ไวน์คูลเลอร์ - แนวรบน่ากลัวแต่น่าลอง


นิตยสารผู้จัดการ( มิถุนายน 2530)



กลับสู่หน้าหลัก

"ไวน์" เป็นเหล้าที่ไดรับความนิยมในหมู่คนไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ อัตราการดื่มอาจจะไม่ขึ้นพรวดพราดอย่างเหล้าบางสกุล แต่สิ่งที่ดีที่สุดของไวน์ยากที่ชนิดอื่นจะเท่าเทียมได้ก็คือ เป็นเหล้าที่เติมโตอย่างมั่นคงและสม่ำเสมอมากในรอบปีที่ผ่านมา

ไวน์ที่คุ้นลิ้นคุ้นปากส่วนใหญ่เป็นไวน์ที่มาจากการบ่มหมักของน้ำผลองุ่น ซึ่งรสชาติอาจจะไม่นุ่มคอหวานลิ้นเท่าใดนัก กระทั้งเมื่อปี 2523 เด็กหนุ่ม 2 คน ในรัฐแคลิฟอร์เนียสหรัฐอเมริกาได้ค้นพบสูตรพิเศษในการปรุ่งแต่งไวน์ธรรมดาสามัญให้มารสชาติและละนุ่มละม่อมมากยิ่งขึ้น

เยขามนำเอาไวน์ทั่ว ๆ ไปมาผสมกับย้ำผลไม้บางอย่างเช่น ไซปรัส พรัสชั่นฟู๊ด ปรากฏผลเป็นที่น่าทึ่งมากเมื่อไวน์ผสมชนิดใหม่นี้ได้รสชาติแก่การดื่มที่สุดแสนจะวิเศษยิ่งนัก หากความบังเอิญค้นพบความเปลี่ยนแปลงเป็นการค้า โดยมีการจัดตั้งบริษัท แคลิฟอร์เนีย คูลเลอร์ จำกัด ผลิตไวน์ชนิดนี้โดยให้ชื่อว่า "ไวน์คูเลอร์"

ตลาดหลักของไวน์คูเลอร์ระยะแรกเน้นหนักไปที่ กลุ่มวัยรุ่นและผู้หญิง ทั้งนี้เนื่องจากไวน์ชนิดนี้มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ 5 ดีกรีรวมอยู่ด้วย ดังนั้นจึงเหมาะที่สุดที่จะเป็นเครื่องดื่มเบา ๆ เฉกเช่นบุรุษเพศที่มีเครื่องดื่มหนัก ๆ อย่างวิสกี้

ด้วยความเป็นของใหม่ทำให้ยอดขายปีแรกไม่ลื่นไหลเท่าใดนัก ขายได้เพียง 3,000 ลังเท่านั้น (ลังละ 2 โหล) แต่แนคลิฟอร์เนียคูลเลอร์ได้ไม่ได้ทิ้งความพยายามใช้กลยุทธทะลุทะลวงตลาดทุกรูปแบบโดยเฉพาะการโฆษณาที่แสดงให้เห็นถึง "เส้นทางใหม่ของการดื่มที่มหัศจรรย์" ปรากฏว่าปีที่ 2 ภาวะการณ์เริ่มเป็นที่น่าพอใจ ยอดเพิ่มขึ้นถึง 85,000 ลัง

เมื่อเหตุการณ์ส่อไปในทางที่ดี ทำให้บริษัทที่ผลิตไวน์หลายบริษัท เริ่มหันเหมาให้ความสนใจและกระโจนลงไปผลิตไวน์คูลเลอร์กันถ้วนหน้า พลังแห่งการรวมตัวสามารถสั่นคลอนน้ำอัดลม น้ำผลไม้รวมถึงตลาดเบียร์ให้คลอนแคลนลงอย่างเห็นได้ชัด

ยอดขายของไวน์คูลเลอร์ทั้งตลาด (เฉพาะในอเมริกา) ในปี 2525 ทำเป้าได้ถึง 260,000 ลัง ปี 2526 14,822,000 ลัง และปี 2527 40,000,000 ลัง ตัวเลขที่ดีดขึ้นหลายเท่าตัวแต่ละปีย่อมชี้ให้เห็นว่า "วันนี้ทั่วทุกมุมโลกไวน์คูลเลอร์ได้กลายเป็นพ่อเนื้อหอมไปเสียแล้ว"

