|
ดีท็อกซ์ที่ถ้ำเกลือจำลอง @SALTCAVE Bangkok
โดย
สุภัทธา สุขชู
นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา( สิงหาคม 2553)
กลับสู่หน้าหลัก
เป็นเวลาหลายปีที่ “ธรรมชาติบำบัด” กลายเป็นกระแสหลักสำหรับคนรักสุขภาพ จากสปา “วารีบำบัด” ที่หลายคนใช้บำบัดเพื่อความผ่อนคลายและอาการป่วยภายนอกบางอย่าง วันนี้คนไทยได้ใช้บริการสปา “เกลือบำบัด” เพื่อบำบัดอาการภายในระบบหายใจ แม้เมืองไทยจะไม่มีถ้ำเกลือก็ตามที
มาร์ก เคอร์ลันสกี ผู้เขียนหนังสือ Salt: A World’s History ยกย่องให้เกลือเป็น “สสารของพระเจ้า”
สำหรับคนไทย นอกจากใช้เกลือเป็นเครื่องปรุงรส เป็นส่วนประกอบในน้ำปลา ซีอิ๊ว ปลาร้า กะปิ น้ำบูดู น้ำปู๋ ฯลฯ และใช้ถนอมอาหารไม่ให้เน่าเสีย ขณะที่ชาวอียิปต์รู้จักนำเกลือมาใช้รักษาศพไม่ให้เน่าเปื่อย
หลายคนรู้สรรพคุณของเกลือดีว่าสามารถละลายน้ำ ดื่มแก้ตะคริว แก้คลื่นไส้เพราะเมาสุรา แก้ร้อนใน แก้หน้ามืดเป็นลม วิงเวียน อ่อนเพลีย หรืออมเกลือไว้ในปากเพื่อรักษาแผลปากเปื่อย แก้อาการแสบร้อนจากอาหารรสเผ็ด แต่คนไทยน้อยคนที่จะรู้ว่าไอเกลือช่วยทำความสะอาดระบบทางเดินหายใจ ช่วยคลายเครียด และบรรเทาโรคหอบหืดและภูมิแพ้ได้ ทั้งนี้เพราะคนไทยน้อยคนที่จะมีประสบการณ์บำบัดโรคในถ้ำเกลือ
กว่า 2 ปีก่อน สำนักข่าว AFP เคยรายงานภาพคนไข้โรคหอบหืดและภูมิแพ้นับร้อยกำลังเต้นแอโรบิกภายในเหมืองเกลือที่เก่าแก่ที่สุดของโลกในเมืองคราโกว์ ทางใต้ของโปแลนด์ สกู๊ปข่าวนั้นอาจเป็นแรงบันดาลใจให้คนไทยที่ป่วยด้วยโรคเดียวกันนี้ในขั้นรุนแรงอยากบินไปรักษาอาการป่วยของตนที่นี่สักครั้ง
แต่เฉพาะค่าใช้จ่ายในการรักษา 690 ดอลลาร์ต่อ 1 คอร์ส 14 วัน ยังไม่นับค่าตั๋วเครื่องบิน ค่าวีซ่า ค่าเดินทาง และค่าที่พัก หลายคนคงถอดใจ
จากสกู๊ปข่าว มาร์ทา อาร์ซีเพกกา ผู้เชี่ยวชาญด้านปอดบอกว่า อากาศในเหมืองเกลือแห่งนี้ดีต่อผู้ป่วยหอบหืด เนื่องจากปลอดจากสารก่อภูมิแพ้ ระดับความชื้นสูง และโซเดียมคลอไรด์ในเหมืองยังช่วยเร่งการฟื้นฟูเยื่อบุจมูก ซึ่งการบำบัดนี้ได้ผลกับผู้ป่วยถึง 90% ระบบหายใจของผู้ป่วยโดยรวมทำงานได้ดีขึ้น ดังจะเห็นจากที่ผู้ป่วยมีอาการขาดอากาศหายใจน้อยลง และเด็กกินยาปฏิชีวนะลดลงแต่มีอาการดีขึ้น
