คนเก่าไปแต่คนใหม่ยังไม่มา


นิตยสารผู้จัดการ 360 องศา( สิงหาคม 2553)



กลับสู่หน้าหลัก

หลังจากประสาร ไตรรัตน์วรกุล ลาออกไปรับตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยแล้ว ตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทยยังไม่มีใครเหมาะสมในเวลานี้ จึงทำให้บัณฑูร ล่ำซำ ต้องรักษาการไปก่อน

ทุกครั้งที่บัณฑูรออกมาแถลงข่าว เขาจะสร้างบรรยากาศสีสันเพื่อสร้างบรรยากาศให้ครึกครื้น ครั้งนี้ก็เช่นกันก่อนงานแถลงข่าวได้มีการเปิดเทปบันทึกการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 รอบชิงชนะเลิศระหว่างฮอลแลนด์กับเยอรมนีมาอุ่นเครื่อง ในวันนั้นบัณฑูร ยังได้โชว์เป่าวูวูเซลา แอฟริกาใต้ถึง 3 ครั้ง เป็นการโชว์ทิ้งท้าย ควันหลงฟุตบอลโลก

บัณฑูรยังพูดติดตลกกับสื่อมวลชนว่า “ประเทศไทยนี่ก็แปลก เวลาขาดผู้บริหารสายการบินแห่งชาติ เขาก็มาดึงคนของเรา แล้วตอนนี้ขาดผู้ว่าแบงก์ชาติ ก็มาเอาของเราไปอีก ถ้าเกิดวันหนึ่ง ไม่มีหัวหน้าพรรคจะทำยังไง”

คนแรกที่บัณฑูรกล่าวถึงคือ ปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ ไปนั่งเป็นกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทย ล่าสุด ประสาร ไตรรัตน์วรกุล ไปเป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย

“ในส่วนตัวผมได้ร่วมงานกับคุณประสารมากว่า 6 ปีเป็นเพื่อนร่วมคิด ร่วมงาน ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน และเชื่อว่าความรู้ของคุณประสารในภาครัฐและเอกชนตลอดชีวิตการทำงาน บวกกับวิสัยทัศน์และความดี จะสามารถทำหน้าที่ได้เป็นอย่างดี เป็นประโยชน์ต่อประเทศมหาศาล”

การลาออกของประสารมีผลอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคมที่ผ่านมา ทำให้ธนาคารกสิกรไทยต้องเฟ้นหากรรมการ ผู้จัดการใหญ่คนใหม่มาแทน

ก่อนหน้านี้จะมีข่าวลือหลายกระแสว่า คนที่จะมานั่งในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ของธนาคารกสิกรไทย คือกฤษฎา ล่ำซำ รองกรรมการผู้จัดการ ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของบัณฑูร แต่การประชุมคณะกรรมการเนื่องในวาระพิเศษของธนาคารเมื่อวันที่ 14 กรกฎาคมที่ผ่านมาก็พลิกโผ

คณะกรรมการตัดสินใจให้บัณฑูร ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร รั้งตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ไปก่อน และไม่มีกรอบ เวลาชัดเจนว่า จะต้องมีผู้บริหารมานั่งในตำแหน่งดังกล่าวเมื่อไหร่

เพราะท้ายที่สุดแล้วคนที่จะตัดสินใจให้ใครมานั่งตำแหน่งนี้ ก็คือบัณฑูรเท่านั้น!!

