ในปี 2515 เครือซิเมนต์ไทยได้นำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการทำบัญชี อีกช่วงหนึ่งที่จเครือซิเมนต์ไทยเน้นเรื่องการจัดจำหน่าย
ประมาณปี 2524-25 และมีการปรับปรุงครั้งใหญ่ที่มีการนำเรื่องระบบการจัดจำหน่าย
นำคอมพิวเตอร์มาใช้ตามสำนักงานขายแทนพิมพ์ดีด เป็นเครื่องพีซีต่างคนต่างทำ
ในปี 2531 ได้มีการปรับครั้งใหญ่ โดยวางเป็นเครือข่ายเรียลไทม์ออนไลน์ทั่วประเทศ
โดยเชื่อมถึง ลูกค้าด้วยเป็นครั้งแรก โดยลูกค้าสามารถเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์แล้วสั่งซื้อสินค้าโดยตรงได้
โดยคอมพิวเตอร์ก็จะเชื่อมต่อถึงโรงงาน สั่งซื้อ เช็กสต็อก และสำนักงานขายตามภูมิภาคต่างๆ
ที่มีมากกว่า 50 แห่ง เพื่อจัดเก็บเงินค่าสินค้าด้วย โดยเปิดบริการถึงวันเสาร์ตั้งแต่เช้าจนถึง
4 ทุ่ม
ตอนนั้นใช้เครื่องเมนเฟรมขนาดใหญ่ไอบีเอ็ม แล้วสร้างและพัฒนาซอฟต์แวร์ด้วยทีมของเครือซิเมนต์ไทยเอง
โดยเขียนโปรแกรมเองมาตั้งแต่เริ่มมีการนำพีซีเข้ามาใหม่ในปี 2524
โดยช่วงนั้นมีแนวคิดว่าจะทำให้การทำงานสั้นลง เพราะขั้นตอนการสั่งซื้อสินค้าค่อนข้างยุ่งยากและล่าช้า
โดยให้ลูกค้าสั่งซื้อสินค้า ไม่ต้องเดินทางมายังสำนักงานขาย ซึ่งอาจจะมีเข้าคิวด้วยอีกต่อไป
จึงนำคอมพิวเตอร์มาใช้
ซึ่งแต่เดิมลูกค้าสั่งซื้อสินค้าจะต้องมีเด็กถือเงินเข้ามา แล้วให้เจ้าหน้าที่เครือซิเมนต์ไทยออกตั๋วให้
หลังจากนั้นนำตั๋วไปรับสินค้าที่คลังสินค้าหรือโรงงาน
อย่างไรก็ตาม ในช่วงนั้นมีโมเดลของ American Hospital Supplies ซึ่งเป็นบริษัทซัปพลายเออร์อุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ให้โรงพยาบาล
โดยให้แพทย์สั่งซื้อสินค้าจากโรงงานโดยตรง ซึ่งเครือซิเมนต์ไทยได้ศึกษาเองและนำโมเดลนี้มาใช้
จากการศึกษาจาก Harvard Case study เท่านั้น เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ซึ่งได้มีการพัฒนา
และขยายเครือข่ายมาครบโดยตลอด โดยลูกค้าสามารถรับสินค้าได้ด้วย เครือซิเมนต์ไทยเชื่อมั่นตนเองตลอดมาว่า
เป็นผู้นำทางด้านนี้มาโดยตลอด เพียงแต่ไม่ได้โฆษณาไปข้างนอก โดยมองว่าเป็นเรื่องภายใน
ในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา แนวคิดด้านการจัดการเปลี่ยนแปลงไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้น
เพราะการติดต่อภายในยังระบบหนึ่ง ที่แตกต่างกัน กล่าวคือ ทางด้านขายเป็นระบบหนึ่ง
โรงงานเป็นระบบหนึ่ง แต่แนวคิดการจัดการสมัยใหม่ ต้องการเน้นประสิทธิภาพ
เวลาลูกค้าสั่งของต้องได้ของและเตรียมของได้ทันด้วย ดังนั้นจึงต้องมีการปรับพื้นฐานโครงสร้างไอทีใหม่
เปลี่ยนรื้อจากเดิมที่เป็นระบบเมนเฟรมแล้วมีการใช้งานเป็นจุดๆ หรือเฉพาะจุดไป
มาเป็นโปรแกรม ERP (Enterprise Resource Planning) ทำให้การเชื่อมต่อระหว่างต้นทางจนถึงปลายทาง
(ผู้ผลิต) ใช้ข้อมูลชุดเดียวกันและเป็นเรียลไทม์ เพื่อให้การบริการลูกค้านับตั้งแต่สั่งซื้อของ
ส่งของนั้นทุกคนจะมีข้อมูลชุดเดียวกัน ทำให้ไม่มีการทำงานแบบซ้ำซ้อน นับเป็นการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที
ทำให้ข้อมูลความต้องการของลูกค้าจนถึงการผลิตเชื่อมต่อกัน
ด้านหน้าร้าน จากการที่มีระบบของเราเองเฉพาะ ก็เปลี่ยนเป็น Webbase Application
ทำงานในรูป E- Commerce เพื่อให้บริการร้านค้าที่จะสั่งซื้อสินค้า จากการที่เคยติดต่อสำนักงานขาย
50 แห่งที่ให้ลูกค้าเปลี่ยนใช้อินเทอร์เน็ต แล้วเพิ่มความสามารถด้านอินเทอร์เน็ตอย่างเต็มที่
เพิ่มความสามารถจาก Textmode มาเป็นGraphicmode หากลูกค้าต้องการข้อมูลต่างๆ
ก็สามารถเรียกดูหน้าจอที่ร้านได้ ไม่ว่าจะเป็นตัวอย่างสินค้า สต็อกสินค้า
การรับของ
ระบบนี้ได้เริ่มใช้อย่างจริงจังและครบถ้วนเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2543
ที่ผ่านมา
(โปรดพิจารณาภาพประกอบด้วย)
"นี่คือภาพที่สมบูรณ์ และเป็นจิ๊กซอว์สำคัญในพื้นฐานของ E-business" เป็นการยอมรับทั่วไป
ของคณะผู้บริหารเครือซิเมนต์ไทย รวมทั้ง Accenture ที่ปรึกษาสำคัญได้ให้คำปรึกษาธุรกิจการค้าอีกครั้งหนึ่งในราวต้นปี
2542 เพื่อลงลึกในรายละเอียดของการปรับองค์กร ก็สรุปเช่นนั้น ภาพที่เครือซิเมนต์ไทยและ
Accenture มองตรงกัน เป็นภาพเริ่มต้นของภาพใหญ่ ซึ่งหมายถึงการปรับตัวอย่างยุทธศาสตร์ยังจะต้องดำเนินต่อไปอย่างเร่งรีบโดยใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง
ความเห็นร่วมกันนี้ จึงเป็นที่มาของการร่วมทุนตั้งบริษัทไอทีวัน เพื่อผลักดันให้ภาพตั้งต้นของภาพใหญ่ของ
การเคลื่อนตัวจากธุรกิจดั้งเดิมเชื่อมประสานกับธุรกิจ New Economy ได้อย่างกลมกลืน
ถือเป็นการปรับตัวทางยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญทีเดียว