การลงทุนของเอเชียทรัสต์ ในทีวีช่อง 3


นิตยสารผู้จัดการ( เมษายน 2528)



กลับสู่หน้าหลัก

เอเชียทรัสต์เข้าไปมีส่วนร่วมกับทีวีสีช่อง 3 เอเชียทรัสต์ในลักษณะของผู้ร่วมลงทุน โดยใช้ตัวบุคคลและบริษัทเป็นผู้ร่วม โดยลักษณะของหุ้นแบ่งออกเป็นของกลุ่มเอเชียทรัสต์ถืออยู่ประมาณ 47% โดยแบ่งออกเป็นดังนี้ ; -

คุณหญิงลลิลทิพย์ ธารวณิชกุล 5.9 %

บริษัท ธารวณิช จำกัด 8.4 %

บริษัท ทิพวัล จำกัด 8.4 %

ทินกร ธารวณิชกุล 2.1 %

สุสุทธิ์ วิจิตรานนท์ 1.67 %

สุกิจ วิจิตรานนท์ 8.4 %

นิรันดร์ วิจิตรานนท์ 1.67 %

บริษัท ไทยเจนเนอราล อีควิปเม้นท์ 8.4 %

(โดยนิรันดร์ วิจิตรานนท์ เป็นตัวแทน )

ส่วนด้านมาลีนนท์นั้นเดิมทีมี วิชัย มาลีนนท์ ถือหุ้นอยู่คนเดียวจำนวน 37.5% แต่ภายหลังวิชัย มาลีนนท์ ได้กระจายหุ้นออกไปให้สมาชิกในครอบครัวดังนี้

วิชัย มาลีนนท์ 0.86%

ประสาร มาลีนนท์ 5.83%

ประวิทย์ มาลีนนท์ 5.83%

ประชา มาลีนนท์ 5.83%

ประชุม มาลีนนท์ 5.83%

รัตนา มาลีนนท์ 3.33%

นิภา มาลีนนท์ 3.33%

อัมพร มาลีนนท์ 3.33%

รัชนี มาลีนนท์ 3.33%

รวม 3.750%

หุ้นส่วนที่เหลือนั้นมี :-

พล.ท.ประชุม ประสิทธิ์สรจักร์ 0.9%

พล.ท.ม.ร.ว.ลาภ หัสดินทร 0.9%

นรา คุณวัฒน์ 5%

บริษัท สหมิตรเอ็นเตอร์ไพร์ จำกัด 8.7%

รวม 15.5%

ทุนจดทะเบียนของทีวีช่อง 3 หรือบริษัทบางกอกเอ็นเตอร์เทนเมนต์ จำกัด มีเพียง 12 ล้านบาท (120,000 หุ้น หุ้นละ 100 บาท) แต่ยอดสินทรัพย์หมุนเวียนเมื่อปี 2526 มีประมาณ 300 กว่าล้านบาท ซึ่งถ้ามองในแง่ของ DEBT-EQUITY RATIO แล้วก็จะตกประมาณ 1 : 30

ฉะนั้นเงินหมุนเวียนจะมาในรูปของ OD หรือเป็น TEAM LOAN ก็จะเป็นการพึ่งพาธนาคารเอเชียทรัสต์เสียส่วนใหญ่ ซึ่งจากการคิดดอกเบี้ยประมาณ 40 ล้านบาท ที่ต้องจ่ายต่อปี แสดงว่าช่อง 3 ต้องใช้เงินกู้ประมาณ 250 ล้านบาทต่อปี

แต่นี่ก็ไม่ได้แสดงว่าช่อง 3 จะขาดทุน เพราะในลักษณะที่เงินทุนต่ำแต่ผลตอบแทนสูง การขยายฐานของทุนสำหรับช่อง 3 นั้นไม่เหมาะสมเพราะ

1. ช่อง 3 เป็นธุรกิจที่มีสัญญาหมดสิ้น เป็นระยะที่ต้องใช้ในการวิ่งเพื่อต่อสัญญา การขยายทุนเพื่อเพิ่มทรัพย์สิน จึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าทำ

2. การกู้มากไม่เสียหาย ในเมื่อผู้ถือหุ้นใหญ่คือ ธนาคาร ซึ่งช่อง 3 สามารถเอาเงินมาใช้ได้เต็มที่ โดยไม่คำนึงถึง DEBT-EQUITY RATIO เพราะธนาคารเองก็เห็นตัวเลขว่า ช่อง 3 มีเงินเข้ามาตลอด เงินที่เอาไปใช้ส่วนใหญ่จะเป็นการเอาไปสต๊อกซื้อหนังไว้ล่วงหน้า

3. แทนที่จะขยายฐานก็เอาเงินปันผลให้สูงเพื่อให้ผู้ถือหุ้นได้รับประโยชน์เต็มที่ แล้วผลักภาระการกู้ให้กับธนาคารซึ่งเป็นเครือเดียวกันอยู่แล้ว ก็จะไม่เรียกร้องการค้ำประกันอะไรมากมายนัก

ถึงแม้การแสดงบัญชีงบดุลจะมีกำไรเพียง 5.20 บาทต่อหุ้น หรือประมาณ 624,000 บาทเท่านั้น แต่วงการภายในเชื่อว่ารายรับจริงของช่อง 3 จะตกประมาณ 2.5- 3 ล้านบาทต่อวัน หรือประมาณ 912-1,095 ล้านบาทต่อปี และสามารถทำกำไรได้ไม่ต่ำกว่า 100 - 150 ล้านบาทต่อปี หรือประมาณ 833 -1,250 บาทต่อหุ้น

จึงพอพูดได้ว่า ช่อง 3 คือช่องทำเงินให้กับบรรดาผู้ถือหุ้นจริงๆ



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.