ฟอร์ดทุ่มงบเพิ่ม2หมื่นล.ยกไทยสนง.ใหญ่ภูมิภาค


ผู้จัดการรายวัน(14 ตุลาคม 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

ประธานใหญ่ ฟอร์ด มอเตอร์ ประกาศลงทุนในไทยเพิ่ม 2.1 หมื่นล้านบาท หลังเข้ารายงานแผนการลงทุนกับนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เพื่อรองรับแผนการขยายการผลิต และพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ พร้อมกับจัดตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคขึ้นในกรุงเทพฯ ทำให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นอีก 1.5 พันคน ส่งผลให้ไทยเป็นศูนย์กลาง ของฟอร์ดในภูมิภาคอาเซียน

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลัง นายวิลเลี่ยม เคลย์ ฟอร์ด ประธานบริษัท ฟอร์ด มอเตอร์ สหรัฐอเมริกา เข้าเยี่ยมคารวะและชี้แจงแผนการลงทุนเพิ่มในไทยว่า ประธานฟอร์ดและคณะผู้บริหารได้เข้าพบเพื่อรายงานการดำเนินธุรกิจ และแจ้งเรื่องการขยายการลงทุนของฟอร์ดในไทยเพิ่ม เป็นจำนวนเงิน 2.1 หมื่นล้านบาท

"นอกจากรับฟังเรื่องการขยาย ลงทุนแล้ว ทางรัฐบาลไทยได้เรียกร้องให้ฟอร์ด พิจารณาใช้ไทยเป็นฐานในการวิจัยและพัฒนา รวมทั้งเป็นศูนย์กลาง การผลิตหลักของบริษัทในภูมิภาค ซึ่งรัฐบาลไทยมีนโยบายในการสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศทุกๆ ราย และไทยก็ขอบคุณฟอร์ดที่ให้การสนับสนุนยานพาหนะเพื่อรักษาความปลอดภัยแก่ขบวนรถผู้นำและสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในการประชุมเอเปก"

นายวิลเลี่ยม เคลย์ ฟอร์ด ประธานบริษัท และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ฟอร์ด มอเตอร์ คอมปานี สหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า ฟอร์ดเตรียมทุ่มงบลงทุนในไทยเพิ่มอีก 2.1 หมื่นล้านบาท (ประมาณ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ) เพื่อขยายการลงทุนในโรงงานประกอบรถยนต์ คือบริษัท ออโต้อัลลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือเอเอที ผลิตรถยี่ห้อฟอร์ด และมาสด้า ในช่วงเวลา 3 ปีข้างหน้า สำหรับพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ๆ และเพิ่มศักยภาพการผลิตของโรงาน

"ประเทศไทยเป็นตลาดที่สำคัญในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และฟอร์ดประสบความสำเร็จอย่างสูง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากนโยบายเปิดเสรีและส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาลไทย รวมถึงความมั่นคงทางเศรษฐกิจภายใต้การนำของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยศักยภาพของไทยมีความโดดเด่น ทั้งในด้านตลาดรถยนต์ภายในประเทศที่มีขนาดใหญ่ และเป็นตลาดรถปิกอัพนอกสหรัฐอเมริกาที่ใหญ่ที่สุด รวมถึงศูนย์กลางของการส่งออกในภูมิภาคนี้"

โดยการขยายการลงทุนในประเทศไทยครั้งนี้ เพื่อรองรับการดำเนินงานตามแผนขยายการเติบโตผ่านโครงการใหม่ๆ ด้านยนตรกรรม ซึ่งจะลงทุนปรับปรุงและพัฒนาอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ พร้อมทั้งจัดหาเครื่องมือทางช่างและวิศวกรรม และพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่ๆ สู่ตลาด ตลอดจนขยายศักยภาพการผลิตของโรงงานจาก 1.35 แสนคัน ในปัจจุบันเป็น 2 แสนคัน ทั้งรถยนต์สำเร็จรูปและชิ้นส่วนยานยนต์

นายฟอร์ดกล่าวว่า สำหรับที่ผ่านมาฟอร์ดอาจ จะเคยพูดว่า ตลาดในภูมิภาคนี้ยังไม่มีศักยภาพพอ แต่ปัจจุบันตลาดนี้มีอัตราการเติบโตอย่างมาก ดังนั้นฟอร์ดซึ่งมีนโยบายที่จะมีส่วนร่วมในตลาดที่มีอัตราการเติบโต จึงได้พร้อมที่จะลงทุนเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ทั้งในปัจจุบันและอนาคตที่เพิ่มเติมเข้ามาอีก

"ส่วนหนึ่งของเงินลงทุนดังกล่าว ยังจะนำมาใช้ในการจัดตั้งสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคขึ้นในกรุงเทพฯ ซึ่งสำนักงานใหญ่แห่งนี้จะสนับสนุนการดำเนินงาน รวมทั้งผลักดันกลยุทธ์การเติบโตของ ฟอร์ดในเอเชียด้วย และผลจากการลงทุนจะทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น ในส่วนของโรงงานเอเอทีประมาณ 1,000 ตำแหน่ง และที่สำนักงานใหญ่ประมาณ 50-60 คน และเช่นเดียวกับที่ประเทศฟิลิปปินส์ ฟอร์ดก็จะมีการลงทุนเพิ่มเติมเหมือนไทยอีกแห่งในภูมิภาคนี้"

นายฟอร์ดกล่าวว่า ส่วนตลาดจีนกำลังมีการศึกษาอยู่ แต่ยังไม่มีการตัดสินใจว่าจะเข้าไปลงทุนหรือไม่ และหากเข้าไปลงทุนก็ไม่ได้หมายความว่า ฟอร์ดจะยกเลิกการลงทุนในไทย และหันไปลงทุนในจีนแทน โดยไทยก็ยังจะเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคนี้ต่อไป ซึ่งอย่างที่กล่าวไว้ฟอร์ดมีนโยบายที่จะเข้าไปมีส่วนร่วมในทุกตลาดที่มีการเติบโต

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่า เฉพาะตลาดจีน หรืออินเดีย ที่มีอัตราการเติบโตอย่างสูง แต่ตลาดในภูมิภาคอาเซียนก็มีการเติบโตอย่างมาก โดยจากข้อมูลทางอุตสาหกรรมชี้ให้เห็นว่า การเติบโตโดยรวมทั่วโลกระหว่างปี 2547-2553 ส่วนใหญ่จะอยู่ในเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศอาเซียน จีน และอินเดีย ทั้งนี้ตลาดอาเซียนโดยรวมคาดว่า จะมียอดขายรถยนต์ถึง 1.6 ล้านคัน ในปี 2548 และ 2.3 ล้านคัน ภายในปี 2553 เพราะฉะนั้นฟอร์ดจึงได้ประกาศลงทุนในไทย และฟิลิปปินส์เพิ่มเติมใน ครั้งนี้

ส่วนการที่ไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปก นายฟอร์ดกล่าวว่า ไทยมีศักยภาพพอในการจัดงานระดับนานาชาติ และเชื่อว่าการจัดงานจะประสบความสำเร็จไปได้ด้วยดี ซึ่งผลของการประชุมจะทำ ให้เกิดการค้าที่เท่าเทียมกัน และจะทำให้เกิดผลดีต่อประเทศสมาชิกโดยเฉพาะไทย

กลับสู่หน้าหลัก


Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.