บางข้อมูลระบุว่า บทบาทในการบำบัดของเหมือง เกลือแห่งนี้เริ่มต้นในปี 1826 เมื่อแพทย์ชาวโปแลนด์คนหนึ่งเริ่มใช้บ่อน้ำเกลือรักษาอาการต่างๆ ตั้งแต่อาการมีลูกยาก ฮีสทีเรีย หรือหมดแรงจากการหักโหมเรื่องบนเตียง แต่เมื่อแพทย์คนนี้เสียชีวิตในปี 1855 การบำบัดด้วยบ่อน้ำเกลือก็ตายตามไปด้วย กระทั่งอีก 1 ศตวรรษ ต่อมาเหมืองเกลือแห่งนี้จึงเปิดดำเนินการเป็นสถานพักฟื้น ผู้ป่วยหอบหืดที่ขึ้นชื่อที่สุดในแถบยุโรปตอนกลางและตะวันออก
ข้อมูลขององค์การอนามัยโลกพบว่า อัตราผู้ป่วยด้วยโรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2550 มีผู้ป่วยด้วยโรคภูมิแพ้ทั่วโลกร่วม 300 ล้านคน และมีผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงเสียชีวิตปีละประมาณ 250,000 คน
สำหรับประเทศไทย โรคหอบหืดและภูมิแพ้นับเป็น 1 ใน 10 โรคเรื้อรังที่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของคนไทย เพราะในปี 2009 พบว่ามีผู้ป่วยด้วยโรคนี้มากถึง 18 ล้านคน และประเทศต้องเสียเงินในการรักษากว่า 2,400 ล้านบาทต่อปี โดยมีแนวโน้มที่คนไทยจะป่วยด้วยโรคนี้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงและสิ่งแวดล้อมที่มีมลพิษมากขึ้น
หลักฐานบางชิ้นชี้ว่า การใช้เกลือบำบัดโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจถูกค้นพบมาตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 19 ในเหมืองเกลือของโปแลนด์ เพราะเป็นยุคที่กิจการเหมืองเกลือค่อนข้างรุ่งเรือง มีการสังเกตพบว่าชาวเหมืองเกลือไม่มีใครป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจเลย นักบุญยุคนั้นจึงมีการทดลองนำผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจเข้าไปนั่งอยู่ในถ้ำเกลือเพื่อหายใจสูดรับเอาอณูเกลือเข้าไปในปอด และผลก็ปรากฏว่าอาการหอบหืด หายใจติดขัด รวมทั้งภูมิแพ้ทุเลาลงไป
ตั้งแต่ปี 1940 ก็พบว่ามีบันทึกของแพทย์จากหลายสถาบันที่แสดงให้เห็นว่ามีผู้ป่วยหลายพันรายอาการดีขึ้นหลังจากบำบัดในถ้ำเกลือธรรมชาติทั้งในแคนาดา รัสเซีย ฮังการี โรมาเนีย โปแลนด์ ออสเตรีย และเยอรมนี
จากถ้ำเกลือธรรมชาติ หลายประเทศเริ่มค้นคว้าวิจัยและพัฒนาห้องที่จำลองบรรยากาศของถ้ำเกลือเพื่อใช้ในการรักษาโรคภูมิแพ้เลียนแบบถ้ำเกลือธรรมชาติ ด้วยการประดิษฐ์เครื่องสร้างอณูเกลือมาใช้สร้างไออนุภาคเกลือหรืออณูเกลือชนิดพิเศษเพื่อช่วยในการรักษา
...และนี่ก็เป็นที่มาของ “ถ้ำเกลือจำลอง” กลางกรุงเทพฯ ณ SALTCAVE...
