงวาระการเกษียณจากการเป็นข้าราชการ กลายมาเป็นข้าราชการบำนาญ

เมื่อพูดถึงวันที่เกษียณอายุมาเยือน ตลอดเวลาของการทำหน้าที่มานั้น ทุกคนต่างสวมใส่หัวโขน ร้อง เล่น เต้น รำ กันไปตามแต่ภารกิจ แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องถอดวาง บางคนถึงกับออกอาการจิตตก ว้าเหว่ เหี่ยวเฉา ไม่มีความสุขเช่นดังเดิม

การที่เคยมีคนคอยมะรุมมะตุ้ม เอาอกเอาใจ พินอบพิเทาสารพัดเรื่อง ความที่เคยเป็นอภิสิทธิ์ชนในหลายเรื่องหลายสิ่ง

ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจ ทำใจไม่ได้กับการเปลี่ยนแปลงว่า สิ่งเหล่านี้เป็นละครชีวิต ที่ทุกคนต่างได้รับบทบาทมาโลดแล่นกันไปตามกาลเวลา นั่นเอง

บางคนมีชีวิตที่เรียบง่าย สมถะ เมื่อวันนั้นมาถึง เขาเหล่านี้ จะรู้สึกปลอดโปร่งโล่งอก ที่ได้วางสิ่งที่ต้องแบกรับลงเสียที ได้ใช้ชีวิตแบบอิสรเสรี

มีเวลาให้ลูกหลานมากขึ้น ไม่ต้องรีบเร่งหาซื้ออาหารจานด่วน จังก์ฟู้ดที่รังแต่จะกัดกร่อนสุขภาพ ทานเพียงให้อิ่มท้อง โดยไม่คำนึงถึงคุณหรือโทษที่ได้จากการรับประทานเข้าไปในแต่ละมื้อ ไม่ต้องถูกสังคมประณามว่าเป็นแม่บ้านถุงพลาสติกอีกต่อไป ซึ่งจะตามมาด้วยการถามหาจากโรคต่างๆ มีเวลาพิถีพิถันในการเลือก ซื้ออาหารเพื่อบำรุงร่างกาย โดยเฉพาะให้เหมาะสมกับวัย เช่น ผักปลอดสารพิษ เพื่อจะได้ห่างไกลจากการเจ็บป่วยจากโรงพยาบาล

ผักไม่เพียงแต่ทานเข้าไปแล้วอิ่มท้องเท่านั้น แต่ผักยังมีคุณค่า ที่ร่างกายมีความต้องการ มีวิตามิน เกลือแร่ อยู่เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะสารบางอย่างจะมีอยู่ในผักเท่านั้น ผักทุกชนิดจะมีกากใย ซึ่งย่อยไม่ได้และไม่ให้พลังงาน

กากใยมีประโยชน์ ลดอัตราการดูดซึมของน้ำตาล ซึ่งช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด จนสามารถช่วยลดการใช้ปริมาณอินซูลิน

ในการรักษาระดับน้ำตาลในเลือด ตัดโอกาสเกิดโรคเบาหวาน ลดการดูดซึมไขมัน โคเรสเตอรอล กระตุ้นลำไส้ให้ทำงานดีขึ้น ท้องไม่ผูก ลดการเก็บกักของเสียในร่างกาย การหมักหมมของเสียในลำไส้ ลดโอกาสในการดูดซึมสารพิษจากของเสียเข้าสู่ร่างกายและการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ หรือไขมันอุดตันในหลอดเลือด ลดความดันโลหิต ที่สำคัญ คือช่วยให้ลดความอยากอาหาร การให้ พลังงานน้อย และการเข้าไปแย่งพื้นที่ในระบบทางเดินอาหาร ทำให้อิ่มเร็วและนาน ส่งผลคือไม่อ้วน

ความอุดมสมบูรณ์ของประเทศไทยเรา สิ่งหนึ่งคือมีพืชผักชนิดต่างๆ ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนให้ได้รับประทานตลอดทั้งปี มีคุณภาพ สดใหม่ อร่อยราคาไม่แพง และมีสรรพคุณทางยาอีกด้วย

มีทั้งรสเปรี้ยว ใบมะขามอ่อน มะเขือเทศ ช่วยในการฟอก ระบายโลหิต เสมหะ หวัด

รสเผ็ดช่วยในเรื่องอาการแน่นเฟ้อ จุกเสียด การระบายลม บำรุงธาตุ เช่น ผักพวกขิง ข่า ขมิ้น

มะระ ขี้เหล็ก สะเดา สะตอ ใบบัวบก จะมีรสขม ช่วยบำรุงโลหิตและน้ำดี บำรุงไขข้อ แก้เส้นเอ็น เมือกกระดูก ซึ่งจัดอยู่ในประเภทรสขม

จำพวกรสฝาด ยอดฝรั่ง ยอดมะม่วงหิมพานต์ จะช่วยในอาการท้องร่วง สมานแผล

ผักที่มีรสหวานจะช่วยในเรื่องอาการอ่อนเพลีย บำรุงกำลัง เช่น เห็ด และหน่อไม้

ผักที่มีมากมายในรสชาติที่แตกต่าง นำมาปรุงแต่งทั้งแกง ผัด ต้ม จิ้ม ทำได้ทั้งนั้น

อาหารไทยนั้นมีเสน่ห์ในเรื่องสารพัดรส มีทั้งเปรี้ยว หวาน มัน เค็ม พร้อมเครื่องเทศ สมุนไพร เนื้อสัตว์หลากชนิด เมื่อเสริม กันแล้วจะเกิดคุณค่าทางโภชนาการ รวมถึงเป็นเรื่องของศิลปะพ่วง วัฒนธรรม ภูมิปัญญา จนกลายเป็นเสน่ห์ปลายจวัก

