|

“ซัมซุง” ปักฐานผลิตแอร์ในไทยเพิ่มดีลเลอร์ 30 ราย หวังฮุบตลาด
ASTVผู้จัดการรายวัน(22 กรกฎาคม 2553)
กลับสู่หน้าหลัก
ซัมซุง เลือกลงทุนขยายฐานผลิตเครื่องปรับอากาศในไทยแทนเวียดนาม เหตุยอดขายแอร์พุ่งเกินความคาดหมายสวนทางการเมือง ซิวผู้นำในเดือน พ.ค.มาได้ เร่งเครื่องสุดขีดเพิ่มดีลเลอร์ขายแอร์อีก 30 แห่งทั่วประเทศ หวังคว้าที่หนึ่งในตลาดแอร์ด้วยแชร์ที่ 20% พร้อมปรับเป้ายอดขายครั้งที่สองสู่ 2 แสนเครื่อง
นางสาวศศิธร กู้พัฒนากุล ผู้จัดการอาวุโส ธุรกิจเครื่องปรับอากาศ บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด เปิดเผยว่า เป็นที่น่ายินดี ว่า ทางบริษัทแม่ที่ประเทศเกาหลีได้ตกลงเลือกประเทศไทย ในการลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศอีก 3 เท่า แทนประเทศเวียดนาม และอีก 1-2 ประเทศในแถบเซาอีสต์เอเชีย จากแนวโน้มที่น่าจะเป็นเวียดนามมาเป็นไทยนั้น ส่วนสำคัญมาจากยอดขายเครื่องปรับอากาศที่ทำได้ดีเกินเป้าหมายที่วางไว้ แม้ประเทศไทยดูจะมีปัญหาทางการเมือง แต่กลับมียอดขายเครื่องปรับอากาศเติบโตมากที่สุดในเซาอีสต์เอเชีย บวกกับโอกาสในการทำตลาดในประเทศไทยยังมีสูงอยู่
สำหรับการลงทุนในครั้งนี้ ได้อนุมัติเมื่อเดือนที่ผ่านมา โดยการลงทุนจะเริ่มได้ในต้นปีหน้า ส่วนการลงทุนจะสูงมากแค่ไหนนั้น ขณะนี้ยังประเมินไม่ได้ เนื่องจากเป็นการลงทุนใหม่ทั้งหมด 100% ประกอบด้วย โรงงานแห่งใหม่ บนพื้นที่ที่ดิน 10 ไร่ และเครื่องจักรใหม่อีกส่วนหนึ่ง ทั้งนี้ จะทำให้กำลังการผลิตสามารถทำได้ถึง 1.5-3 ล้านเครื่องต่อปี จากปัจจุบันอยู่ที่ 5.5 แสน สูงสุดที่ 8 แสนเครื่องต่อปี รองรับทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ ทั้งรัสเซีย ออสเตรเลีย และ มิดเดิลอีสต์
ด้าน นายสมพร จันกรีนภาวงศ์ ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศ บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวต่อว่า ในส่วนของยอดขายเครื่องปรับอากาศของทางซัมซุงนั้น ในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา สามารถก้าวขึ้นเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดถึง 20% ขณะที่นับจากเดือน ม.ค.-พ.ค.ที่ผ่านมา อยูในอันดับสาม ด้วยส่วนแบ่งทางตลาดที่ 17% ซึ่ง 5 เดือนที่ผ่านมา บริษัทสามารถจำหน่ายเครื่องปรับอากาศโดยรวมได้เกินกว่า 1.4 แสนเครื่อง เป็นรุ่นธรรมดาประมาณ 88% และรุ่นระบบอินเวอร์เตอร์อีก 12%
โดยในภาพรวมของตลาดนั้น 5 เดือนที่ผ่านมา จากผลวิจัยของทางจีเอฟเค ในแง่จำนวนเติบโตขึ้น 79% ในแง่มูลค่าเติบโตที่ 62% ทั้งปีคาดว่า ในแง่จำนวนจะเติบโตประมาณ 22% คิดเป็นจำนวนยูนิตได้กว่า 1 ล้านเครื่อง และมูลค่าน่าจะสูงถึง 12,500 ล้านบาท ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ปีนี้ตลาดเครื่องปรับอากาศเติบโตสูงมากนั้น มาจากหลายปัจจัย ทั้งระดับราคาที่ลดลงมาเฉลี่ย 10% รวมถึงเครื่องปรับอากาศระบบอินเวอร์เตอร์ได้รับความสนใจ รวมถึงสภาพอากาศที่ร้อนนาน
อย่างไรก็ตาม ทางซัมซุงได้มีการปรับเป้ายอดขายใหม่ครั้งที่ 2 เป็น 2 แสนเครื่อง จากช่วงต้นไตรมาสองวางไว้ที่ 1.7 ล้านเครื่อง จากเป้าเดิม 1.4 แสนเครื่อง โดยแผนการทำตลาดในครึ่งปีหลัง จะเน้นเพิ่มดีลเลอร์ ร้านจำหน่ายเครื่องปรับอากาศอีก 30 แห่งทั่งประเทศ รวมแล้วทั้งปีจะมีดีลเลอร์ร้านจำหน่ายเครื่องปรับอากาศรวมกว่า 110 แห่ง หรือทั้งปีมั่นใจว่า จะก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดเครื่องปรับอากาศด้วยส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 20% ซึ่งยอดขายของกลุ่มเครื่องปรับอากาศ คิดเป็น 15% ของกลุ่มสินค้าหมวดเครื่องใช้ไฟฟ้า ทั้ง เอวี และ เอชเอ รวมกัน ขณะที่สินค้าในกลุ่มนี้คิดเป็น 50% ของรายได้รวมซัมซุง
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|