แฟรนไชส์การศึกษาเด็กจ่อคิว งัดกลยุทธ์ รับตลาด ตจว. เปิด


ASTV ผู้จัดการรายสัปดาห์(1 สิงหาคม 2553)



กลับสู่หน้าหลัก

แฟรนไชส์ธุรกิจการศึกษาเด็ก เบนเข็มเจาะตลาดภูธร การเมือง เศรษฐกิจ ตัวเร่งหาตลาดใหม่ ชี้ปัจจัยตลาดเมืองกรุงปัจจัยเสี่ยงกระทบธุรกิจล้วนลงผลต่อการตัดสินใจการลงทุน อีกด้านหนึ่งมองตลาดอิ่มตัว การแข่งขันสูงแบรนด์นอกรุกตลาด ขณะตลาดภูธร นักลงทุน ผู้บริโภค อ้าแขนรับ เจาะกลยุทธ์ 3 แบรนด์ยักษ์ไทย-เทศ จินบุรี โกเบิล อาร์ต คลอลิตี้ คิดส์ งัดสารพัดวิธีหวังปักธงแจ้งเกิดแบรนด์

ในแวดวงแฟรนไชส์ได้เปรียบธุรกิจการศึกษาเหมือนกับ "น้ำซึมบ่อทราย" ที่ไม่หวือหวาเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการเติบโตของการลงทุน การสร้างรายได้ การทำกลยุทธ์ ฯลฯ ดังนั้นคำดังกล่าวจึงสามารถสะท้อนภาพของธุรกิจการศึกษาได้เป็นอย่างนี้

และสะท้อนให้เห็นถึงการไม่ขาดช่วง ขาดตอนของการลงทุน ที่วิกฤตเศรษฐกิจ การเมือง ไม่ส่งผลต่อรายได้ที่ลดลง หรือจะกล่าวได้ว่าธุรกิจการศึกษาไม่ขึ้นกับการเมืองไม่ว่าขั้วไหน การซึมของรายได้จึงเกิดอย่างต่อเนื่องและสร้างรายรับและธุรกิจได้อย่างยั่งยืน

หากเทียบการลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์การศึกษากับธุรกิจอาหาร ในระยะที่ผ่านมาจะพบตัวเลขการลงทุนธุรกิจอาหารนำโด่ง เป็นพระเอกตลอดกาลของตลาดการลงทุนธุรกิจแฟรนไชส์ในไทยและสร้างมูลค่าตลาดรวมนับหมื่นๆ ล้านบาท

แต่ธุรกิจดังกล่าวนี้แม้จะสร้างรายได้ดี แต่ยังพบคู่แข่งในธุรกิจจำนวนมากทั้งไทยและเทศ แม้แต่ธุรกิจแฟรนไชส์อาหารของไทยเองที่ในช่วงที่ผ่านมาได้พูดถึงนวัตกรรมสินค้าและบริการกันเอง เพื่อสร้างความต่างให้กับสินค้าและบริการของตน

ขณะที่ธุรกิจการศึกษาน้ำหรือเม็ดเงินจากการสร้างรายได้กลับซึมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง นักลงทุนจำนวนมากที่ไม่ได้โฟกัสแค่กลุ่มครู อาจารย์หรือข้าราชการวัยเกษียณอย่างที่ผ่านมา แต่กลับเป็นคนรุ่นใหม่ที่มองเห็นโอกาสในธุรกิจแฟรนไชส์การศึกษาที่เป็นธุรกิจประเภทหนึ่งที่มีความเสี่ยงน้อยเมื่อสถานการณ์ใดๆ มาเยือน

ประกอบกับรูปแบบการเรียนการสอนที่ไม่ใช่การสอนเฉพาะวิชาการเท่านั้น แต่ระยะที่ผ่านมาจะเห็นรูปแบบการศึกษาได้เปลี่ยนไป มีสื่อการเรียน การสอนใหม่ๆ เพื่อพัฒนาทักษะด้านต่างๆ หรือพัฒนาการของสมองทั้งซีกซ้าย ซีกขวา ผ่านกิจกรรมเกม ศิลปะ และกีฬา ฯลฯ เหล่านี้ล้วนเป็นสีสันกระตุ้นกลุ่มผู้ลงทุนให้เข้ามาเลือกซื้อธุรกิจแฟรนไชส์การศึกษา