บางคนไม่ถนัดและไม่ชอบการเข้าครัว ขั้นตอนมากมายซ้ำยังต้องดูแลเก็บล้าง เป็นเรื่องที่น่าเบื่อ

การพักผ่อน ฟังวิทยุ ดูทีวี มีทั้งรายการสารคดี วาไรตี้ กีฬา ละคร เกมโชว์ สารพัดข่าว มีให้ได้ชมตลอด 24 ชั่วโมง บางครั้งจะมีรายการพิเศษเนื่องในโอกาสต่างๆ มากมายให้ได้ร่วมทำบุญ เช่น วันมหิดล เพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบิดาการแพทย์ของไทย มหาวิทยาลัยที่เปิดการเรียนการสอน จัดกิจกรรมให้ประชาชนได้มี ส่วนร่วมบริจาค อย่างเช่น มูลนิธิโรงพยาบาลสวนดอก คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จัดรายการทางโมเดิร์นไนน์ทีวี ในวันอังคารที่ 21 กันยายนนี้ ด้วยละคร “แสงตะวันที่ ICU” พร้อม สาระน่ารู้ทางการแพทย์

ระดมทุนเพื่อสร้างหอผู้ป่วยไอซียูพร้อมอุปกรณ์การแพทย์ที่ทันสมัย เครื่องช่วยหายใจ ชุดฟอกไต ชุดตรวจหัวใจโดยใช้เสียง สะท้อน ชุดตรวจรังสีภาพปอด เป็นจำนวนถึง 27 ห้อง เพื่อช่วยชีวิต นาทีวิกฤติของผู้ป่วย โดยเฉพาะประชาชนในจังหวัดภาคเหนือ

บางท่านอิ่มบุญด้วยการเข้าวัดทำบุญ สักการะสถานที่อันเป็นมงคล นั่งสมาธิเพื่อความสุข ความสงบ พร้อมเรียนรู้ถึงคุณค่า โบราณสถานที่สำคัญ หรือไปเลี้ยงอาหารเด็กกำพร้าปัญญาอ่อน เด็กพิการซ้ำซ้อน คนชรา มีให้เลือกทำมากมาย ชอบการท่องเที่ยว ทะเล ขุนเขา สถานที่เคยอยู่เคยไปในอดีต หรือยังไม่มีโอกาสสัมผัสเลยตลอดชีวิต ถือว่าเป็นความสุขทั้งสิ้น

สำหรับจังหวัดที่จะพาไปสัมผัสเรื่องราว แง่มุมที่น่าสนใจสำหรับฉบับนี้ ผู้เขียนเคยไปอยู่เมื่อสมัยเป็นเด็ก จังหวัดที่มีภูมิประเทศที่มีความหลากหลาย พื้นที่ราบต่ำ ลุ่มน้ำอันมีความอุดมสมบูรณ์

จังหวัดราชบุรี ชื่อมีมงคลยิ่ง แปลว่าเมืองพระราชา เป็นเมืองเก่าแก่เมืองหนึ่งของประเทศไทย พอๆ กับเมืองเพชรบุรี ศูนย์กลางของสุวรรณภูมิ สมัยทวาราวดี พบว่าดินแดนแถบลุ่มน้ำ แม่กลองนี้เป็นถิ่นฐานของคนหลายยุค มีความเจริญรุ่งเรืองมาก

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ปฐมกษัตริย์แห่ง ราชวงศ์จักรีเคยดำรงตำแหน่งหลวงยกกระบัตรเมืองราชบุรีในยุคปลายของกรุงศรีอยุธยา

นอกจากนี้ยังเป็นเมืองหน้าด่านที่สำคัญ เป็นสมรภูมิที่ใช้ในการรบทัพจับศึกมาอย่างโชกโชน โดยเฉพาะสมัยต้นรัชกาลที่ 1 รับศึกจากพม่าหลายครั้งหลายครา ครั้งที่สำคัญที่สุดคือที่เรียกว่า “ศึกสงครามเก้าทัพ”

ในสมัยพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 เมื่อ พ.ศ.2360 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างกำแพงเมืองใหม่ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำแม่กลอง เป็นเมืองต้นแบบประเพณีวัฒนธรรม

มีพืชผลเศรษฐกิจที่ขึ้นชื่ออยู่หลายชนิด พร้อมทั้งมีพื้นที่จรดชายแดนพม่าโดยเทือกเขาตะนาวศรี มีความหลากหลายด้วยชาติพันธุ์และกลุ่มชน ทำให้เป็นเมืองที่มีวิถีชีวิต วัฒนธรรมที่แตก ต่าง ความเป็นอยู่ของลาวโซ่ง กะเหรี่ยง ไทย-ยวน โบราณสถานที่มีความน่าสนใจไม่น้อย สถานที่ท่องเที่ยว พักผ่อน ปีนเขา เข้าถ้ำ ศิลปะการทอผ้า ทัวร์สุขภาพ ตลาดน้ำ ผลิตภัณฑ์อาหารที่ขึ้นชื่อ การทำโอ่งมังกร มีวัดวาอารามให้ไปนมัสการศาลเจ้าพ่อหลักเมือง เป็นหลักเมืองที่เก่าแก่ สร้าง ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 2

โอ่ง ภาชนะใส่น้ำ เก็บกักน้ำไว้ใช้อุปโภคบริโภคในครัวเรือน

ที่เห็นและเรียกกันว่าโอ่งมังกรนั้นจะนิยมและสั่งนำเข้ามาจากประเทศจีน

เมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้เกิดสภาวะการขาดแคลน สินค้า ไม่สามารถสั่งนำเข้ามาได้ ทำให้ริเริ่มผลิตโอ่งมังกรขึ้นใช้เอง โดยทำเลียนแบบของจีน ด้วยฝีมือช่างชาวจีนที่ราชบุรีเป็นแห่งแรก ในประเทศไทย โอ่งที่ทำขึ้นในระยะแรกๆ นั้นจะไม่มีลวดลาย เรียก ว่า “โอ่งเลียน” หลังจากนั้นได้เริ่มแกะสลักติดลวดลายเป็นลายนูน