ห้องแถวขนาดเล็กบนชั้น 2 ของอาคาร The Manor 39 ไลฟ์สไตล์เซ็นเตอร์ในซอยสุขุมวิท 39 ดูผิวเผิน หลายคนคงไม่เชื่อว่าที่นี่จะเป็นที่ตั้งของถ้ำเกลือจำลองได้
ภายในห้องรับรองเล็กๆ คุณป้าวัย 61 ปี นั่งรอเข้าถ้ำเกลือจำลองด้วยสีหน้าสดใส ไม่มีอาการไอจามเยี่ยงคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ที่ต้องบำบัดด้วยการกินยารักษาอาการมาตลอด แม้อาการของป้าจะไม่หนักขนาดน้ำมูกไหลหรือหายใจไม่ออก แต่การไอจามก็มักสร้างความรำคาญให้กับตัวเองและคนอื่น
แต่สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง อาจอันตรายถึงขั้นหยุดหายใจเป็นช่วงๆ ในขณะนอนหลับ ซึ่งส่งผลไปถึงการทำงานของสมอง หัวใจ และปอด ทำให้คุณภาพชีวิตลดลง ขณะที่บางรายอาจรุนแรงถึงขั้นหายใจติดขัดและเสียชีวิตในที่สุด
เมื่อได้เวลา เจ้าหน้าที่สาวเข้ามาซักถามประวัติสุขภาพคร่าวๆ พร้อมวัดอุณหภูมิและความดัน หากลูกค้ามีไข้สูงกว่า 38 องศาเซลเซียสหรือมีความดันโลหิตสูงก็จะถูกปฏิเสธในการให้บริการ สำหรับลูกค้าที่ไม่มีปัญหาสุขภาพก็ต้องดื่มน้ำอุ่นคนละแก้ว จากนั้นก็ให้ถอดเครื่องประดับและของมีค่าที่อาจทำปฏิกิริยากับไอเกลือ พร้อมทั้งใส่ชุดคลุม ตลอดจนหมวกคลุมผม และถุงคลุมรองเท้า
จากนั้นลูกค้าจะถูกเชิญเข้าไปในห้องขนาดไม่ใหญ่ที่อยู่ติดกัน ด้านในมีเก้าอี้สำหรับนั่งเอนกาย 4 ตัว อุณหภูมิห้องอยู่ระหว่าง 20-25 องศาเซลเซียส ทั้งเพดาน ผนัง และพื้นห้องขาวโพลนด้วยเกลือสินเธาว์ที่ใช้ตกแต่ง แม้ไม่ได้ส่งผลในการสร้างไอเกลือเพื่อการหายใจโดยตรง แต่เกลือประดับเหล่านี้ก็ช่วยในการสร้างประจุลบ เพื่อช่วยให้อณูเกลือที่ปล่อยออกมาจาก “เครื่องสร้างบรรยากาศระดับอณูเกลือ” ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
เมื่อลูกค้าเอนกายนลงบนเก้าอี้เรียบร้อยแล้ว แสงไฟในห้องก็ค่อยๆ หรี่ลงจนสลัว จากนั้นเสียงเพลงเบาๆ ก็ถูกเปิดคลอเพื่อทำให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลายและนอนหลับสนิท เพราะยามที่นอนหลับ ร่างกายจะสูดเอาอณูเกลือเข้าสู่ระบบหายใจได้ดีกว่า แต่ถ้าใครใคร่จะนอนฟังเพลงก็สามารถนำ MP3 ไปเปิดฟังส่วนตัว จะนั่งอ่านหนังสืออย่างสงบ หรือจะนั่งสวดมนต์สงบใจเหมือนกับคุณป้าวัย 61 นี้ก็ได้
“จากไซส์ของเกลือทั่วไป พอผ่านเครื่องนี้ก็จะถูกย่อยให้เป็น 1-5 ไมครอน ความละเอียดประมาณแป้งฝุ่นที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ต้องเอาไฟส่องถึงจะเห็นเป็นฝุ่น” ชาญณรงค์ สว่างศรี ในฐานะผู้จัดการดูแลถ้ำเกลือแห่งนี้ อธิบายถึงการทำงานของเครื่องสร้างอณูเกลือ สนนราคาแตะหลักล้านที่สั่งตรงมาจากโปแลนด์ ประเทศแห่งต้นแบบถ้ำเกลือบำบัด