ในวันแถลงข่าวอย่างเป็นทางการของช่วงบ่าย เกิดขึ้นภายหลังการประชุมของคณะกรรมการในวันเดียวกัน บัณฑูรบอกว่าแม้ว่าธนาคารจะไม่พร้อมแต่งตั้งกรรมการผู้จัดการใหญ่ในตอนนี้ แต่ไม่มีแนวคิดดึงบุคคลภายนอกเข้ามา

ธนาคารจะคัดเลือกผู้บริหารภายในที่มีความรู้ด้านตลาดเงินและตลาดทุนเข้ามา เพราะปัจจุบันมีผู้บริหารอีกรุ่นหนึ่ง สามารถเข้ามาบริหารจัดการได้

แม้ว่าผู้บริหารที่บัณฑูรเอ่ยถึงจะมีความรู้ความสามารถก็ตาม แต่เขาเหล่านั้นจะต้องแสดงฝีมือด้านการบริหารงานให้บัณฑูรได้ประจักษ์แก่สายตาของเขา จนกระทั่งเกิดความเชื่อมั่น

จากนี้ไปจึงเป็นช่วงเวลาคัดสรรผู้บริหาร และบัณฑูรได้เลือกไว้ 4 คน คือ กฤษฎา ล่ำซำ อายุ 46 ปี ปรีดี ดาวฉาย 52 ปี ธีรนันท์ ศรีหงส์ 45 ปี และสมเกียรติ ศิริชาติไชย 46 ปี ปัจจุบันผู้บริหารทั้งหมดมีตำแหน่งเป็นรองกรรมการผู้จัดการ

ผู้บริหารทั้ง 4 คนมาพร้อมกับโครงสร้างใหม่แบ่งออกเป็น 4 ธุรกิจหลัก แต่บัณฑูรเรียกว่า Domain และชื่อภาษาไทยเรียกว่า “ภูมิ” เป็นคำแปลที่บัณฑูรกำหนดขึ้นเอง

ทั้ง 4 ภูมิ ประกอบไปด้วย ภูมิด้านธุรกิจมีกฤษฎาดูแล ภูมิด้านบริหารความเสี่ยงปรีดีรับผิดชอบ ส่วนธีรนันท์ดูแลภูมิด้านโครงสร้างพื้นฐาน และสมเกียรติดูแลภูมิด้านทรัพยากร

ผู้บริหารจะทำหน้าที่เป็นผู้ประสานงานภูมิทั้ง 4 ฝ่าย หมายความว่าการบริหารจัดการทุกคนจะต้องมีหน้าที่รับผิดชอบหลัก แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องรู้งานภูมิอื่นๆ ด้วย

บัณฑูรบอกว่าโครงสร้างใหม่จะเป็นเวทีให้กับผู้บริหารทั้ง

4 คนได้มีโอกาสแสดงศักยภาพการบริหารจัดการ เป็นช่วงเวลาทดสอบการทำงานที่เรียกว่าสอบไล่ โดยบัณฑูรจะวางบทบาทตัวเองให้เล็ก เฝ้าดูการทำงานเท่านั้น

หากพิจารณาโครงสร้างใหม่จะพบว่าเป็นโครงสร้างเดิมที่มีอยู่แล้ว และผู้บริหารทั้ง 4 คนก็อยู่ในกรอบทำงานเดิมอยู่ในปัจจุบัน แต่ผู้บริหารเหล่านี้เป็นลูกหม้อของธนาคารอย่างแท้จริง โดยเฉลี่ยมีประสบการณ์ทำงานร่วมกับธนาคารกว่า 20 ปี รอบรู้การทำงานทุกด้าน

แม้ตอนนี้จะยังไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่า บัณฑูรจะเลือกใครกันแน่ ระหว่างกฤษฎาในฐานะลูกพี่ลูกน้องของเขาเอง เพราะธนาคารนี้ใครๆ ก็ทราบกันดีว่าเป็นของตระกูลล่ำซำ หรืออาจจะเป็นผู้บริหารมืออาชีพที่กำลังถูกเฝ้ามองอยู่ก็อาจเป็นได้

แต่ก็ยังไม่มีใครหยั่งรู้ความในใจของบัณฑูรแท้จริงว่า โจทย์ของเขาคืออะไรกันแน่ คงต้องรอเวลาเหมาะสมเท่านั้น


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.