ได้สั่งนำเข้าดินขาวจากประเทศจีน เพื่อติดเป็นลายมังกรเลียนแบบโอ่งมังกรจีน ซึ่งระยะหลังมีการวิจัยว่าใช้ดินขาวจากชลบุรี และระยอง มีคุณภาพใกล้เคียงกัน ทำให้ไม่ต้องมีการนำเข้า

ปัจจุบันลวดลายรูปแบบของโอ่งได้เปลี่ยนแปลงตามความนิยม ความต้องการของตลาด เป็นผลิตภัณฑ์ เครื่องเคลือบ ไห อ่างบัว กระถาง และจิปาถะ

โอ่งมังกรจัดได้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์ประเภท “สโตนแวร์” และทุกคนต่างยอมรับว่าโอ่งจากราชบุรีมีคุณภาพดีที่สุด

วัดช่องลมประดิษฐานหลวงพ่อแก่นจันทน์ เป็นพระพุทธรูป ปางอุ้มบาตร สร้างด้วยโลหะทองคำสัมฤทธิ์ ส่วนล่างแกะสลักด้วยไม้เนื้อหอม คือไม้จันทน์

วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ สันนิษฐานว่าสร้างในพุทธศตวรรษที่ 13-16 ไล่เลี่ยกับการสร้างเมืองราชบุรีเก่า วิหารหลวงประดิษฐานพระมงคลบุรี พระพุทธรูปปูนปั้น ปางมารวิชัย ศิลปะอยุธยาตอนต้น พระพักตร์สมัยสุโขทัย

โบราณสถานที่ขึ้นชื่อของจังหวัดราชบุรี คือเมืองโบราณบ้านคูบัว เป็นโบราณสถานที่ขุดค้นพบหลักฐานทางโบราณคดีซึ่งชี้ให้เห็นว่าเคยเป็นเมืองท่าที่เจริญรุ่งเรืองมาแต่อดีต สถาปัตยกรรม ได้รับอิทธิพลทางด้านศิลปะจากช่วงสมัยราชวงศ์คุปตะ ประเทศอินเดีย โดยมีหลักฐานแสดงให้เห็นว่า พุทธศาสนาได้เจริญรุ่งเรือง ในประเทศไทยมากว่า 1,000 ปี

ในประเทศไทยมีถ้ำอยู่มากกว่า 4,000 ถ้ำ และยังมีการสำรวจถ้ำใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา ซึ่งคาดคะเนว่าเมืองไทยเราน่าจะมีถ้ำถึง 20,000 ถ้ำ

ถ้ำที่พบโดยทั่วไปจะอยู่ในภูเขาหินปูน ทั้งทางภาคเหนือ ภาคใต้ และฝั่งตะวันตกของประเทศไทย

จังหวัดที่มีถ้ำมาก เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน กาญจนบุรี และ พังงา ส่วนที่พบน้อยคือจังหวัดในแถบภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เนื่องจากสภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาหินทราย

ถ้ำคือโพรงธรรมชาติในพื้นดินซึ่งมีขนาดใหญ่พอที่คนจะเข้าไปได้ ถ้ำส่วนใหญ่อยู่ในบริเวณที่เป็นหินปูน การจะเกิดเป็นถ้ำ ได้นั้นต้องใช้เวลานับพันปี โดยเริ่มจากการที่น้ำบนดินไหลลงไปตาม รอยแตกของหิน เนื่องจากการที่น้ำได้ดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จากอากาศไว้ ทำให้มีสภาพเป็นกรดอ่อนๆ สามารถกัดกร่อนหินปูนได้ ฉะนั้นเมื่อน้ำไหลลงไปใต้ดิน ทำให้ค่อยๆกัดกร่อนหินต่างๆ จนเปลี่ยนแปลงสภาพกลายเป็นถ้ำ

บริเวณใต้พื้นดินที่ลึกลงไปคือระดับน้ำใต้ดิน จะไม่มีหินปูน แต่จะมีหินชนิดอื่นคอยดูดซับน้ำเอาไว้ เมื่อถูกซับน้ำไว้จนเต็มที่ น้ำจากผิวดินจึงไม่ไหลไปตามแนวระดับน้ำใต้ดิน ทำให้เกิดธารน้ำ ใต้ดินขึ้น ระดับของน้ำใต้ดินอาจจะแตกต่างกันไปในช่วงหลายร้อยปี ในแต่ละครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงของเปลือกโลก น้ำใต้ดินจะเปลี่ยน ทิศทางเดินใหม่ อากาศจะเข้าไปในทางน้ำเดิมและโพรงต่างๆ ทำให้เกิดถ้ำขึ้น

ถ้ำเป็นสถานที่เล็กๆ ที่อยู่ในหิน ใช้แร่ธาตุพลังงานน้อย มีการเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศน้อย ผู้ที่เข้าไปท่องเที่ยวจึงต้องมีความระมัดระวัง เพราะหากเกิดความเสียหาย การฟื้นตัวตามธรรมชาติมาทดแทนนั้นทำได้ยาก และต้องใช้เวลายาวนานมาก ควรพยายามสร้างผลกระทบให้น้อยที่สุดในการไปเที่ยวถ้ำ เพื่อคน รุ่นต่อๆ มาจะได้พบเห็นสิ่งต่างๆ อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์