ทั้งนี้ผลวิจัยของ บริษัท แฟรนไชส์ โฟกัส จำกัด ระบุว่า ผู้ซื้อธุรกิจแฟรนไชส์ส่วนใหญ่ อายุ 30 ปีขึ้นไป ที่เป็นวัยสร้างเนื้อสร้างตัว โดยมีระดับการศึกษา ปริญญาตรีขึ้นไป ที่มีอาชีพเดิมเป็นพนักงานบริษัท ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปจากทุกครั้งที่สำรวจอาชีพเดิมส่วนใหญ่จะเป็นที่ที่มีกิจการอยู่ก่อนแล้ว อายุ 30-40 ปีมากถึง 50% เป็นพนักงานบริษัท 50% และเป็นเจ้าของกิจการ 38% และจากการสำรวจจากผู้ประกอบการแฟรนไชส์จำนวน 300 ราย พบว่า มีการลงทุนในธุรกิจบริการ 29% ลงทุนธุรกิจการสึกษา 26% และอาหาร เครื่องดื่ม 22%

ด้านของเงินลงทุนหลักแสน พบว่า การลงทุนในธุรกิจแฟรนไชส์ส่วนใหญ่ จะอยู่ในระดับที่ 1-3 ล้านบาท ซึ่งต่างจากช่วง 10 ปีก่อนที่ระดับการลงทุนแฟรนไชส์ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ 3 ล้านขึ้นไป ทั้งนี้เป็นเพราะผู้ขายแฟรนไชส์หรือแฟรนไชซอร์ได้ปรับทางเลือกในการลงทุนให้เหมาะกับกำลังของผู้ประกอบการ

ซึ่งบทสรุปของวิจัยดังกล่าว ผู้ประกอบการที่พึงพอใจ ในธุรกิจที่ทำอยู่นั้น ส่วนใหญ่จะเป็นรายที่มีแบรนด์ดัง ที่แสดงให้เห็นว่า ธุรกิจที่ขายแฟรนไชส์นั้น การที่จะให้ความสำคัญอย่างเร่งด่วน ในการสร้างแบรนด์ เพื่อที่จะนำมาสู่ยอดขายของแฟรนไชซี่ และสร้างทีมงานสนับสนุนร้านแฟรนไชส์ ที่จะเพิ่มคะแนนความพึงพอใจให้สูงขึ้น

แต่ในทางตรงกันข้าม แฟรนไชซีที่ไม่ค่อยพอใจในธุรกิจที่ทำนัก มักจะเป็นรายที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียง และมีผลประกอบการต่ำ ซึ่งเป็นผลโดยตรงมาจากความนิยมในคุณภาพ และแบรนด์ของธุรกิจนั้น

หากมองถึงธุรกิจการศึกษาที่มีมูลค่าตลาดกว่า 8,000 ล้านบาทและมีแนวโน้มการเติบโตเพิ่มขึ้นนั้น พบแนวโน้มการเติบโตขยายสู่ตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น ทั้งนี้จากการสอบถามแฟรนไชซอร์ธุรกิจแฟรนไชส์การศึกษามองว่าตลาดต่างจังหวัดเป็นโอกาสและช่องทางใหม่ๆ หลังจากที่ตลาดในกรุงเทพฯ มีการเติบโตและค่อนข้างครอบคลุมพื้นที่กลุ่มเป้าหมาย

อย่างไรก็ตาม "ผู้จัดการ 360 องศา รายสัปดาห์" ได้สำรวจกับ 3 แบรนด์ใหญ่ของธุรกิจการศึกษาเด็กทั้งไทยอย่าง คลอลิตี้ คิดส์ หรือแฟรนไชส์จากต่างประเทศสหรัฐอเมริกาอย่างจิมบุรี โกลเบิล อาร์ต จากประเทศมาเลเซีย ซึ่งผู้บริหารเหล่านี้มองตลาดต่างจังหวัดเป็นโอกาสธุรกิจ และใช้กลยุทธ์ บลู โอเชี่ยน (Blue Ocean) ในการเข้าทำตลาดใหม่ เสนอความแตกต่างหรือแปลกใหม่ให้กับตลาดต่างจังหวัด แทนกลยุทธ์เรดโอเชี่ยน (Red Ocean) ที่แข่งขันกับอย่างดุเดือนในตลาดเมืองกรุงที่แบรนด์ไทยเกิดใหม่และแบรนด์จากต่งประเทศที่รุกตลาดในประเทศไทย

ฉะนั้นตลาดต่างจังหวัดจึงยังเป็นตลาดที่หอมหวานที่ใครสามารถปักธงได้ก่อนเท่ากับเป็นการสร้างแบรนด์ให้กับตลาดรับรู้ ประกอบกับความสนใจของนักลงทุนต่างจังหวัดที่รู้และเข้าใจกับการลงทุนธุรกิจแฟรนไชส์ ล้วนเป็นองค์ประกอบที่ทำให้ทั้ง 3 แบรนด์เดินกลยุทธ์บุกต่างจังหวัดและเห็นชัดเจนในปี 2553 นี้

