เปิดกลยุทธ์ บลจ.ไทยพาณิชย์ ครึ่งปีหลังมั่นใจโตเหนือตลาด


ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์(2 สิงหาคม 2553)



กลับสู่หน้าหลัก

บลจ.ไทยพาณิชย์โชว์ฝีมือครึ่งปีแรกได้กองทุนหุ้นกู้-สำรองเลี้ยงชีพหนุนสินทรัพย์ภายใต้บริหารเติบโตมากกว่าอุตสาหกรรม ส่วนครึ่งปีหลังตั้งเป้าบุกด้วยกองความเสี่ยงต่ำทั้งแบบเทอมฟันด์และคุ้มครองเงินต้น รวมทั้ง RMFแบบลดความเสี่ยงตามอายุของผู้ถือหน่วยที่เพิ่มขึ้น เติมกองหนุนด้วยผู้แทนขายอิสระมั่นใจช่วยดันยอดเข้าเป้า

โชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ กล่าวว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2553 บริษัทสามารถขยายสินทรัพย์ภายใต้การบริหารงาน (AUM) ได้ตามเป้าหมาย โดยสิ้นไตรมาส2 ณ วันที่ 2 ก.ค. 2553 มีสินทรัพย์รวม 526,381 ล้านบาท เพิ่มขึ้น5.9% จากสิ้นปี 2552 อยู่ที่ 497,166 ล้านบาท เนื่องจากได้มีการออกกองทุนชนิดที่ลงทุนในหุ้นกู้ รวมถึงยังมาจากกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ(RMF)ตลอดจนลูกค้าสถาบันที่มีเงินใหม่เข้ามา 1.4 หมื่นล้านบาท

สำหรับสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นประมาณ 3 หมื่นล้านบาท ถือเป็นการเติบโตมากกว่าเมื่อเทียบกับทั้งอุตสาหกรรมที่เติบโตเพียง1.8% เท่านั้น โดยส่วนใหญ่มาจากธุรกิจกองทุนรวมที่สัดส่วนกว่า 20% และมีเม็ดเงินเพิ่มขึ้น 12,509 ล้านบาทซึ่งส่วนใหญ่มาจากดอกเบี้ยและผลตอบแทนที่เพิ่มขึ้น ขณะที่มีเม็ดเงินไหลออกจำนวน 4,480 ล้านบาท เนื่องจากช่วงต้นปีผลตอบแทนกองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้ลดลง ขณะที่ธนาคารขนาดเล็กก็มีการออกโปรโมชั่นยดอกเบี้ยสูงมาจูงใจลูกค้ามากขึ้น

ส่วนแผนงานในช่วงครึ่งปีหลังต่อจากนี้ บลจ.ไทยพาณิชย์มีแผนเปิดขายกองทุนใหม่โดยเน้น กองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำประเภท Term Fundซึ่งมีการกำหนดระยะเวลาและผลตอบแทนในการลงทุนไว้แน่นอน ซึ่งมีทั้งกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรเกาหลีใต้และกองทุนที่ลงทุนในหุ้นกู้เอกชนในประเทศ โดยสำหรับผู้ที่ลงทุนในกองทุนหุ้นกู้เอกชนในประเทศจะได้รับผลตอบแทนที่ระดับ 3-4%อยู่แล้วซึ่งสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะมีแนวโน้มปรับขึ้นก็ตามแต่ก็ไม่ได้ทำให้ผู้ลงทุนในกองทุนประเภทนี้เสียผลประโยชน์แม้จะต้องถือครองเงินไว้ยาวมากขึ้นก็ตาม รวมถึงยังจะออกกองทุนประเภทคุ้มครองเงินต้น โดยนำผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนในตราสารหนี้มาลงทุนในตลาดหุ้น เพื่อเพิ่มโอกาสให้ผู้ลงทุนสามารถทำกำไรจากตลาดหุ้นโดยไม่ต้องกลัวว่าจะสูญเสียเงินต้นอีกด้วย

นอกจากนี้ยังมีแผนจะกระตุ้นตลาด RMFด้วยการออกกองทุนประเภท Target Date Fund ประมาณ 4-5 กองทุน โดยกำหนดรูปแบบการลงทุนตามช่วงอายุเกษียณของผู้ออมซึ่งนโยบายการลงทุนทั้งหมดผู้จัดการกองทุนจะทำการปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนตามความเสี่ยงและอายุของผู้ออม โดยภายใน 1 ปีหรือปีครึ่งก่อนที่ผู้ออมจะเกษียณผู้จัดการกองทุนก็จะปรับเปลี่ยนพอร์ตการลงทุนทั้งหมดให้อยู่ในตราสารหนี้ระยะสั้น

ด้านช่องทางในการขาย นอกจากจะจำหน่ายผ่านสาขาของธนาคารแล้ว ยังจะมีการใช้ช่องทางการจำหน่ายใหม่ในลักษณะAlternative Distribution Channels นอกเหนือจากที่เป็นตัวแทนขาย (Selling Agent) ด้วยการรับสมัครผู้แทนขายอิสระหรือ Independent Investment Planner (IIP) ส่วนใหญ่คือผู้จัดการสาขาธนาคารที่เกษียณอายุไปแล้วและยังมีใบอนุญาตอยู่ ซึ่งสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่มีเงินลงทุนสูงได้ดี โดยจะให้ผลตอบแทนเป็นค่าคอมิชชั่น และในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา IIP สามารถทำยอดขายได้แล้วประมาณ 1,000 ล้านบาท โดยภายในปีนี้ บลจ.ไทยพาณิชย์เตรียมรับสมัครตัวแทนอิสระเพิ่มอีก 50 คนจากที่มีอยู่แล้วในขณะนี้ 50 คน ซึ่งการขยายตัวรูปแบบนี้ก็จะทำให้ AUMเติบโตได้อีกมาก

"จากแผนงานทั้งหมด เชื่อว่าทั้งปีนี้AUM ก็น่าจะเติบโตได้ตามเป้าหมาย หรือโตได้มากกว่าอุตสาหกรรม แต่คงต้องดูด้วยว่าครึ่งปีหลังแบงก์จะมีการแข่งระดมเงินฝากด้วยหรือไม่ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นก็คงเป็นเรื่องยาก"


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.