จังหวัดราชบุรีมีถ้ำที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว คือ ถ้ำจอมพล และถ้ำเขาบิน อยู่ในเขตอำเภอจอมบึง

ถ้ำจอมพลนี้เดิมชื่อถ้ำมุจลินทร์ มีฝูงลิงอยู่อาศัยเป็นจำนวน มาก พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระศรี พัชรินทราบรมราชินีนาถได้เคยเสด็จประพาสถ้ำนี้ ทรงพอพระทัย ในความงดงามของหินงอกหินย้อย โดยเฉพาะหินย้อยผาวิจิตร ที่ดูแล้วเหมือนริ้วไหมอินทรธนูบนบ่าของจอมพล จึงพระราชทานนามถ้ำนี้ว่า “ถ้ำจอมพล”

ส่วนถ้ำเขาบินอยู่ในเทือกเขาบิน มีเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่เศษ ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ มีความลึกจากปากถ้ำถึงบริเวณลึกสุดประมาณ 300 เมตร แบ่งออกเป็นคูหาตามลักษณะหินงอกหินย้อย วิจิตรตระการตา จากหินงอกหินย้อยรูปพญาอินทรีกางปีกดูสง่างาม เป็นถ้ำแรกของประเทศไทยที่มีการจัดแสงสีภายในถ้ำ

อำเภอดำเนินสะดวกเป็นที่ราบลุ่ม ป่าดงไผ่ ต้นเสือหมอบ ไม่มีคลองเช่นปัจจุบัน การคมนาคมส่วนใหญ่เดินเท้าหรือพาหนะเกวียนใช้สัตว์ ช้าง ม้า ควาย ทางน้ำใช้เรือพาย เรือแจว

เมื่อ พ.ศ.2409 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้ขุดคลองดำเนินสะดวกระยะทางกว่า 35 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมแม่น้ำแม่กลองที่บางนกแขวก อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงครามกับแม่น้ำท่าจีนที่ประตูน้ำบางยาง อำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร โดยใช้ทหาร ข้าราชการ ประชาชน ตลอดจน ชาวจีนที่มาอาศัยอยู่ในเมืองไทย ซึ่งเป็นแรงงานคนล้วนๆ ตามมาด้วยคลองเล็กๆ มากมาย เมื่อความเจริญเข้าถึงและปรับเปลี่ยน เป็นเรือกสวนไร่นา ซึ่งเป็นสินค้าหลักสำคัญของตลาดน้ำ ทำให้ชาวราชบุรี สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร สามารถสัญจรทางน้ำ ได้สะดวก

ปัจจุบันภาพเรือพายบรรจุผลผลิตทางการเกษตรพร้อมบรรดาแม่ค้าชาวสวนสวมงอบ พายเรือเร่ขายสินค้ายังพอมีให้พบ เห็นที่ตลาดน้ำดำเนินสะดวก หรือที่รู้จักกันในนามตลาดน้ำคลองต้นเข็มนั่นเอง

นอกจากนี้ยังมีตลาดน้ำคลองลัดพลี บริเวณวัดราษฎร์เจริญ ธรรมเป็นตลาดน้ำดำเนินสะดวกเก่าที่ฟื้นฟูให้กลับมาคึกคักดังเดิม โดยจะมีสินค้าจำพวกผลิตผลทางการเกษตร พืชผักผลไม้ปลอดสารพิษ ก๋วยเตี๋ยวเรือ หรือกาแฟโบราณพายเรือขายกันอยู่ หรือการล่องเรือชมวิถีชีวิตตลาดน้ำ วัฒนธรรมพื้นบ้าน ชนหลายเผ่า สินค้าโอทอป รวมถึงการประคบสมุนไพร

กิจกรรมที่น่าสนใจอีกอย่าง คือเส้นทางการล่องเรือตามรอย เสด็จพระพุทธเจ้าหลวง ในอดีตพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชประสงค์ต้องการทราบชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร จึงทรงเรือมาดกะสวยมาตามลำพัง เส้นทางที่พระองค์ เสด็จประพาสนี้ นับเป็นเส้นทางสายประวัติศาสตร์ที่ทรงแสดงความห่วงใยพสกนิกรของพระองค์

การเดินทางตามเส้นทางเสด็จนี้จึงเป็นเรื่องราวที่น่าศึกษาสายหนึ่งของราชบุรี เริ่มจากท่าน้ำคลองดำเนินสะดวก คลองต้น ตาล ชิมน้ำมะพร้าวอ่อน สวนมะม่วง สวนเกษตร บ้านเรือนไทยเก่าริมน้ำ ก๋วยเตี๋ยวเรือ ผ่านวัดโชติทายการาม และบ้านเจ๊กฮวด ซึ่งครั้งหนึ่งรัชกาลที่ 5 เคยเสด็จมาในแบบสามัญชนและเสวยพระกระยาหารที่นี่ ก่อนจะผ่านตลาดลัดพลี สู่ใจกลางตลาดน้ำ ดำเนินฯ อีกครั้ง

ปัจจุบันผู้คนหันมาสนใจดูแลสุขภาพกันอย่างเป็นจริงเป็นจังและมากขึ้นตามลำดับ

โรงพยาบาลดำเนินสะดวกมีบริการสำหรับนักท่องเที่ยวที่สนใจในเรื่องสุขภาพ ซึ่งเป็นสไตล์ท้องถิ่น มาตรฐานสากล โดยเฉพาะผู้มีสิทธิเบิกค่ารักษาพยาบาลและมีปัญหาสุขภาพ

โดยมีการส่งเสริมสุขภาพแบบองค์รวม ในบรรยากาศของการพักผ่อนและภูมิปัญญาไทย ด้านการแพทย์แผนไทย อาหารสุขภาพ พร้อมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ โดยแพทย์และพยาบาล