จะหาเครื่องดื่มชนิดไหนอีกที่ผู้ใหญ่กินได้ เด็กก็กินดี แถมสตรียิ่งอร่อยเป็นสองเท่าอย่างไวน์คูลเลอร์ การเติมโตของตลาดเป็นที่คาดหมายกันว่า ในปี 2530 ไวน์คูลเลอร์จะซึมซัมตลาดเบียร์ให้มีสิทธิ์พลิกคว่ำคะมำหงายได้ง่าย ๆ ทีเดียว

จากอัตราการลิ้มลองที่แสนจะนุ่มนวลแต่แฝงด้วยความหนักแน่น เป็นตัวกระตุ้นให้ "ประเมินผล" เจ้าแห่งการผลิตไวน์แห่งเมืองไทยซึ่งมีสิ้นค้าที่รู้จักกันดีอยู่ในตลาดอย่าง ไทยไวน์ ไทยเรดไวน์ ย่อมไม่อาจที่จะมองข้ามได้ ดังนั้นจึงตัดสินใจที่จะร่วมหอลงโรงกับบริษัทผู้ผลิตไวน์แห่งอังกฤษ (JEMATHER ANDSONS COMPANY ) ร่วมผลิตและจำหน่ายไวน์คูลเลอร์ขึ้นในนาม "บริษัท ยูไนเต็ด ไวน์เนอร์รี่ จำกัด " ให้ชื่อไวน์ว่าคูลเลอร์คลับ"

บริษัท ยูไนเต็ด ไวน์เนอร์รี่ จำกัด ตั้งขึ้นด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท มีบริษัทประเมินผล จำกัด ถือหุ้น 45 % บริษัท ยูไนเต็ด ไวน์เนอร์รี่ จำกัด (ถือหุ้นเดิมที่ไปชักชวนประมวลผลและอังกฤษที่เข้าร่วม) ถือหุ้น 45% และบริษัท J.E. MATHER ANDSON COMPANY ถือหุ้น 10%โดยมีวิรัตน์ โอวรารินทร์ เป็นกรรมการผู้จัดการ

คูลเลอร์คลับของค่ายนี้ใช้ไวน์จากองุ่นเป็นฐาน แล้วผสมด้วยน้ำเสาวรส (พัสซั่นฟู๊ด)ซึ่งผลไม้ชนิดนี้กำลังเร่งสางเสริมการปลูกอย่างมากในประเทศไทย โดยบรรจุในขวด 300 ซีซี. ตั้งราคาไว้ขวดละ 20 บาท (มีจำหน่ายโดยทั่วไปแล้ว)

"รสชาติของเขาไม่เลวนัก เสียแต่ว่าใช้ส่วนผสมเสาวรสมากไปหน่วยเลยทำให้ขาดรสชาติของไวน์ไป "นักเล็งสุราที่ชื่นชอบการดื่มหลายคนให้ความเห็นกับ "ผู้จัดการ" ที่ได้ลิ้มลองไวน์คูลเลอร์ที่กำลังบุกตลาดกันอย่างครึกโครม

"ตลาดในช่วงแรกอาจจะไม่หวือหวานัก เนื่องจากเป็นของใหม่ประกอบกับราคาค่อนข้างสูง ทว่าในอดีตที่เชื่อว่าแรงโปรโมทในเมืองนอกอาจตะเปรี้ยงปร้างมากขึ้น จะทำให้ตลาดนี้เป็นตลาดที่ร้อนแรงขึ้นแน่นอน สำหรับเราตั้งความหวังว่าปีนี้จะแชร์ตลาดเบียร์ให้ได้ 20 %" วิรัตน์กล่าวอย่างมั่นใจ

ความสำเร็จจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับหัวใจของคุณผู้หญิงทั้งหลายว่าจะสนใวจรักที่จะดื่มไวน์คูลเลอร์กันหรือเปล่า เพราะกลุ่มผู้หญิงเป็นหัวใจของตลาดนี้โดยแท้ ..แต่ที่แน่ ๆ ยูไนเต็ด ไวน์เนอร์รี่ ได้ส่งหมัดแรกลงไปแล้วด้วยการอัดโฆษณาอย่างจริงจัง ซึ่งตั้งงบด้านนี้ไว้ถึง 10 ล้านบาท …และจะลุยขายตัวต่อต่อตัวกับดิสโก้เธคต่าง ๆ

"กลางปีนี้เราคงวางตลาดให้ได้ทั่วประเทศ " วิรัตน์กล่าวย่ำอีกครั้ง

ด้วยประสิทธิภาพการผลิตจากกำลังเครื่องจักรที่นำเข้าใหม่ทั้งหมด มีกำลังการผลิตชั่วโมงละ พันหีบ สมทบเส้นทางเงียบที่เฝ้าเพาะบ่มที่ซุ้มศึกษาตลาดอย่างเอาเป็นเอาตายของประมวลผลและยูไนเต็ดไวน์เนอร์รี่ถึง 4 ปีเต็มทำให้ทุกคนสั่นอกมั่นใจเหลือเกินว่า..