โดยแต่ละแบรนด์ได้ปรับรุปแบบการลงทุนให้สอดคล้องกับการลงทถุนในตลาดต่างจังหวัด โดยเฉพาะเม็ดเงินการลงทุนดังนั้นจะเห็นว่าทั้ง 3 แบรนด์ยังคงยึดคอนเซ็ปต์ "ลงทุนน้อย คืนทุนเร็ว" เมื่อเทียบกับการลงทุนในกรุงเทพฯ

สำหรับ สถาบันเสริมพัฒนาการเด็กเล็ก "GYMBOREE" แม้ไม่เห็นกลยุทธ์ที่โดดเด่นเพื่อเจาะตลาดต่างจังหวัดโดยเฉพาะ แต่ด้วยรูปแบบการลงทุนที่มีมากถึง 3 รูปแบบ ซึ่งกลยุทธ์ที่ GYMBOREE ใช้กับตลาดต่างจังหวัดคือเงื่อนไขของเม็ดเงินการลงทุนที่หลากหลาย ซึ่งมีด้วยกัน 3 รูปแบบการลงทุนที่ผู้รับสิทธิ์แฟรนไชส์สามารถเลือกลงทุนได้ตามระยะเวลาคือ 3 ปี 6 ปีและ 9 ปี ซึ่งระยะสัญญาแฟรนไชส์แต่ละจำนวนปีนั้นจะสัมพันธ์กับเม็ดเงินการลงทุน ระยะเวลาการคืนทุน

"GYMBOREE" ที่ตั้งเป้าปี 2553 นี้ขยายการลงทุนแฟรนไชส์ออกไปยังตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น จากปัจจุบันมีสาขา 12 สาขาแบ่งเป็นกรุงเทพฯ 10 สาขาและต่างจังหวัด 2 สาขาได้แก่ศรีราชาและภูเก็ต ทั้งนี้ "ชามาภัทร สิทธิอำนวย" กรรมการผู้จัดการ บริษัท เพลย์ แอนด์ มิวสิค จำกัด ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่าในครึ่งปีหลังนี้เตรียมขยายอีก 2-3 แห่งโฟกัสตลาดต่างจังหวัดในหัวเมืองใหญ่ เช่น ระยอง เชียงใหม่

ทั้งนี้มุ่งขยายสาขาไปยังต่างจังหวัดนั้น ผู้บริหารมองว่า สาขาในกรุงเทพฯ นั้นครอบคลุมและสามารถรองรับกลุ่มผู้เรียนได้ ตลาดต่างจังหวัดจึงเป็นโอกาสใหม่และขยายช่องทางใหม่ให้กับบริษัทได้

ผู้บริหารจะแนะนำการลงทุนที่เหมาะสมและที่สอดคล้องกับสถานการณ์การลงทุนในปัจจุบันคือรูปแบบ 3 ปี เพราะลงทุน คืนทุนเร็ว สำหรับมูลค่าการงทุนในรูปแบบที่ 3 นี้อยู่ที่ 5 ล้านบาทรยวมค่าแฟรนไชส์ฟี ค่าตกแต่งและอุปกรณ์การเรียนการสอน พื้นที่ 250 ตารางเมตร มีจำนวนผู้เรียน 200-300 คน คาดประมาณการณ์คืนทุนภายใน 3 ปี

หากมองถึงเทรนด์หรือแนวโน้มการลงทุนของผู้ลงทุนในปัจจุบันแล้วพบว่าสถานการณ์ส่งผลต่อการตัดสินใจการลงทุน ดังนั้นการลงทุนในระดับเงินลงทุนที่พอเหมาะและสามารถคืนทุนเร็วจะเป็นสิ่งที่ตัดสินใจมาเป็นอันดับแรกๆ ดังนั้นรุปแบบที่ 3 ของแฟรนไชส์สถาบันเสริมพัฒนาการเด็กเล็ก "GYMBOREE" น่าจะเป็นอีกคำตอบหนึ่งของผู้ลงทุนโดยเฉพาะนักลงทุนที่มีพื้นที่ต่างจังหวัดเพราะสามารถลดต้นทุนโดยเฉพาะต้นทุนหลักคือค่าเช่าสถานที่ลงไปได้มาก

ด้านธุรกิจแฟรนไชส์การศึกษาศิลปะเด็กสัญชาติมาเลเซีย "โกลเบิล อาร์ต"

"บอกได้ว่าเราไม่มั่นใจกับสภาพเศรษฐกิจว่าจะดีขึ้นหรือไม่ ฉะนั้นการดาวน์ไซน์จะทำให้ผู้ลงทุนปลอดภัยในสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้หรือมีความไม่นอนเกิดขึ้น การปรับโครงสร้างการลงทุนนี้จะทำให้ผู้ลงทุนลดต้นทุนในหลายๆ ด้านลงกว่า 30% และสามารถคืนทุนได้เร็วขึ้นหรือภายใน 2 ปีเท่านั้น" ณณัฏฐ์ เขมโสภต ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โกลเบิล อาร์ต แอน ครีเอทีฟ (ไทยแลนด์) จำกัด ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ และเลือกใช้ คอนเซ็ปต์ Economy of scale ปรับโครงสร้างการลงทุนใหม่เพื่อถึงจุดคุ้มทุนเร็วขึ้น