วัดหลวงพ่อสดธรรมกายาราม บนถนนบางแพ-ดำเนิน สะดวก พระอุโบสถสร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย และเป็นที่เก็บรักษาพระพุทธรูปหยกปางต่างๆ นอกจากนี้ยังมีอุทยานการศึกษา และสวนป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ กว่า 200 ไร่

สำหรับคนที่ชอบไขว่คว้าธรรมชาติบนพื้นที่สูง โอบล้อมไป ด้วยขุนเขา ติดชายแดนพม่า สภาพอากาศเย็นสบาย มีรีสอร์ตในรูปแบบต่างๆ ให้ได้เลือกพัก เหมาะกับครอบครัว หมู่คณะ คู่สวีต หวาน ในขณะนี้เห็นกำลังก่อสร้างที่พัก แบบพวกที่ชอบการขับรถท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจ บุกป่าฝ่าดงเข้าไปจอดนอนเห็นว่าใกล้เสร็จ ภายในปีนี้ให้ได้พักกันแน่นอน คือดินแดนอำเภอสวนผึ้งนั่นเอง

“ห้วยคอกหมู” รอยต่อพรมแดนไทย-พม่า จุดชมวิว ซึ่งอยู่บนเทือกเขาตะนาวศรี สูงกว่าระดับน้ำทะเล 867 เมตร โดยติดกับสหภาพพม่าที่จังหวัดมะริด จะเห็นพื้นที่ป่าเขาอันอุดมสมบูรณ์ ไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติและป่าไม้ขนาดใหญ่นานาชนิด

คนพื้นเพ คนเก่าแก่ คนโบราณ จะมีความภาคภูมิใจที่ได้เกิดเป็นคนโพธาราม อย่างพอเอ่ยถึงคำขวัญของจังหวัดราชบุรี 4 ใน 8 ของคำขวัญนั้นจะเป็นของโพธาราม “คนสวยโพธาราม วัดขนอนหนังใหญ่ เพลินค้างคาวร้อยล้าน และย่านยี่สกปลาดี”

เทศบาลที่นี่ก็เป็นเทศบาลเมือง เช่น อำเภอเมือง อำเภอ บ้านโป่ง นอกจากนี้ยังมีชื่อในเรื่องของอาหารการกินอีกมากมาย ถั่วงอก ซึ่งถือได้ว่าเป็นพืชเศรษฐกิจของชาวโพธารามที่สำคัญ

หัวไชโป๊ว “แม่กิมฮวย” “ตังกวย” “ชฎา” ทั้งรสเค็มรสหวาน แบบลูกเต๋า สับ หรือฝอย ซึ่งจะนำไปประกอบอาหาร รับประทาน กับข้าวต้ม ข้าวสวย ได้หลายอย่าง

ผักกาดดอง ผักกาดสามรส กาหนาไฉ่

ปลาตะเพียน ปลายี่สก กุ้ง ที่มีเนื้ออร่อยไม่สาบโคลน เนื้อ หวาน อยู่ในลำน้ำแม่กลองนั้นว่ากันว่าที่โพธารามนั้นสุดยอด เพราะท้องน้ำช่วงโพธารามจะเป็นดินทรายไม่ใช่ดินเลนเช่นที่อื่น

อาหารเพื่อสุขภาพที่คนนิยมรับประทานอาหารเจแทน เนื้อสัตว์ คือเต้าหู้ขาว ซึ่งมีกว่า 20 โรง

คนจีนในโพธารามจึงมีสูตรเต้าหู้ดำอันเก่าแก่ทำรับประทาน ในครัวเรือน ทำให้เกิดอาหารเพื่อสุขภาพที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ตำรับเต้าหู้ดำสมุนไพรที่เมืองนี้

วันก่อนนำไปเป็นของฝากอัจฉรา กรรณสูต เจ้าของฟองดูเฮาส์ พหลโยธิน ซอย 9 พอวันรุ่งขึ้นได้รับโทรศัพท์ว่าอร่อยมาก แม่บ้านนำไปผัดน้ำมันหอยให้รับประทานและได้นำไปฝากดุษฎี พลอากาศโทเจริญ อยู่เจริญ ข้าราชการบำนาญซึ่งเคร่งครัดในเรื่อง สุขภาพ ถึงกับร้องอ๋อทันที เพราะเมื่อครั้งที่ไปทัวร์สุขภาพกับโรงพยาบาลดำเนินสะดวกได้รู้รสเต้าหู้ดำสมุนไพรในรูปแบบต่างๆ ผัดพริก ผัดกะเพรา ลาบ ได้ลิ้มลองมาแล้วทั้งนั้น

นอกจากเรื่องอาหารการกินของฝากแล้ว ยังมีตำบลที่เป็นตำนานประวัติศาสตร์ชาติไทยในเรื่องการกู้ชาติ เมื่อ 200 กว่าปี เป็นชื่อที่พระเจ้ากรุงธนบุรีทรงตั้งชื่อหมู่บ้านนี้ “เจ็ดเสมียน” ด้วย ความประทับใจ

หลังเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 พระเจ้าตากสินมหาราชได้รวบรวมไพร่พลเพื่อไปสู้รบขับไล่พม่า เมื่อมาถึงราชบุรีได้ประกาศ รับสมัครชายไทยเพื่อไปร่วมกู้ชาติ ผู้คนสนใจมาสมัคร เกรงว่าเสมียนจะลงบันทึกเสร็จไม่ทันพลบค่ำ จึงรับสมัครเสมียนได้ 7 คน ทำให้การนั้นเสร็จทันก่อนตะวันตกดิน