วิมานที่วาดหวังว่านี้ย่อมจะไม่เป็นฝันค้างกลางอากาศอย่างแน่นอน…

อะไร ๆ ก็น่าจะดูสวยสดและเป็นไปอย่างที่คาดคิด ถ้าลำพังประมวลผลและยูไนเต็ดไวน์เนอร์รี่เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเพียงรายเดียว แต่อย่างว่านั้นแหล่ะของดี ๆ อย่างงี้ ย่อมต้องมีผู้สนใจบ้างเป็นธรรมดา แต่ที่จะไม่ธรรมดาก็ตรงที่ว่า บรรดาผู้ที่สนใจทางหลายเหลานั้นล้วนแล้วแต่เป็นยักษ์ใหญ่ในวงการน้ำดื่มน้ำเมากันทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น ค่าย ที.ซี. มายซิน เจ้าของเครื่องดื่มบำรุงกำลัง "กระทิงแดง" ที่ลือลั่น หรือ ซีแกรม ยักษ์ใหญ่สุราต่างประเทศ ที่มีตระกุลเตชะไพบูลย์ถือหุ้นอยู่

ที.ซี.มัยซินของ เฉลียว อยู่วิทยา คนค้าเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอล์ที่ไม่ชอบเป็นข่าวและไม่ชอบปะหน้าผู้คนนั้นได้ผลิตไวน์คูลเลอร์ออกมาแล้วเช่นกันในชื่อ "สปายคูลเลอร์" โดยใช้ไวน์องุ่นผสมกับน้ำกระเจี๊ยบ บรรจุขวด 330 ซีซี . และตั้งราคาขายไว้ขวดละ 20 บาทเท่ากัน

หลายคนอาจจะคิดว่า ที.ซี. มัยซิน ช่ำชองก็แต่เรื่องเพียงเครื่องดื่มบำรุงกำลัง แต่ใคร เลยจะรู้ได้ว่าแผนการณ์เด็ดขั่วหัวใจเส้นทางดื่มสายใหม่กับไวน์คูลเลอร์นี้ เฉลียงเองได้ฟิตตัวเงียบและศึกษาความเป็นไปได้ของตลบาดมาตั้งแต่ปี 2524 โดยขั้นแรกได้เข้าไปรับโอนโรงงานกรุงเทพไทยจำเริญ ซึ่งโรงงานนี้ก็ได้ผลิตไวน์ออกมาขายในยี่ห้อ "เฟริสท์" การรับโอนในครั้งนี้เฉลี่ยวตัดสินใจสร้างโรงงานแห่งใหม่ ที่สมุทรสาครในเนื้อที่ 300 ไร่ ด้วยงบสร้างงานใหม่นี้ไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาทด้วย เพราะเห็นว่าโรงงานเก่าของกรุงเทพไทยจำเริญที่พระประแดงนั้นเล็กเกินไป

เล็กเกินไปสำหรับคนที่ชอบทำอะไรใหญ่ ๆ อย่างเฉี่ยวที่เล็งถึงอนาคตของตลาดไวน์ไว้ในหัวใจแล้วว่า "วันหนึ่งจะต้องลงไปสัมผัสแน่นอน"

ขณะที่ประมวลผลและยูไนเต็ดไวน์เนอร์รี่ ฟิตจัดกับการโหมโฆษณาให้คนมาสนใจดื่ม ที.ซี. มัยซิม กลับเดินตลาดอย่างเงียบ ๆ ตามสตรีโดยปล่อย "สปายคูลเลอร์" ออกทดสอบตลาดตามจังหวัดต่าง ๆ โดยที่ชลบุรีเป็นจุดแรก จากนั้นก็รบแบบกองโจนเข้าตามตู้แซ่ปั๊มน้ำมันต่าง ๆ ซึ่งยุทธการ ใช้ได้ผลมาแล้วกับ "กระทิงแดง " และน้ำเกลือแร่ "สปอนเซอร์"