จากสกู๊ปข่าวเล็กๆ ของ CNN ที่นำเสนอข่าวการให้บริการถ้ำเกลือจำลองในประเทศอังกฤษ กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ “ณัฐ พิทักษ์จำนงค์” กรรมการผู้จัดการของบริษัทสตูดิโอที่มีชื่อ “Gecco Studio Complex” ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ The Manor 39 ศึกษาหาข้อมูลแล้วติดต่อซื้อ เครื่องสร้างอณูเกลือเข้ามาเปิดเป็น “SALTCAVE” หรือถ้ำเกลือจำลองที่บำบัดด้วยระบบการสูดดม อณูเกลือเหมือนถ้ำเกลือธรรมชาติแห่งเดียวในเมืองไทยและแห่งแรกในเอเชีย
นอก จากเพื่อสร้างแม่เหล็กดึงดูดผู้คนเข้ามายังศูนย์และมองเห็นโอกาสทางธุรกิจ จากกระแสธรรมชาติบำบัด อีกส่วนยังมาจากความเป็นคนดูแลสุขภาพและสนใจในวิถีธรรมชาติบำบัดอยู่แล้ว ประกอบกับปีที่ผ่านมามีไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ระบาด ณัฐจึงมองหามีวิธีและเครื่องมือที่จะช่วยให้รู้สึกดีจากภายในตามหลักธรรมชาติบำบัด
ด้วยกลไกการควบคุมของเครื่องสร้างอณูเกลือที่ทำให้การปล่อยอณูเกลืออยู่ในระดับความเข้มข้นที่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง การควบคุมระดับการแตกตัวของประจุไอออน (ประจุลบ) บวกกับขนาดของอณูที่เล็กจนซึมเข้าได้ทุกส่วนในระบบหายใจ รวมถึงอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสม ชาญณรงค์เปรยว่า แค่เพียง 45 นาทีในถ้ำเกลือนี้ ลูกค้าจะได้รับไอเกลือในปริมาณที่เทียบได้กับไปเที่ยวริมทะเลนาน 3 วัน 2 คืน
“แต่สรรพคุณในการรักษาคงได้รับไม่เท่ากัน เพราะเป็นเกลือคนละประเภท” เขาย้ำ
เกลือที่นำมาใช้สร้างอณูเกลือเป็นเกลือที่มีชื่อว่า “Pharma Salt” มักใช้ในอุตสาหกรรมผลิตยา มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อและ ลดการอักเสบ โดยเป็นเกลือสินเธาว์ผลิตในประเทศไทย เป็นเกลือ แห้งบริสุทธิ์ที่ไม่มีส่วนผสมของไอโอดีนและแป้งมันเลย ในแต่ละเดือนต้องใช้เกลือเฉลี่ยกว่า 20 กิโลกรัม
โดยหลักการทำงานของร่างกาย หลังจากได้รับเอาไอเกลือ เข้าทางระบบการหายใจ อนุภาคเกลือจะทำการแยกสกัดและขับ เอาอณูแปลกปลอมต่างๆ ให้หลุดออก ในรูปแบบของการจาม ไอ หรือมีเสมหะ จากนั้นระบบทางเดินหายใจและจมูกก็จะโปร่งโล่งขึ้น
“เมื่อระบบทางเดินหายใจโล่ง ก็หายใจได้สะดวกขึ้น ร่างกายก็รับออกซิเจนได้อย่างเต็มที่ และเมื่อออกซิเจนเข้าไปได้เต็มปอด สมองก็จะโล่ง ส่งผลให้อาการนอนไม่หลับหรืออาการเครียดลดลงด้วย” ชาญณรงค์กล่าว เพื่อย้ำว่าถ้ำเกลือไม่ได้เหมาะ สำหรับผู้ป่วยโรคหอบหืดและภูมิแพ้เท่านั้น คนทำงานทั่วไปที่ต้อง เผชิญความเครียด อ่อนเพลีย พักผ่อนน้อย และมีอาการนอนไม่หลับ หรือคนที่มีปัญหานอนกรน ก็มาใช้บริการได้เช่นกัน