ชุมชนเจ็ดเสมียนสำหรับนักนิยมเที่ยวตลาดเก่า อยู่ห่างจาก ตัวจังหวัดราชบุรีประมาณ 20 กิโลเมตร จากกรุงเทพฯ จะถึงแยก เจ็ดเสมียนก่อนเข้าตัวอำเภอโพธาราม เจ็ดเสมียนอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชผักทางการเกษตรโดยเฉพาะเป็นที่โจษจัน จึงมีคำขวัญประจำตำบล ถิ่นไชโป๊วหวานฯ ชุมชนเจ็ดเสมียนอยู่หลังสถานีรถไฟเล็กเจ็ดเสมียน ซึ่งรถไฟสายใต้ทุกขบวนจากกรุงเทพฯ จะต้องผ่านก่อนถึงจังหวัดราชบุรี

วัดพระศรีอารย์ ตำบลบ้านเลือก โพธาราม เดิมชื่อวัดสะอาน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2292 เดิมไม่มีพระจำพรรษา มีผู้พบพระอุโบสถสภาพทรุดโทรม ภายในมีพระประธานเก่าแก่เป็น อิฐเผาถือปูน ด้านทิศเหนือพระอุโบสถมีสระขนาดใหญ่ ต่อมาเริ่ม มีพระประจำพรรษา เปลี่ยนชื่อเป็นวัดศรีอารย์เมื่อปี พ.ศ.2520 ปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐานพระอุโบสถทองคำร้อยล้าน รูปแบบพระอุโบสถศิลปะอยุธยาตอนปลาย ประดับลวดลายปูนปั้น จิตรกรรม ฝาผนังเรื่องพระมหาชนก ทศชาติ พระเจ้าห้าพระองค์

พระประธานในพระอุโบสถ เป็นพระปางมารวิชัยศิลปะพม่า สร้างด้วยหยกขาวทั้งองค์ที่อัญเชิญมาจากพม่า

พระพุทธรูปคู่วัดพระศรีอารย์ เป็นพระพุทธรูปเก่าแก่พิมพ์พระศรีอาริย์ ซึ่งมีลักษณะเด่นคือ มีตาลปัตรอยู่ด้านหน้าองค์พระพุทธรูป จีวรจับจีบคล้ายพระพุทธรูปสมัยคันธาระ เป็นพระ พุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ภายในวัดมีต้นสาละที่นำมาจากประเทศอินเดีย

วัดขนอนหนังใหญ่ อยู่ห่างจากตัวอำเภอ 10 กิโลเมตร สำหรับพิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดขนอน สร้างเป็นเรือนไทย จัดแสดง นิทรรศการหนังใหญ่ ประวัติความเป็นมา กรรมวิธีการแกะสลัก ส่วนใหญ่เป็นตัวละครในเรื่องรามเกียรติ์ ชุดหนุมานถวายแหวน ชุดสหัสสกุมาร และเผากรุงลงกา ชุดศึกอินทรชิต ครั้งที่ 1 เป็นโครงการตามพระราชดำริในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งทรงเห็นคุณค่าในการแสดงและศิลปะหนังใหญ่ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นการละเล่นชั้นสูง ตัวหนังมีการแกะสลักลวดลาย ใช้วงมโหรีปีพาทย์เป็นเครื่องดนตรีประกอบ พร้อมลีลาของคนเชิดประกอบบทพากย์และบทร้อง

ทรงมีพระราชดำริให้ทางวัดช่วยกันอนุรักษ์ตัวหนังใหญ่ ซึ่ง หลวงปู่ตะล่อม อดีตเจ้าอาวาสในสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นผู้สร้างขึ้น ด้วยท่านเป็นผู้มีความรู้ในด้านช่าง จึงสร้างตัวหนังใหญ่ให้มีขนาด ใหญ่กว่าเดิม จึงชักชวนครูอั๋ง ผู้เคยเป็นโขนคณะเจ้าเมืองราชบุรี ช่างจากและช่างจ๊ะชาวราชบุรี และช่างหว่องชาวบ้านโป่ง มาช่วย กันสร้างตัวหนังชุดแรก หนุมานถวายแหวน สร้างจนได้ 9 ชุด นับ เป็นสมบัติของวัดที่ร่วมรักษาสืบทอดกันมา

วัดมอญ สร้างโดยพระยามอญ มีอายุกว่า 200 ปี เดิมเรียก วัดกลาง หรือเดี้ยโต้ รัชกาลที่ 5 ทรงพระราชทานนามใหม่ว่าวัดคงคาราม มีพระอุโบสถ เจดีย์ทรงรามัญ 7 องค์รายรอบ มีพระประธาน แกนในทำด้วยศิลาแลงและปิดทอง ฐานชุกชีทำเป็นบัวคว่ำบัวหงาย

ภาพจิตรกรรมฝาผนังฝีมือละเอียดอ่อน ภาพแต่ละภาพ เสมือนถ่ายทอดจากต้นแบบที่มีชีวิตจริง เขียนขึ้นสมัยรัตนโกสินทร์ ตอนต้น เป็นภาพพุทธประวัติตอนต่างๆ กุฏิเรือนไทยสร้างเมื่อสมัยกรุงธนบุรี

ถ้ำค้างคาวเขาช่องพราน มีถ้ำสวยงาม คือถ้ำพระนอน มีพระพุทธรูปภายในถ้ำมากกว่าร้อยองค์และพระพุทธรูปปางไสยาสน์ องค์ใหญ่ เขาช่องพรานจะเต็มไปด้วยฝูงค้างคาวนับล้านตัว ที่บินออกจากถ้ำเป็นสายสีดำนานนับชั่วโมงในเวลาช่วงใกล้ค่ำ

