เอทีแอนด์ที ในประเทศไทยรุกไปข้างหน้าพร้อมๆ กับตามแก้ปัญหาข้างหลัง


นิตยสารผู้จัดการ( สิงหาคม 2528)



กลับสู่หน้าหลัก

เอทีแอนด์ทีเป็นชื่อย่อของบริษัท AMERICAN TELEPHONE & TELEGRAPH บริษัทที่มีข่ายงานด้านการสื่อสารที่ใหญ่โตที่สุดในสหรัฐอเมริกา และเป็นกลุ่มบริษัทข้ามชาติ (MULTI-NATIONALS) ที่กำลังก้าวเข้ามายึดขอบข่ายการสื่อสารในแถบประเทศกลุ่มอาเซียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยในทุกวันนี้อย่างแข็งขัน

นอกเหนือจากการชนะประมูลเป็นผู้จัดพิมพ์และโฆษณาในสมุดโทรศัพท์ทั้งหน้าขาวและหน้าเหลืองขององค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทย ซึ่งอาจจะเรียกว่าเป็นก้าวแรกของเอทีแอนด์ทีแล้ว ก้าวที่ 2 ของเอทีแอนด์ทีก็คือการเข้าไปซื้อโรงงานผลิตแผงวงจรไฟฟ้า (INTEGRATED CIRCUIT) หรือที่เรียกกันว่าแผงไอซี จากยักษ์ใหญ่บริษัทฮันนี่เวลล์ โดยเอทีแอนด์ทีจะลงทุนเพิ่มเติมในโรงงานในประเทศไทยระยะ 5 ปี แรกนี้ประมาณ 950 ล้านบาท และคงจะมากกวา 1,000 ล้านบาท ในโรงงานของฮันนี่เวลล์เดิมที่สิงคโปร์

ฮันนี่เวลล์เป็นบริษัทคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่บริษัทหนึ่งของโลก มีกิจการด้านการผลิตและจำหน่ายเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ในการควบคุมการผลิตสินค้าต่าง ๆ มีชื่อเสียงมาก แต่เผอิญในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้ ฮันนี่เวลล์ประสบปัญหาด้านการตลาดและการเงินอย่างมาก ก็เลยทำให้ฮันนี่เวลล์ต้องขายกิจการในประเทศญี่ปุ่นให้กับบริษัท เอ็นอีซี ก่อนหน้าที่จะขายกิจการผลิตแผงไอซีในประเทศไทยและสิงคโปร์ให้กับเอทีแอนด์ทีอย่างที่กล่าวไปแล้ว

เอทีแอนด์ทีมีความเคลื่อนไหวในประเทศไทยอย่างมากนับตั้งแต่ปลายปี 2527 เป็นต้นมา คือตั้งแต่เรื่องการจัดทำสมุดโทรศัพท์ จนมาถึงการเข้าเทกโอเวอร์โรงงานของบริษัทฮันนี่เวลล์ และค่อนข้างเป็นเรื่องที่แน่นอนว่าเอทีแอนด์ทียังจะต้องมีก้าวต่อไปและต่อไปเรื่อยๆ

ผู้สันทัดกรณีหลายคนต่างก็คาดการณ์ไปในหลายทาง เกี่ยวกับก้าวต่อไปของเอทีแอนด์ที ซึ่งที่ค่อนข้างจะเห็นตรงกันมากก็คือความเชื่อที่ว่า เอทีแอนด์ทีจะก้าวเข้ามาในวงการไมโครคอมพวิเตอร์ เพราะในช่วงหลายเดือนมานี้เอทีแอนด์ทีมีการติดต่อกับผู้ขายคอมพิวเตอร์หลายรายในบ้านเรา ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มศรีกรุงวัฒนา กลุ่มคอมพิวเตอร์ยูเนียน กลุ่มสหวิริยา และกลุ่มบริษัทล็อกซเล่ย์ซึ่งขายเครื่องของเอทีแอนด์ทีในชื่อโอลิเวตตี้อยู่ในปัจจุบัน

อย่างไรก็ดี ที่จะก้าวก็คงต้องก้าวกันไป เพียงแต่บางก้าวที่ก้าวไปแล้วก็คงมีบางปัญหาจะต้องให้เอทีแอนด์ทีตามแก้พร้อมๆ ไปด้วย

โดยเฉพาะในก้าวแรกเรื่องการจัดทำสมุดโทรศัพท์

ก็คงจะแน่นอนแล้ว ที่ในเดือนกรกฎาคมปี 2529 นี้เราก็คงจะได้เห็นสมุดรายนามผู้ใช้โทรศัพท์โผล่อกมา 2 ชุด จัดทำโดย 2 บริษัท คือชุดของเอทีแอนด์ทีผู้ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ จากองค์การโทรศัพท์ และชุดสมุดธุรกิจหน้าเหลืองของบริษัทจีทีอีหรือเยนเนราลเทเลโฟน ไดเรคตอรี่ คัมปะนี (ประเทศไทย) เจ้าเก่า ซึ่งเคยเป็นผู้จัดทำสมุดโทรศัพท์มานานกว่า 17 ปี ซึ่งพลาดท่าเสียตำแหน่งไปให้กับเอทีแอนด์ทีเมื่อปีนี้เอง

จีทีอี ลงทุนโฆษณาอย่างต่อเนื่องในหนังสือพิมพ์ทั้งรายวันและรายสัปดาห์ว่า ตนนั้นจะดำเนินธุรกิจการจัดพิมพ์สมุดหน้าเหลืองต่อไป พร้อมกับหมายเหตุป้องกันตัวไว้ด้วยว่า “สมุดธุรกิจเยลโล่เพจเจสของจีทีอีเป็นสมุดธุรกิจอิสระไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับองค์การโทรศัพท์แห่งประเทศไทยและสมุดรายนามผู้ใช้โทรศัพท์ขององค์การโทรศัพท์”

แต่ถึงจะออกตัวไว้อย่างไรก็คงทำให้เอทีแอนด์ทีอภัยให้ไม่ได้อยู่ดี เพราะอย่างไรเสียก็จะต้องมีการแย่งตลาดโฆษณาในสมุดหน้าเหลืองกันแน่ๆ ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้อยู่แล้ว

เอทีแอนด์ทีก็เลยต้องตอบโต้บ้าง

ก็ที่ข้างๆ โฆษณาของจีทีอีในหน้าหนังสือพิมพ์นั่นแหละ ที่ผู้อ่านจะได้เห็นโฆษณาของเอทีแอนด์ทีออกมาเตือนว่า “หยุดก่อน อย่าด่วนตัดสินใจเกี่ยวกับการลงโฆษณาในสมุดโทรศัพท์หน้าเหลืองจนกว่าจะได้อ่านข้อความข้างล่างนี้” ข้อความต่อจากนั้นก็คงเดาออกกระมัง ถ้าไม่แน่ใจก็ลองพลิกหนังสือพิมพ์ฉบับเก่า ๆ ดูก็ได้ หรืออาจจะเป็นฉบับที่วางแผงปัจจุบัน

เอทีแอนด์ทีพยายามผลักดันให้องค์การโทรศัพท์เป็นผู้แก้ปัญหานี้ และฝ่ายกฎหายของเอทีแอนด์ทีก็พลิกตำรากฎหมายกันให้วุ่นไปหมด เพื่อที่จะยับยั้งการกระทำของจีทีอี แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรคืบหน้ามาก

เห็นทีจะต้องให้ตลาดเป็นผู้ตัดสินเสียแล้วสำหรับเรื่องนี้



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.