สำหรับผู้ที่เหมาะจะใช้บริการเกลือบำบัด ได้แก่ ผู้ป่วยเกี่ยวกับโรคระบบทางเดินหายใจ และโรคภูมิแพ้ต่างๆ เช่น โรคหอบหืด หลอดลมอักเสบเรื้อรัง หลอดลมตีบ ไอหรือจามจากภูมิแพ้ ถุงลมโป่งพอง หายใจขาดลม แน่นหน้าอก อาการไอที่เกิดจากการสูบบุหรี่ ทั้งสูบโดย ตรงและได้รับควันจากผู้อื่น ไอแห้ง ไม่มีเสมหะ ไอมีเสมหะ ไอตอนกลางคืน หลังออกกำลังกาย คัดจมูก น้ำมูกอุดตันโพรงจมูก คออักเสบ ไซนัสอักเสบ ติดเชื้อในช่องหู โรคเกี่ยวกับหู คอ จมูกเรื้อรัง อาการแพ้ฝุ่นและละอองเกสร อาการเครียดและอ่อนเพลียเรื้อรัง ฯลฯ
แต่ทั้งนี้ก็มีบางโรคบางอาการที่ไม่สมควรใช้บริการถ้ำเกลือบำบัด เพราะอาจเป็นอันตรายต่อตัวเอง ขณะที่บางโรคก็อาจเป็นอันตรายต่อผู้อื่น เช่น โรคอวัยวะภายในล้มเหลว โรคเลือด อาการทางเดินหายใจล้มเหลวเรื้อรัง วัณโรค โรคทางจิตและอาการติดยาเสพติดทุกชนิด โรคที่มีเนื้อร้าย เมาสุรา เบื่ออาหาร น้ำหนักลดผิดปกติ สตรีมีครรภ์ เป็นไข้หรืออุณหภูมิร่างกาย สูงกว่า 38 องศาเซลเซียสขึ้นไป และโรคความดันโลหิตสูงขั้นรุนแรง เป็นต้น
นับจากเปิดบริการอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนตุลาคม ในเวลาไม่ถึง 9 เดือน SALTCAVE มีลูกค้ากว่า 700 ราย โดยมีตั้งแต่อายุไม่ถึง 4 ขวบ จนถึงอายุกว่า 90 ปี ปัจจุบันที่นี่เปิดให้บริการวันละ 12 รอบ ในบางเสาร์-อาทิตย์ คิวเต็มตั้งแต่รอบแรก 9 โมงเช้า จนรอบสุดท้าย 2 ทุ่ม ลูกค้าบางคนที่ไม่ได้จองล่วงหน้าต้องรอนานกว่า 3-4 ชั่วโมงกว่าจะได้รอบเข้า
ด้วยผลตอบรับที่ดีมาก ผู้บริหารมีโครงการขยายพื้นที่ของ SALTCAVE ในพื้นที่ใกล้ๆ กันในอีก 1-2 เดือนนี้ โดยเพิ่มห้องส่วนตัวสำหรับคู่รักหรือครอบครัว
บางคนอาจมองค่าบริการครั้งละ 600 บาท หรือแบบแพ็กเกจ 5 ครั้ง 2,500 บาท และ 10 ครั้ง 4,500 บาท ไม่แพงเกินไปสำหรับการบำบัดหรือบรรเทาโรคเรื้อรังที่ติดตัวมานาน
ทั้งนี้ สิ่งสำคัญที่มาร์ทา อาร์ซีเพกกา ผู้เชี่ยวชาญด้านปอด ทิ้งท้ายไว้ในสกู๊ปข่าวของ AFP มีใจความว่า ถ้ำเกลือคงไม่ใช่โรงพยาบาลมหัศจรรย์ที่จะรักษาโรคให้หายขาด เพียงแต่ช่วยให้ทุเลาลง
ทว่า “ยาวิเศษ” ที่รักษาได้สารพัดโรคที่แพทย์หลายคนแนะนำก็คือ “การออกกำลังกาย” ยาตัวนี้ไม่ว่าเงินจะมากแค่ไหนก็ไม่อาจซื้อได้แต่ได้มาง่ายๆ ด้วยการทำเอง
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|