อาหารญี่ปุ่นมักนิยมนำหัวไชเท้าดิบมาขูดฝอยใส่ลงในซีอิ๊ว ใช้เป็นน้ำจิ้ม เพราะชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นการช่วยกระตุ้นน้ำย่อย

ปัจจุบันจะมีหัวไชเท้าญี่ปุ่นจำหน่ายในซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป นอกจากรสชาติจะหวานกรอบ เนื้อแน่น ไม่มีกลิ่นฉุนรุนแรงแล้ว ยังมีคุณสมบัติในการล้างสารพิษ ล้างผนังลำไส้ ช่วยละลายเสมหะ เมื่อนำไปต้มกับน้ำซุปได้รสชาติหอมหวานน่ารับประทาน

สำหรับน้ำจิ้มเปาะเปี๊ยะทอด เปาะเปี๊ยะสด เนื้อหมูห่อใบชะพลู กุ้งพันอ้อย บรรดาอาหารเวียดนามก็นิยมเช่นกัน หรือหัวไชเท้าของคนจีน นิยมนำไปต้มเป็นน้ำแกงเช่นกัน

นอกจากนี้ยังนิยมนำไปทำในรูปของการถนอมอาหารทำเค็ม ที่เรียกหัวไชโป๊ว เก็บไว้รับประทานตลอดทั้งปี

ด้านการแพทย์แผนจีน หัวไชเท้านั้นอยู่ในกลุ่มหยาง คือเมื่อมีไข้ไม่ควรรับประทาน เพราะเป็นอาหารร้อน ส่วนในตำรายาพื้นบ้านของอินเดีย บอกไว้ว่าเมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะช่วยในการนอนหลับ รวมไปถึงการแก้โรคประสาท

สำหรับหัวไชเท้าที่มีรสอร่อยขึ้นชื่อ ต้องปลูกที่โพธาราม คลองท่อ เจ็ดเสมียน เนื่องจากสภาพดินเหมาะกับการปลูกพืชชนิดนี้ ที่โพธารามมีชาวจีนอยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก เมื่อก่อนหัวไชเท้ามีมากเกินความต้องการ ขายได้ในราคาถูก ทุกคนต่างเริ่มทำ หัวไชโป๊ว เดี๋ยวนี้กลายเป็นอุตสาหกรรม ปัจจุบันหัวไชเท้าจะนำมาจากแหล่งอื่นเช่น สวนผึ้ง กาญจนบุรี หรือนครสวรรค์

“แม่กิมฮวย” พเยาว์ ศิลปะวิลาวัณย์ ริเริ่มทดลองทำหัวไช โป๊วหวาน ต่อมาออกมาในรูปแบบต่างๆ บรรจุภัณฑ์สวยงาม ทำให้ โพธารามมีสินค้าของฝากที่ขึ้นชื่อ ผู้มาเยือนจะต้องซื้อกลับไปเสมอ นอกจากการยืนยันคุณภาพด้านต่างๆ จากโอทอป ชวนชิมแล้ว ความโอ่อ่าสะอาดตา การบริการที่ประทับใจ โดยเฉพาะห้องสุขา และที่ตั้งใกล้สถานีรถไฟเจ็ดเสมียน ยังมีผ้าฝ้ายทอมือบ้านไร่ ผ้าขาวม้า กางเกงชาวเลสีสดใส จำหน่ายอีกด้วย

พืชเศรษฐกิจของชาวโพธารามตั้งแต่อดีต ถั่วงอกเป็นส่วนประกอบของอาหารหลากชนิด ทั้งก๋วยเตี๋ยว ผัดไทย หอยทอด ขนมจีน ผัดเลือดหมู ขนมเบื้องญวน เปาะเปี๊ยะ ถั่วงอกให้คุณค่า ทางโภชนาการ โปรตีน วิตามินบีและซี เกลือแร่ เส้นใยอาหาร มีแคลอรีต่ำ และยังมีสรรพคุณช่วยป้องกันมะเร็งลำไส้ ต้นถั่วงอกมีรากงอกจากเมล็ดถั่วเขียว ถั่วเหลือง

สมัยก่อนชาวโพธารามใช้พื้นที่หาดทรายริมตลิ่งแม่น้ำ แม่กลองเป็นที่เพาะถั่วงอก โดยทุกคนจะรู้ว่าพื้นที่ของตัวเองอยู่ ณ ตรงไหน บริเวณใด โดยการขุดหลุมแล้วใช้เท้าเหยียบให้แน่น แล้วจึงใส่เมล็ดพันธุ์ถั่ว สะด้วยกิ่งไม้ ใช้เวลา 2-3 วัน จะได้ถั่วงอกต้นสวยสั้น อวบขาวน่ารับประทาน นำขึ้นมาล้างร่อนด้วยกระด้งที่บริเวณริมน้ำแม่กลองก่อนไปจำหน่าย

เนื่องจากมีการดูดทรายในลำน้ำแม่กลองแถบนี้มากจนทำให้ภูมิประเทศ สิ่งแวดล้อมเปลี่ยนแปลงไป หาดทรายจึงหายไป จึงมีการก่อสร้างเขื่อนเพื่อกันตลิ่งพัง อย่างที่เห็นในปัจจุบัน

การผลิตถั่วงอกมีรูปแบบที่แตกต่างไปจากเดิม การเพาะถั่วงอกวิธีง่ายๆ ใช้ถั่วเขียวเพาะกับแกลบหรือทรายในปี๊บ แต่ความ ต้องการบริโภคมีมากขึ้น ทำให้กลายเป็นอุตสาหกรรมขนาดย่อม เพื่อผลิตและส่งขายได้ปริมาณมากขึ้น