….ว่ากันว่าการขายของ ที.ซี. มัยซิน นั้นย่อมเชือดเนื้อตัวเองโดยลงกกำไรต่อหน่วยลงในระยะแรกของการวางตลาด อย่างมากมายก่ายกอง เพียงแค่ให้ขายของได้มากไปก่อนการลดราคาและให้เปอร์เซ็นนร้านค้าอย่างไม่กลัวตายของค่ายนี้ ทำให้คู่แข็งหลายค่ายระอาและยอมแพ้มาแล้ว

ทางค่ายซีแกรมของตระกูลเตชะไพบูลย์ กำหนดชื่อผลิตภัณฑ์เอาไว้แล้วว่า "ซีแกรมคูลเลอร์" ซึ่งเป็นชื่อที่มีขายอยู่แล้วทั่วประเทศ ปัจจุบันยอดขายของไวน์คูลเลอร์ตัวนี้อยู่ในอัดดับที่ 5 ของตลาดอเมริกัน ที่จริงค่ายนี้เขาเตรียมตัวพร้อมที่จะออกได้ทุกเมื่อ เพียงติดขัดกับปัญหาบางประการกับหน่วยราชการเท่านั้น แต่เชื่อแน่ว่า ไม่เกินปีนี้ยักษ์ต้องออกมาชน

มองดูกำลังที่จะหักหาญเพื่อความเป็นหนึ่งในตลาดของแต่ละค่าย ต่างคนก็ต่างมีปัจจัยดีเด่นแต่ต่างกันออกไป ประมวลผลค่อนข้างจะได้เปรียบในเรื่องบความชำนาญของการผลิต แต่ก็อ่อนด้วยกว่าสองยักษ์ใหญ่ฐานทางการตลาดที่อาจจะยังใจไม่ถึงพอ

"คงไม่ต้องดูอะไรมากง่าย ๆ แต่ตอนที่ประมวลผลส่งสุราแมวทองตีตลาดนั้นเป็นช่วงที่เขาออกมานับเป็นช่วงที่ดีที่สุด เพราะแม่โขงกับหงส์กำลังประสบปัญหาอีรุงตุงนังทว่าค่ายนี้ก็ทำแบบตอด ๆ ของที่เอามาเปรียบกับร้านค้าเทียมกับค่ายอื่นที่เคยทำมาแล้วห่างกันสิ้นดี ผมว่าถ้าเขาใจถึงนะสู้ได้เพราะคุณภาพสินค้าใช่ว่าจะต่ำด้อยกว่ากันเสียเมื่อไหล่" ร้านค้าแห่งหนึ่งเล่าให้ฟัง "ผู้จัดการ" ฟัง

พูดถึงฐานตลาด ที.ซี. มัยซิน ดูจะได้เปรียบมากที่สุด ในแง่มีฐานแก่การกระจ่ายอยู่เกือบทุกจุดที่สินค้าสามารถวางลงไปได้ไม่ว่าจะเป็น ซุปเปอร์มาร์เก็ตสโตร์ ร้านอาหาร ร้านขายยา ปั๊มน้ำมัน ตลอดจนความเชื่อของผู้บริโภคที่มั่นใจในฝีมือและตรา "กระทิงแดง"

สำหรับซีแกรมถ้าลดตลาดเมื่อไหล่รับประกันได้ว่า ต่อยไม่ยังยิ่งมีมือตลาดอย่าง สมศักดิ์ เตชะพิศาล อีกคนหนึ่งของกลุ่มเตชะไพบูลย์ที่เคยปลุกปั้นครอสเตอร์จนติดลมบนมาแล้ว เป็นผู้ที่กุมบังเหียนเรื่องเป็นมวยรองคงจะยาก

กลยุทธการตีตลาดของซีแกรมและสมศักดิ์นั้นคนในวงการเล่าว่า ชอบเล่นแบบบ้าดีเดือนทีเดียว ส่วนลดหรือเปอร์เซ็นต์ที่ร้านค้าจะได้รับในแต่ละครั้งจะไม่น้อยกว่า 10 % ซึ่งสมศักดิ์บอกกับใคร ๆ ว่า "นั้นเป็นอั้งเปา" แต่สำหรับสายตาของคนอื่นแล้วเขาเป็นแกะดำ ตัวร้ายเลยทีเดียว

