ฉายาของเขาคือ "บิ๊กจิ๋ว"


นิตยสารผู้จัดการ( สิงหาคม 2528)



กลับสู่หน้าหลัก

พลโทชวลิต ยงใจยุทธ เกิดเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2475 ปีเดียวกับที่ประเทศไทยมีการเปลี่ยนแปลงการปกครองและก็เป็นปีเกิดปีเดียวกับ พลโทพิจิตร กุลละวณิชย์ โดยอายุมากกว่ากันเพียงเดือนเศษๆ แต่เรียน จปร. ห่างกัน 1 ปี

พลโทชวลิตเข้าเรียนโรงเรียนอำนวยศิลป์พระนคร รุ่นเดียวกับพลโทวันชัย เรืองตระกูล ผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกคนปัจจุบัน และหอบหิ้วกันเข้าไปเรียนโรงเรียนนายร้อย จปร. จนสำเร็จออกมาพร้อมกันอีกในปี 2497

เป็นนักเรียนนายร้อย จปร. รุ่นที่ 1

ถ้าพูดถึงเพื่อนร่วมรุ่น (จปร. 1) ก็มีเช่น พลโทวันชัย เรืองตระกูล พลโทสุนทร คงสมพงษ์ ผบ.นสศ. พลตรีปัญญา สิงห์ศักดา รองแม่ทัพภาคที่ 1 พลตรีชัยชนะ ธารีฉัตร รองแม่ทัพภาคที่ 3 และพลตรีสมคิด จงพยุหะ รองแม่ทัพภาคที่ 3 อีกเหมือนกัน เป็นต้น

จบจากโรงเรียนนายร้อย จปร. แล้ว พลโทชวลิตเคยเข้าศึกษาต่อหลักสูตรชั้น ผบ.พันสื่อสารรุ่นที่ 5 เข้าเรียนโรงเรียนเสนาธิการทหารบกในรุ่นที่ 42 เข้าเรียนโรงเรียนเสนาธิการทหารบกสหรัฐอเมริกาที่ฟอร์ทลีเวนเวิทธ์ ประเทศสหรัฐอเมริกา

พลโทชวลิตผ่านตำแหน่งสำคัญๆ มาแล้วในอดีต อาทิ ตำแหน่งหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก 315 (หน.ศปก.ทบ. 315) ตำแหน่งนายทหารคนสนิทรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่ชื่อ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ และตำแหน่งเจ้ากรมยุทธการทหารบก

ปี 2525 ก้าวจากตำแหน่งเจ้ากรมยุทธการทหารบกยศพลตรีมากินตำแหน่งพลโทเป็นผู้ช่วยเสนาธิการทหารบกฝ่ายยุทธการ

ปี 2526 ก้าวอีกขั้นเป็นรองเสนาธิการทหารบก ส่วนตำแหน่งสำคัญด้านอื่นก็คือตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ และตำแหน่งวุฒิสมาชิก

เป็นผู้ริเริ่มการใช้กำลังกึ่งทหารที่เรียกกันว่า “อาสาสมัครทหารพราน” มาตั้งแต่ปี 2522 และเป็นนายทหารคนหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญในการร่างและผลักดันคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 เรื่องนโยบายการต่อสู้เพื่อเอาชนะคอมมิวนิสต์ โดยเสนอหลักการขยายเสรีภาพและแนวทางการต่อสู้อย่างสันติวิธี ซึ่งประสบความสำเร็จสูงมาก

เป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องว่ามีมันสมองยอดเยี่ยม เป็นอัจฉริยะแทบจะทุกด้าน จนได้รับฉายาว่าสมอง “คอมพิวเตอร์” บ้าง “มันสมอง” ของกองทัพบกยุคปัจจุบันบ้าง สุดแท้แต่จะชมกันอย่างไร ส่วนฉายาที่ไม่ใช่คำชมนั้นก็มีอยู่หลายฉายาเช่นกัน

แต่ไม่ว่าจะเป็นฉายาไหน ดูเหมือนว่าฉายาที่ติดปากมากที่สุดก็คือ “"บิ๊กจิ๋ว”

“บิ๊กจิ๋ว” เป็นฉายาที่พลโทชวลิตได้รับการยัดเยียดให้ตั้งแต่ครั้งที่ยังมียศพลตรีตำแหน่งเจ้ากรมยุทธการทหารบก

เหตุที่ได้รับฉายาเช่นนี้ก็เพราะเจ้าตัวมีชื่อเล่นว่า “จิ๋ว” และบังเอิญนายทหารที่ทำงานอยู่ใน ศปก.ทบ. ที่ทำงานเดียวกันมีอีกในหนึ่งยศพันเอกชื่อเล่น “จิ๋ว” เหมือนกัน

พลตรี “จิ๋ว” ก็เลยต้องเรียกกันในหมู่ จปร.รุ่นน้องและลามเลยไปถึงรุ่นพี่ๆ ด้วยว่า “บิ๊กจิ๋ว” ส่วนอีก “จิ๋ว” จะเป็น “ลิตเติ้ลจิ๋ว” หรือจะ “จิ๋ว” เฉยๆ ก็เรียกกันไป

บังเอิญ “จิ๋ว” คนนี้มีบทบาทกว้างขวางมากในช่วงนั้น และก็มีทีท่าว่าจะจำเริญก้าวหน้าต่อไปในกองทัพบกหรืออาจจะเป็นในวงการเมืองต่อไปด้วยก็ไม่แน่

ฉายา “บิ๊กจิ๋ว” ในความหมายหนึ่งก็เลยกลายเป็นความเหมาะสมในอีกความหมายหนึ่งไปโดยปริยาย

หลังจากนั้นจึงมี “บิ๊ก” อีกหลาย “บิ๊ก” ตามกันมาเป็นพรวนด้วยประการฉะนี้

มีความเป็นไปได้มากที่ในเดือนตุลาคม 2528 นี้พลโทชวลิตจะก้าวขึ้นไปติดยศพลเอกในตำแหน่งเสนาธิการทหารบก



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.