เมื่อเอ่ยชื่อสมใจ จิตตลีลา ผู้คนอาจจะมึนงง แต่ถ้าบอกว่า “เจ๊อั๊ง” คนใน 18 ตำบลของโพธารามจะร้องอ๋อทันที เพราะเป็นเจ้าของสูตรต้นตำรับเต้าหู้ดำสมุนไพรเพื่อสุขภาพนั่นเอง บรรพบุรุษ ของเจ๊นั้นโล้สำเภามาจากจีนผืนแผ่นดินใหญ่ ตั้งรกรากในเมืองไทย ที่ประเวศ แถวๆ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลาดกระบังนั่นแหละ โดยยึดอาชีพฟักลูกไก่ เป็ด ห่าน ขาย

ต่อมาขยับเข้ามาอยู่ที่สามแยกแถวเฉลิมบุรียังยึดอาชีพเดิม มารดาไม่ชอบความพลุกพล่านวุ่นวาย พออพยพครอบครัวมายัง อำเภอโพธาราม แต่ยังคงยึดอาชีพเดิม เสริมด้วยขายรำข้าวและเลี้ยงเป็ดเพื่อนำไข่มาทำไข่เค็ม ช่วงแรกพอกด้วยขี้เถ้าแกลบ ต่อมา เป็นดินสอพอง ไข่เค็มรสชาติอร่อยรู้จักกันทั่ว ด้วยพี่ชายซึ่งเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงของครอบครัวเกิดมีปัญหาสุขภาพ จึงมายึดอาชีพขายวัสดุก่อสร้าง ขายทั้งเงินสด เงินเชื่อ (เชื่อจริงๆ คือเชื่อแล้วไม่จ่าย) ทำให้เกิดปัญหาเรื่องการเงิน จึงเลิกกิจการ

เหตุที่เกิดกิจการเต้าหู้ดำสมุนไพรสุขภาพ เนื่องด้วยหลานเรียนสาธิตประสานมิตร ทางโรงเรียนชวนออกร้านในงานโรงเรียน เนื่องจากโพธารามมีเต้าหู้ขาวเป็นสินค้าที่ขึ้นชื่อ จึงขันอาสาทำเต้าหู้ทอด เมื่อถึงวันงานถูกยกเลิก เต้าหู้ขาวที่สั่งไว้ ถึง 300 อัน คืนโรงงานไม่ได้ จึงตัดสินใจไปขอสูตร ดั้งเดิมที่อร่อยของการทำเต้าหู้ดำจากต้นตำรับ “แม่ซิม โพพิพิธ” บอกสูตรให้ใส่เกลือ น้ำตาล ซีอิ๊วดำ ลองทำดู แล้วแจกจ่ายไปทั่ว ทุกคนบอกว่าอร่อย ให้ทำขาย เจ๊อั๊งเริ่มออกงานขายครั้งแรกเมื่อปี 2547 โดยได้รับการสนับสนุนจากทางอำเภอ โดยปลัดอาวุโส สุทธิพล จุลเจริญ ปัจจุบันคือรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครนายก

ก่อนที่จะออกขายเป็นล่ำเป็นสัน เป็นคนชอบท่องเที่ยว ช่วง อากาศหนาวจะต้องเป็นผู้นำทัวร์ดอยแม่สลอง เพราะติดใจความอร่อยของขาหมูยูนนาน

เมื่อไปพักกินและเที่ยวอยู่หลายปี เกิดความสนิทสนม เลย ขอสูตรเพื่อนำกลับมาทำเอง ตอนแรกทำขาหมู ต่อมาคิดได้ว่าน่า จะลองมาทำกับเต้าหู้ดำ จนกลายเป็นต้นตำรับเต้าหู้ดำสมุนไพรเพื่อสุขภาพเจ้าแรกในโพธาราม ซึ่งได้รับรางวัล OTOP สี่ดาวในปี 2549 ต้องใช้เต้าหู้ทำเสร็จจากโรงงาน ใหม่ คุณภาพดี ใส่เกลือไอโอดีน น้ำตาล ซีอิ๊วดำ เครื่องพะโล้และสมุนไพรจีน ต้มประมาณ 6 ครั้ง เช้า-เย็น ครั้งละ 3 ชั่วโมง เต้าหู้ดำสมุนไพรจะมีความหวาน หอมและรสนุ่ม แต่ทำกันภายในครอบครัว ไม่มีคนงาน ใครว่างก็ช่วยทำไปเรื่อยๆ ทั้งหมดจะมี 4 เตา เตาไหนว่างก็ต้มใหม่

นอกจากนี้เจ๊ยังมีกาหนาไฉ่ที่มีรสชาติอร่อย ผัดข้าวทานหรือ ทานกับข้าวต้ม โดยใช้ผักกาดดอง สมอสด ซีอิ๊วขาว สมุนไพรเคี่ยวจนละเอียด

ร้านอยู่บนถนนราษฎรอุทิศ อำเภอโพธาราม เลขที่ 60 ซึ่งแถวนี้จะมีห้องแถวเก่าแก่เหลือให้เห็นกว่า 20 ห้อง ที่เรียกว่าตลาดบนกว่า 30 ห้อง

ปัจจุบันจะเห็นพ่อค้าแม่ขายขึ้นป้ายผลิตภัณฑ์ของตนเองว่า เจ้าแรก เจ้าโบราณ สูตรดั้งเดิม ผู้เขียนคิดว่าสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงและจำเป็นสำหรับผู้ซื้อคือ คุณภาพ มาตรฐาน สะอาด ปลอดภัย ซื่อสัตย์ ยุติธรรม กี่ครั้งๆ ลูกค้ายังต้องตรงมาที่คุณเสมอ

ถ้าเป็นเช่นนี้แล้ว ในที่สุดคุณก็คือ “เจ้าแรกของจริง” จริงแท้แน่นอนครับ


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.