"ในวงการสุราต่างประเทศยังไม่เคยเห็นมีใครทำอย่างสมศักดิ์ ไม่ว่าจะเป็นที่เขาอ้างว่าส่วนลดที่เขาให้กับลูกค้านั้นจะเป็นอั้งเปาอย่างคนจีนก็ตาม แต่นั้นก็ไม่อาจล้างภาพพจน์ความเป็นแกะดำ ของเขาไปได้ แต่ถ้าจะพูดว่าเก่งไหม ก็ต้องบอกว่าเก่ง ไม่งั้นคงไม่สามารถปั้นซีวาส รีกัล ที่เคยขายได้แค่ปีละ 3,000 ลังให้สูงงขึ้นเป็น 30,000 ลัง จนกลายมาเป็นคู่แข่งตัวฉกาจของ จอห์นนี่ วอร์คเกอร์ ได้" แหล่งข่าวกล่าว

ใจถึงเจอกับใจใหญ่ ไม่มีใครก็ใครต้องนอนแปล

จุดเสียเปรียบของค่ายประเมินผลอีกแง่หนึ่งคือ พลังหนุนทางการเมืองที่เป็นพลังแฝงที่สำคัญอย่างมากในยุทธจักรการค้าขายเครื่องดื่มมึนเมา ความที่ไม่ค่อยเสน่หากับคนเขี้ยวสิงห์ฟันเสือของประมวลผลนับเป็นจุดเปาะบางอย่างน่ากลัวยิ่ง

ประเด็นนี้เมื่อเปรียบเทียบกับซีแกรมที่มีเตชะไพบูลย์หนุนอยู่ย่อมห่างกันหลายช่วงตัว และยิ่งในปัจจุบันกระแสทางการเมืองของเตชะไพบูลย์จะเพิ่มความหนรักแน่นมากขึ้น ดังนั้นจึงกลายเป็นข้อที่ได้เปรียบไป ส่วน ที.ซี. มายซิน แม้ว่าเฉลียวจะทำตัวเป็นคนนิรนามแต่เป็นที่รู้จักกันว่า

เฉลียวมีสายสัมพันอันดีกับนักการเมืองหลายคนและเป็นกำแพงหนาคนหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์

สุ้มเสียงกัมปนาท ของเขาพร้อมที่จะให้ได้มาในสิ่งที่ตัวเองต้องการได้ทากเมื่อเชื่อวัน

คนที่อยู่ในวงการสุราเท่านั้นที่จะรู้ดี ค้า ๆ ขาย ๆ แวดวงนี้ต้องพึงมากน้อยอย่างไร

นอกจากนี้ข้อได้เปรียบของ ที.ซี. มัยซิน อีกอย่างหนึ่งคือ เฉลียวได้ลูกชายคนใหญ่ของสำนักงานอาหารและยามาร่วมงานด้วย ซึ่งเป็นที่ซึ้งแก่ใจแล้วว่า แล้วว่าสำนักงานอาหารและยาเป็นดาบอาญาสิทธิ์ที่เฮี้ยนอย่าบอกใคร สินค้าหลายตัวเคยเจ็บช้ำระกำใจ กับการถูกห้ามจำหน่ายหรือถูกบีบมาแล้ว

ยกเว้นแต่ผลิตภัณฑ์กระทิงแดงซึ่งยากมากจะเกิดปรากฏการณ์เช่นนี้

และนี้ก็เป็นไพ่ที่เหนือกว่าที่เฉลียวถือไว้ในมือ

"ดูกันง่าย ๆ คราวที่สปอนเซอร์มีปัญหา ต้องงดการขายไปช่วงหนึ่ง แต่จู่ ๆ ก็สามารถกลับมาเต้นร่าได้อีก หนำซ้ำมาแรงเสียด้วย แรงเสียจน "พอคคารี่" น้ำดื่มเกลือแร่ชื่อดังของญี่ปุ่นที่ทาบทามจะเข้ามาผลิตและจำหน่ายในบ้านเรายังต้องถอดหลีกทางให้" แหล่งข่าวคนหนึ่งเผยกับ "ผู้จัดการ"

ในขนาดที่ตลาดไวน์คูลเลอร์ของบ้านเราเพียงเริ่มต้นยกที่หนึ่งก็เผยท่าทีเผ็ดร้อนออกมาแล้ว หากความคลั่งไคล้ทวีมากขึ้น และยังมียักษ์ใหญ่อย่างแต็กเฮงหยูเฝ้ามองมุมนอกและพร้อมที่จะทำยุทธหัตถีถ้าสบโอกาศอันดี งานนี้ใครไม่แน่จริงก็มีสิทธิ์มึนเมาไม่รู้ตัวอย่างแน่นอนที่สุด



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.