โดยลดขนาดพื้นที่จาก 100 ตารางเมตรปรับลดเป็น 70-80 ตารางเมตร และทำเลจากเดิมมุ่งที่ห้างสรรพสินค้าก็สามารถเปิดในทำเลอาคารพาณิชย์ได้ ซึ่งการลดขนาดพื้นที่ลงในครั้งนั้นทำให้ระยะเวลาการคืนทุนเร็วขึ้นจากเม็ดเงินการลงทุนที่ลดลง จากคืนทุน 3 ปีครึ่งถึง 4 ปีก็คืนทุนภายใน 2 ปีครึ่งถึง 3 ปีเท่านั้น

ดังจะเห็นเป้าหมายการขยายสาขาในปี 2554 นี้ เขาบอกว่า ปัจจุบันโกลเบิล อาร์ต มีสาขา 55 สาขา แบ่งเป็นกรุงเทพฯ 40 สาขา ต่างจังหวัด 15 สาขา และในปี 2554 นี้จะขยายเพิ่ม 12 สาขา แบ่งเป็นต่างจังหวัด 10 สาขาและกรุงเทพฯ 2 สาขา

แมทธิว แบรดี้ ประธานกรรมการผู้จัดการ Quality Kids สถาบันพัฒนาทักษะสมองและความคิดสร้างสรรค์ มองว่าตลาดในกรุงเทพฯ เริ่มอิ่มตัว แม้การขยายตัวของจำนวนผู้เรียนเฉลี่ยปีละ 50% แต่ด้วยจำนวนสาขา 20 สาขาที่ส่วนใหญ่มีทำเลในห้างสรรพสินในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ขณะที่ตลาดต่างจังหวัดนั้นมีความสนใจลงทุนสูง แต่ด้วยการลงทุนกับ คลอลิตี้ คิดส์ ต้องใช้เงินลงทุนสูง จึงได้แตกแบรนด์ใหม่ "Happy Brain" เพื่อขยายตลาดต่างจังหวัดรับการขยายตัวของกลุ่มผู้เรียนและกลุ่มผู้สนใจลงทุน

เขาบอกว่าความต้องการของกลุ่มผู้เรียนในต่างจังหวัดสูงมากบางรายต้องเดินทางมาจากต่างจังหวัด เช่น ราชบุรี นครปฐม สุพรรณบุรี เป็นต้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการเรียนรู้ให้กับลูกหลาน ทำให้บริษัทเห็นโอกาสที่เกิดกับตลาดต่างจังหวัด เช่นเดียวกับกลุ่มผู้ลงทุนปัจจุบันมีกลุ่มทุนรายใหญ่และรายย่อยที่สนใจในการลงทุนธุรกิจการศึกษา ทำให้บริษัททำการศึกษาตลาดและแตกแบรนด์ใหม่

ซึ่งการขยายการลงทุนไปต่างจังหวัดทำให้บริษัทสามารถลดต้นทุนต่างๆ ในการลงทุนลงได้มากทั้งทำเล ค่าเช่าสถานที่ต่างๆ ทำการมูลค่าการลงทุนในต่างจังหวัด 2.5 ล้านบาทและเล่าเรียน 15,000-20,000 บาทต่อคน คืนทุน 24 เดือน สัญญา 3 ปี สำหรับจังหวัดที่จะขยายสาขาได้ก่อนคือ นครสวรรค์ พัทยา (ชลบุรี) นครปฐม ราชบุรี และคาดว่าภายในปี 2554 จะมีสาขา Happy Brain จำนวน 12 สาขา ซึ่งการพิจารณาการตั้งแต่ละสาขานั้นจะดูจากจำนวนประชากรในพื้นที่ 300,000 คนต่อ 1 สาขา

นับเป็นความเคลื่อนไหวที่จับต้องได้กับธุรกิจการศึกษาโดยเฉพาะเด็กเล็ก จากที่ผ่านต้องรอตลาดโตหรือรอความเข้าใจของผู้ปกครองกับการพัฒนาทักษะเด็กที่ไม่ใช่เฉพาะวิชาการเท่านั้น และปัจจุบันตลาดต่างจังหวัดเปิดทั้งนักลงทุน ผู้บริโภค จึงเป็นโอกาสของธุรกิจแฟรนไชส์การศึกษาในการรุกตลาดกันเต็มที่


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.