หลีเอียวกัง ลูกชายคนโตของหลีจี้เต๋าคนนี้อาจจะยังไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก
การทำตัวอย่างสบาย ๆ นั่งทำงานบนโต๊ะตัวเล็ก ๆ และอยู่ในห้องเดียวกับพนักงานของบริษัท
อาจทำให้หลายคนเองมองไปว่า เขาเป็นแค่พนักงานธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
จะว่าเขาเป็นคนเปิดเผยก็มิใช่ จะเป็นคนลึกลับก็ไม่เชิงเมื่อถามถึงการศึกษา
การุณจะบอกก็เพียงแต่ว่า เขาผ่านการศึกษาด้านบริหารธุรกิจมาจากเยอรมัน "ผมอยู่ที่นั้นหลายปีผมคิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องรู้ว่าผมจบมาจากที่ใด"
เขากล่าวด้วยเสียงที่ราวกับลิ้นพันกันกับ "ผู้จัดการ"
เมื่อกลับมาจากเยอรมันใหม่ ๆ หลีจี้เต๋าจับเขาไปฝึกงานดูงาน และคิดค้นงานกับโรงงานสุราขาว
ของกรมสรรพสามิตที่ประมูลมาได้ จนกระทั้งหมดอายุสัญญาพร้อมกับหลีจี้เต๋าเสียชีวิต
การุณจึงต้องกลับมาคุมงานที่ประมวลผลอย่างจริงจัง
ด้วยประสบการณ์การเป็นนักเรียนนอกทำให้การุณตัดสินใจรื้อโครงสร้างการบริหารเก่า
ๆ ของบริษัทนี้ลงไม่น้อย ดึงเอาสุชาติ ศรีบัวทอง เอเย่นต์ใหญ่ค้าเหล้าของนครปฐมเข้ามาร่วมทีมงานฝ่ายตลาด
และเป็นและเป็นผู้ที่ถูกกำหนดให้ไปปลุกปั้น "แมวทอง"
นอกจากนี้การุณยังอุดช่องโหว่ที่ไม่เคยประชาสัมพันธ์บริษัทด้วยการว่าจ้างบริษัทโฆษณาให้มาทำโฆษณาผลิตภัณฑ์ของประมวลผลมากยิ่งขึ้น
และด้วยความสัมพันอันดีกับผู่ใหญ่ธนานครหลวงไทยทำให้ตัดสินใจกู้เงินอีกหลายสิบล้านเพื่อขยายโรงงานการผลิตให้ทันสมัยยิ่งขึ้น
"ทำแน่แต่จะทำแบบค่อยเป็นค่อยไป" เขากล่าวสั้น ๆ
วัย 40 ปีกว่า ๆ ของการุณเขาบอกว่า "ควรจะเป็นจุดเริ่มต้นความสำเร็จของชีวิตและครอบครัว"
สิ่งที่เขาหวังมากที่สุดว่าจะต้องเป็นที่เชิดหน้าชูตานั้น มันน่าตลกที่เขาไม่ใยดีอะไรเท่าไรนักกับ
"แมวทอง" และ "คูลเลอร์คลับ" ที่ลงทุนอัดฉีดอย่างหนักในเวลานี้
ส่วนลึกของหัวใจการุณต้องการที่สนุดที่จะทำวิสกี้ไทยให้ได้มาตราฐานเดียวกับวิสกี้นอกอย่างเช่น
จอห์นี้ วอล์เกอร์ ซึ่งก็เริ่มดำเนินการแล้วระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นการใช้ชื่อหรือแพคเกจจิ้ง
ซึ่งชื่อที่จะใช้ก็คือ "สิงหราช" ราคาขายตั้งไว้ขวดละ 200 บาท
การุณคาดว่าปัญหาฉลากที่ขออนุญาตไปคงได้รับอนุมัติเร็ว ๆ นี้ และไม่เกินกลางปีนี้
"สิงหราช" ที่ครั้งหนึ่งกลายเป็นสิงห์หลับคงเผ่นโผนโจนทะยานออกมาได้อย่างแน่นอน
"ผมหวังตัวนี้มากที่สุด "
ภาระกิจประจำที่การุณต้องทำอย่างหนักในเวลานี้ก็คือ การออกแน่นำตัวตามงานสังคมต่าง
ๆ พร้อมกับแจกจ่ายสิ้นค้าสนับสนุนอย่างเต็มที่ เสาร์-อาทิตย์ แทบจะไม่เคยพบหน้าลูกเมีย
หลีเอียวกังคนนี้เป็นนักบริหารที่ไม่มีหนังสือคู่มือบริหาร วางอยู่บนโต๊ะเลยสักเล่ม
แต่ที่เขาต้องอ่านและขากเสียมิได้ก็คือ ทุกเช้าวันจันทร์ต้องมีนิตยสารกีฬาสตาร์ซ็อกเกอร์
วางอยู่บนโต๊ะ ฟุตบอลเป็นกีฬาที่ชอบเป็นชีวิตจิตใจ ทีมฟุตบอลที่คลั่งไคล้อย่างสุดชีวิตก็คือลิเวอร์พูล
หรือเจ้าหงส์แดงที่เป็นราชันย์ครองแชมป์มาหลายสิบไป
การุณก็หวังไว้เช่นกันว่าวันหนึ่งเขาต้องเป็นหงส์ผงาดฟ้าให้จนได้ !